5. การตั้งชื่อเรื่องที่วิจัยควรตั้งอย่างไร
โดยธรรมเนียมปฏิบัติ ผู้เขียนเอกสารวิชาการจะ เสนอนำด้วยชื่อเรื่องเป็นอันดับแรก เป็นการแสดงให้ผู้อ่านเริ่มรับรู้สาระที่จะตามมา แต่โดยการทำงานของผู้เขียนจะมีลำดับการคิด ที่แตกต่างกัน บางคนเริ่มต้นด้วยความมั่นใจ และดำเนินเรื่องต่อมาด้วยความต่อเนื่อง แต่ก็มีผู้เขียนจำนวนมากที่มีการคิดไตร่ตรอง ทบทวน ชั่งใจ กว่าจะได้หัว ก็ใช้เวลาคิดย้ำซ้ำทวน การเขียนชื่อเรื่องจึงเป็นงานที่เขียนภายหลังจากการตัดสินใจต่อมา
งานวิจัยเป็นงานวิชาการที่มีกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ เรื่องที่จะวิจัย จะมีคำถามวิจัยที่ชัด และมองเห็นคุณค่าของงานที่จะเกิดขึ้น การวิจัยจะจบลงด้วยการได้คำตอบตรงวัตถุประสงค์ ดังนั้นการตั้งชื่อเรื่องวิจัยจึงเป็นงานที่ต้องการความคิดที่ประณีต นักวิจัยมักจะตั้งชื่อครั้งแรก แล้วทบทวนแก้ไขจนมั่นใจว่าตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตนต้องการ
จากการวิเคราะห์การตั้งชื่อเรื่องในงานวิจัยที่เผยแพร่ทั่วไป พบจุดอ่อนหลาย ประเด็น ได้แก่
¤ ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย
นักวิจัยคงต้องตรวจสอบวัตถุประสงค์และคำถามวิจัย ว่าต้องการศึกษาอะไร เกี่ยวข้องกับตัวแปรอะไร
¤ไม่สื่อถึงระเบียบวิธีวิจัยที่จะได้ความจริงที่ต้องการ
นักวิจัยคงต้องตรวจสอบเป้าหมายลานของตน ว่า ต้องการบรรยายปรากฏการณ์ หรือ ค้นหาความสัมพันธ์ของตัวแปร หรือ ต้องการหาประสิทธิภาพของนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น หรือ ต้องการสร้างรูปแบบของระบบการเรียนรู้
¤ไม่ระบุขอบเขตของการวิจัย
การวิจัยที่ ต้องการความจริงที่เฉพาะบริบท หรือ พื้นที่ หรือ กลุ่มเป้าหมาย ผู้วิจัยต้องระบุชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดผลการวิจัยที่เกิดความคลาดเคลื่อน ที่เรียกว่า overgeneralization ซึ่งเป็นจุดอ่อนกระทบต่อคุณภาพการวิจัยในด้านความตรงภายนอก (external validity)
¤ เขียนไม่กระชับ ใช้คำมากเกินความจำเป็น
โดยปกติ การตั้งชื่อเรื่องจะมีหลักของความกระชับ ตรงประเด็น แต่ก็พบลักษณะของการใช้ภาษาที่มีคำขยายมากเกินความจำเป็น นักวิจัยจะแก้ไขเองได้ไม่ยาก ด้วยการอ่านทบทวน ไม่รีบร้อนเกินไป
กล่าวโดยสรุป หลักการตั้งชื่อเรื่อง มีดังนี้
@ สั้น กระชับ และใชคำถูกต้องตามหลักภาษา
@ สื่อความหมายว่ากระบวนการนั้นต้องการค้นหาความจริงเรื่องอะไร เห็นตัวแปร
@ เกี่ยวข้องกับใคร ในสถานการณ์หรือบริบทใด เวลาใด เป็นขอบเขตที่ต้องกำหนดเพื่อความถูกต้องของการสรุปผลที่ได้
@ ทำอย่างไร เป็นการระบุการทำชื่อที่ตั้งได้ถูกต้องเหมาะสมจะสะท้อนถึงระเบียบวิธีวิจัย และความรู้หรือผลการวิจัย
ข้อสังเกตที่น่าพิจารณา ประเด็นความกระชับ กับ ประเด็นความครอบคลุม บางครั้งก็มีความขัดแย้งกัน นักวิจัยอาจตัดคำบางคำ แล้วนำไปขยายในรายงาน เช่น รายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายที่ศึกษา มีทั้งระดับชั้น ลักษณะเฉพาะกลุ่ม สังกัดของโรงเรียน ปีที่ศึกษา เป็นต้น นักวิจัยจะพิจารณาว่าคำใดเป็นการขยาย หรือเป็นลักษณะที่ต้องระบุให้ชัดเจนให้สอดคล้องกับผลการวิจัย ในกรณีที่เป็นคำขยายอาจนำไปเขียนในขอบเขตของการวิจัย หรือ ในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง ถ้านักวิจัยไม่แน่ใจ ก็สามารถขอความเห็นจากผู้อ่านที่มีคุณวุฒิ หรือผู้ที่อยู่ในชุมชนนักวิจัยได้
พึงระลึกเสมอว่า คุณภาพของงานวิจัยตั้งต้นที่ปัญหาวิจัย คุณภาพปัญหาวิจัยขึ้นกับการคิดและการเขียนของนักวิจัย
มีความรู้ดีมากครับ
จากการอ่านในหัวข้อ เรื่อง คำถามจากผู้วิจัยข้อ 5 ทำให้ผู้อ่านมีความเข้าใจเกี่ยวกับการทำวิจัยมากยิ่งขึ้นว่าการทำวิจัยนั้นจะต้องมีกระบวนการวางแผนอย่างชัดเจน และเป็นระบบแบบแผนตั้งแต่การตั้งชื่อเรื่องของงานวิจัย ผู้ทำวิจัยต้องใช้กระบวนการคิดในการไตร่ตรองเพื่อให้ชื่อเรื่องวิจัยนั้นมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ทำ มีการสื่อถึงระเบียบวิจัย การระบุขอบเขต และที่สำคัญจะต้องเขียนให้สั้นและกระชับ •ขอบคุณผู้เขียนนะคะที่ให้สาระความรู้อย่างดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่จะเริ่มการทำวิจัย และผู้ที่เคยทำวิจัยแล้วแต่ยังมีความสับสนอยู่