เกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียน (ต่อ)
8. การเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียนต้องเขียนตามระเบียบวิธีวิจัย คือต้องมีบทที่ 1 ถึง บทที่ 5 ใช่หรือไม่
ไม่จำเป็น การเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียน ครูสามารถเขียนง่าย ๆ โดยระบุปัญหาที่ พบ สาเหตุของปัญหา วิธีการแก้ปัญหา และผลการแก้ปัญหา อาจมีข้อเสนอแนะหรือ ข้อสังเกตต่อท้าย และแนบหลักฐานสิ่งที่ได้ ดำเนินการ เช่น แบบฝึก แบบบันทึก ฯลฯ
9. ทำวิจัยแล้วจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
ทำวิจัยแล้วมีประโยชน์อย่างแน่นอน ประโยชน์ต่อนักเรียนคือ นักเรียนแต่ละคนจะได้รับการพัฒนา หรือแก้ปัญหาอย่างถูกวิธี ประโยชน์ต่อครูคือ ครูมีการวางแผนการทำงานอย่างเป็นระบบ ครูผู้สอนสามารถสรุปเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียนเพื่อรอรับการประเมินตามมาตรฐานวิชาชีพครู และ สามารถรวบรวมเป็นผลงานวิชาการเพื่อขอเลื่อนระดับให้สูงขึ้น
10. การวิจัยในชั้นเรียนและการวิจัยในโรงเรียนต่างกันอย่างไร
การวิจัยในชั้นเรียน เป็นการวิจัยของครูที่ประจำอยู่ในห้องเรียน ซึ่งสังเกตพบว่า นักเรียนบางคนมีปัญหา และเมื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหาของนักเรียนบางคนดังกล่าว ระบุได้หลายสาเหตุ จึงเลือกสาเหตุที่ตนสามารถ แก้ไขได้ หาวิธีแก้ไข (ซึ่งไม่ใช่วิธีสอน) ดำเนินการแก้ไขไปพร้อม ๆ กับการสอนนักเรียนกลุ่มใหญ่ จนปัญหา ดังกล่าวได้รับการคลี่คลาย จึงเขียนรายงานการวิจัยซึ่งมีความยาว 2-3 หน้า
การวิจัยในโรงเรียน เป็นการวิจัยของผู้บริหารโรงเรียน หรือศึกษานิเทศก์ ซึ่งสังเกตพบว่า ครูบางคนมีปัญหา ในงานครู และเมื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุดังกล่าว ก็ระบุได้หลายสาเหตุ จึงเลือกสาเหตุที่ตนสามารถแก้ไขได้ หาวิธีการ แก้ไข ดำเนินการแก้ไข ไปพร้อม ๆ กับการปฏิบัติงานปกติของตน จนปัญหาดังกล่าวได้รับการคลี่คลาย จึงเขียน รายงานการวิจัยซึ่งมีความยาว 2-3 หน้า เช่นเดียวกัน
11. การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนจะทำได้ทุกกลุ่มสาระหรือไม่
การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน สามารถทำได้ทุกกลุ่มสาระไม่ว่าจะเป็นสาระความรู้ การปฏิบัติ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและการพัฒนาคุณธรรม ลักษณะของแต่ละกลุ่มสาระใช้กระบวนการเดียวกัน คือ ก่อนวิจัยต้องมีการหาปัญหาหรือสิ่งที่ต้องการพัฒนา หาแนวทางแก้ไข นำแนวทางไปดำเนินการ สรุปผล การเขียนรายงาน
12. โดยสรุปการวิจัยในชั้นเรียนจะมีลักษณะอย่างไร
การวิจัยในชั้นเรียนจะมีลักษณะดังนี้
1) ผู้วิจัยยังคงทำงานตามปกติของตน
2) ไม่ต้องสร้างเครื่องมือวิจัย
3) ไม่มีข้อมูลจำนวนมาก
4) ไม่ต้องทบทวนรายงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
5) ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากการสังเกต การพูดคุย และใช้การวิเคราะห์เนื้อหา
6) ใช้เวลาทำวิจัยไม่นาน ขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหาและจำนวนบุคคลที่ต้องการแก้ไข
7) ความยาว 2-3 หน้าต่อเรื่อง
8) นักเรียน/ครู ได้รับการแก้ไขหรือพัฒนา
9) ไม่มีการระบุประชากร กลุ่มตัวอย่าง การสุ่มตัวอย่าง
10) ไม่ต้องใช้สถิติสรุปอ้างอิง และไม่มีระดับนัยสำคัญ
11) ไม่มีการทดสอบก่อนหลัง
12) ไม่มีกลุ่มทดลอง กลุ่มควบคุม
13) เป็นการวิจัยเชิงคุณลักษณะ (Qualitative research มากกว่า Quantitative research)
14) เน้นการแก้ไขที่สาเหตุของปัญหาของนักเรียน/ครู บางคน บางเรื่อง
ซึ่งการวิจัยในชั้นเรียนที่นำเสนอนี้มีลักษณะแบบไม่เน้นการรายงานที่ไม่เป็นทางการ เป็นการวิจัยในชั้นเรียนที่มุ่งนำผลไปใช้แก้ปัญหาในการเรียนการสอนทันที โอกาสหน้าผู้เขียนจะได้นำเสนอการวิจัยในชั้นเรียนแบบเชิงวิชาการ หรือแบบสากลต่อไปค่ะ
เอกสารอ้างอิง
รัตนะ บัวสนธ์. (2551). ปรัชญาวิจัย (Philosophy of Research). กรุงเทพฯ. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อรุณี อ่อนสวัสดิ์. (2553). เอกสารประกอบการบรรยาย วิชา ระเบียบวิธีวิจัยขั้นสูง (390611).พิษณุโลก. มหาวิทยาลัยนเรศวร.
แวะมาทักทาย ดีใจมากที่เจอเพื่อนเก่า เป็นกำลังใจให้นะ
เเวะมาเยี่ยมมาทักทาย ดีครับแล้วจะแอบมาอ่านบ่อยๆ เผื่อว่าจะเป็นกำลังใจ ให้อยากทำวิจัยขึ้นมาบ้าง