ระบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ระบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
1. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบใช้สาย (สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานศาลยุติธรรม. http://www.it.coj.go.th/)
1.1 การเชื่อมต่อแบบ Dial UP เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เคยได้รับความนิยมในยุคแรก ๆ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์บุคคลกับสายโทรศัพท์บ้านที่เป็นสายตรงต่อเชื่อมเข้ากับโมเด็ม (Modem) ก็สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้แล้ว ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตต้องทำการติดต่อกับผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านหมายเลขโทรศัพท์บ้าน โดยผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะกำหนดชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) มาให้เพื่อเข้าใช้บริการอินเทอร์เน็ต การขอรับบริการจากผู้ให้บริการนอกจากการติดต่อโดยตรงแล้ว ยังมีการจำหน่ายในรูปแบบแพ็กเกจของชั่วโมงอินเทอร์เน็ต สามารถหาซื้อได้โดยสะดวกและนำมาใช้ได้ทันทีกับโทรศัพท์บ้านโดยทั่วไป
1.2 การเชื่อมต่อแบบ ISDN (Internet Services Digital Network) เป็นการเชื่อมต่อที่คล้ายกับแบบ Dial Up เพราะต้องใช้โทรศัพท์และโมเด็มในการเชื่อมต่อ ต่างกันตรงที่ระบบโทรศัพท์เป็นระบบความเร็วสูงที่ใช้เทคโนโลยีระบบดิจิตอล (Digital) และต้องใช้โมเด็มแบบ ISDN Modem ในการเชื่อมต่อ การขอใช้บริการต้องติดต่อกับผู้ให้บริการ
1.3 การเชื่อมต่อแบบ DSL (Digital Subscriber Line) เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงโดยใช้สายโทรศัพท์ธรรมดา ที่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตและพูดผ่านสายโทรศัพท์ปกติได้ในเวลาเดียวกัน การเชื่อมต่อต้องใช้ DSL Modem ในการเชื่อมต่อ ต้องติดตั้ง Ethernet Adapter Card หรือ Lan Card ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วย
1.4 การเชื่อมต่อแบบ ADSL (Asymmetric Digital Subscriber Line) คือเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูงบนเครือข่ายสายทองแดงหรือคู่สายโทรศัพท์นั่นเอง โดย ADSL เป็นเทคโนโลยีในตระกูล xDSL ที่มีลักษณะสำคัญคืออัตราการเร็วในการรับข้อมูล (Downstream) และอัตราการเร็วในการส่งข้อมูล (Upstream) ไม่เท่ากัน ซึ่งอัตรารับข้อมูลสูงสุดที่ 8 เมกะบิตต่อวินาที และอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดที่ 1 เมกะบิตต่อวินาที ระดับความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลจะขึ้นอยู่กับระยะทาง และคุณภาพของคู่สาย ข้อดีของ ADSL ก็คือสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตไปพร้อม ๆ กับคุยโทรศัพท์ได้ เพราะได้ใช้เทคนิคการเข้ารหัสสัญญาณ ที่จะแบ่งย่านความถี่บนคู่สายทองแดง ออกเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงความถี่โทรศัพท์ (POTS) ช่วงความถี่ของการส่งข้อมูล (Upstream) ช่วงความถี่ในการรับข้อมูล (Downstream) จึงทำให้สามารถส่งข้อมูลและใช้โทรศัพท์ได้ในเวลาเดียวกัน ด้วยเหตุนี้เมื่อคู่สายโทรศัพท์ของเรามีความเร็วที่เพิ่มขึ้นแล้ว ก็เท่ากับว่าเราสามารถเข้าใช้งานไปยังผู้ให้บริการทางด้านอินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วขึ้นนั่นเอง
ADSL จัดว่าเป็นบรอดแบนด์อย่างหนึ่ง แต่เป็นบรอดแบนด์ในราคาประหยัดที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ และออกแบบมาให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตจากบ้าน ที่มีความต้องการในการดาวน์โหลดข้อมูลมากกว่าการส่งข้อมูลออกจากเครื่อง ดังนั้นเทคโนโลยี ADSL จึงมีประโยชน์มากสำหรับผู้ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่บ้าน เพราะช่วยให้สายโทรศัพท์มีความสามารถในการรับส่งข้อมูลที่สูงขึ้น ช่วยให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ในความเร็วไม่แตกต่างไปจากที่ทำงาน
แต่ข้อจำกัดของการใช้งาน ADSL ก็คือจำกัดเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ โดยจะต้องใช้งาน ADLS กับคู่สายโทรศัพท์ที่ได้ร้องขอไปเท่านั้น และการติดตั้งและใช้งาน ADSL ไม่ได้ความเร็วตามที่เราร้องขอเสมอไป เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องระยะทางเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะยิ่งห่างจากชุมสายมากเท่าไหร่ อัตราของการรับส่งข้อมูลก็จะต่ำลงเท่านั้น ดังนั้นหากอยู่ห่างจากศูนย์กลางของพื้นที่ให้บริการของชุมสาย อัตราการรับส่งข้อมูลก็จะลดลง ซึ่งทางผู้ให้บริการส่วนมากจึงต้องมีการทดสอบก่อนว่าคู่สายโทรศัพท์ของคุณสามารถรองรับบริการของ ADSL ได้อย่างเต็มความสามารถหรือไม่
สิ่งที่ตามมาอีกเรื่องหนึ่งก็คือบริการของ ADSL ใช่ว่าจะให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้บริการเต็มความสามารถของแบนด์วิดธ์ที่ขอไป เช่น การใช้งานที่ 128 kbps ผู้ใช้งานจะใช้งานได้เต็ม 128 kbps บางช่วงเวลาเท่านั้น เพราะ 128 kbps จะถูกแชร์ให้กับผู้ร้องของบริการรายอื่น ๆ ที่อยู่ละแวกเดียวกันกับคุณ ซึ่งจะทำให้ต้องแบ่งปันแบนด์วิดธ์ของการใช้งานออกตามจำนวนของผู้ใช้
1.5 การเชื่อมต่อแบบ Cable การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน Cable เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยผ่านสายสื่อสารเดียวกับ Cable TV จึงทำให้เราสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปพร้อม ๆ กับการดูทีวีได้ โดยต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม คือ Cable Modem เพื่อเชื่อมต่อ ต้องติดตั้ง Ethernet Adapter Card หรือ Lan Card ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วย
2. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย
2.1 การเชื่อมต่อแบบ Satellites การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม (Satellites) เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ระบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันเรียกว่า Direct Broadcast Satellites หรือ DBS โดยผู้ใช้ต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม คือ จานดาวเทียมขนาด 18-21 นิ้ว เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณจากดาวเทียม ใช้ Modem เพื่อเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต นิยมเฉพาะในพื้นที่ไม่มีสายสัญญาณหรือวิธีการที่เครือข่ายอื่นเข้าไปได้ยาก เช่น พื้นที่ภูมิประเทศสลับซับซ้อน (สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงาน ศาลยุติธรรม. http://www.it.coj.go.th/)
2.2 ระบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN : WLAN) หมายถึง เทคโนโลยีที่ช่วยให้การติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง หรือกลุ่มของเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถสื่อสารกันได้ รวมถึงการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้วยเช่นกัน โดยปราศจากการใช้สายสัญญาณในการเชื่อมต่อ แต่จะใช้คลื่นวิทยุเป็นช่องทางการสื่อสารแทนการรับส่งข้อมูลระหว่างกันจะผ่านอากาศ ทำให้ไม่ต้องเดินสายสัญญาณ และติดตั้งใช้งานได้สะดวกขึ้น ระบบเครือข่ายไร้สายใช้แม่เหล็กไฟฟ้าผ่านอากาศ เพื่อรับส่งข้อมูลข่าวสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ และระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์เครือข่าย โดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี้อาจเป็นคลื่นวิทยุ (Radio) หรืออินฟาเรด (Infrared) ก็ได้ โดยข้อมูลจะวิ่งผ่านคลื่นวิทยุลักษณะเดียวกับการฟังวิทยุ ซึ่งมีหลักคือการทำงานจะมีอุปกรณ์ในการส่งสัญญาณและกระจายสัญญาณ หรือที่เราเรียกว่า Access Point ที่ไปติดตามพื้นที่ให้บริการและ มี Wireless Card ที่อยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ notebook เป็นตัวรับและส่งสัญญาณ โดยเจ้า Wireless Card นี้ปัจจุบันถ้าซื้อเครื่องใหม่ส่วนมากจะ Buit-in คือมีมาให้เองอยู่แล้ว สามารถรับสัญญาณ Wireless ได้เลย แต่ถ้าเป็นเครื่องเก่าที่ไม่มี Wireless card มาให้ ต้องไปหาซื้อ Wireless Card หรือ USB Adapter มาติดตั้งเพื่อรับส่งสัญญาณ (ศูนย์คอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยศิลปากร. http://qa.cc.su.ac.th/wordpress/?p=7)
2.3 WiMAX คือ การออกแบบโครงสร้างและอุปกรณ์สื่อสารแบบไร้สายที่ได้ถูกพัฒนามาจาก Wireless LAN ผลดีคือ ระยะทำการที่ครอบคลุมมากกว่าเครือข่ายแบบ Wireless LAN หลายเท่า แถมยังได้ความเร็วในการให้บริการสูงเทียบเท่ากัน จึงทำให้สามารถเชื่อมต่อระหว่างตึกต่าง ๆ ได้ง่ายไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของภูมิประเทศ นอกจากนี้ WiMAX ยังมีการ เข้ารหัสข้อมูลที่ปลอดภัยสูงอีกด้วย WiMAX จะทำให้การติดตั้ง Intenet ในสถานที่ต่าง ๆ ทำได้ง่าย (กระทรวงศึกษาธิการ. http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID= 11221&Key=itnews)
2.4 บลูทูธ (Bluetooth) คือ ระบบสื่อสารของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์แบบสองทางด้วยคลื่นวิทยุระยะสั้น (Short-Range Radio Links) โดยปราศจากการใช้สายเคเบิ้ลหรือสายสัญญาณเชื่อมต่อ และไม่จำเป็นจะต้องใช้การเดินทางแบบเส้นตรงเหมือนกันอินฟราเรด Bluetooth จะใช้สัญญาณวิทยุความถี่ในช่วง 2.4 ถึง 2.4835 GHz โดยแบ่งออกเป็น 79 ช่องสัญญาณ และจะใช้ช่องสัญญาณที่แบ่งนี้เพื่อส่งข้อมูลสลับช่องไปมา 1,600 ครั้งต่อ 1 วินาที ระยะทำการของ Bluetooth จะอยู่ที่ 5-10 เมตร โดยมีระบบป้องกันโดยใช้การป้อนรหัสก่อนการเชื่อมต่อ และป้องกันการดักสัญญาณระหว่างสื่อสารโดยระบบจะสลับช่องสัญญาณไปมา จะมีความสามารถในการเลือกเปลี่ยนความถี่ที่ใช้ในการติดต่อเองอัตโนมัติ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเรียงตามหมายเลขช่อง ทำให้การดักฟังหรือลักลอบขโมยข้อมูลทำได้ยากขึ้น โดยหลักของบลูทูธจะถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็ก เนื่องจากใช้การขนส่งข้อมูลในจำนวนที่ไม่มาก เช่น ไฟล์ภาพ เสียง แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ความสามารถในการส่งถ่ายข้อมูลของ Bluetooth จะอยู่ที่ 1 เมกกะบิตต่อวินาที (1 Mbps) (อุทัศน์ พิทักษ์สายชล. http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp?TOPIC_ID=1139)
ไม่มีความเห็น