AAR การดูงานเมื่อวันที่๑๕ กย.๒๕๕๓


หมอรัสเซียชื่นชมการทำงานดูแลคนไข้ในโรงพยาบาลของไทยว่ามีประสิทธิผลและลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ได้ดีมากกว่ารัสเซีย..แต่การทำงานรณรงค์แบบเป็นผู้เชี่ยวชาญตั้งรับอยู่ในโรงพยาบาลไม่เข้าหาชุมชนหรือรณรงค์กับกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในโรงเรียน ในความเห็นของหมอรัสเซียบอกว่ามันปลายเหตุและไม่ได้ช่วยหยุดการแพร่ะบาดของโรคเอดส์ในกลุ่มNewAgeที่มีประสิทธิผลนัก

พี่พันธ์ทิพย์ว่าที่และรักษาการหัวหน้ากลุ่มงานฯคนใหม่แจ้งและประสานขอความร่วมมือในการที่จะมีคณะดูงานชาวต่างชาติที่สนับสนุนทุนโดยGFและสอวพ.จะมาดูงานและกิจกรรมที่หน่วยงาน เป็นการดูงานและบรรยายหนึ่งวัน โดยช่วงเช้าพี่เขาขอแรงให้น้องกอล์ฟนักจิตคนใหม่ไปช่วยทำกิจกรรมที่ห้องประชุมข้างนอกสถาบันและจะเดินทางกลับมาชมสถานที่ในสถาบันตอนบ่าย..ซึ่งภาคบ่ายฉันจะช่วยในการแนะนำและทำหน้าที่เป็นล่ามให้กับทีมที่จะมาเล่าหรือบรรยายให้กับคณะมาดูงาน...คณะที่มาดูงานส่วนใหญ่เป็นบุคลากรด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับงานส่งเสริมป้องกันโรคเอดส์จากประเทศยุโรปตะวันออก เช่น จอร์เจีย,ยูเครน,อุซเบกิซฐาน..ภาษาอังกฤษดีพอๆกับคนไทย..นั่นคือฟังศัพท์ยากๆไม่ค่อยได้ซึ่งก็เป็นข้อดีมากๆเพราะเราก็ไม่ค่อยรู้คำศัพท์ที่ซับซ้อนสละสลวย..จังหวะการพูดก็ประมาณคิดก่อนจึงพูดเช่นเดียวกันซึ่งต่างจากพวกอินเดียและศรีลังกาที่พูดภาษาอังกฤษรัวๆเร็วๆ..ข้อคิดเห็นที่น่าสนใจมาจากหมอชาวรัสเซียซึ่งแกจะชอบซักและขัดจังหวะการบรรยายแนะนำงานแต่เป็นเพราะว่าแกสนใจและรู้สึกว่าอยากให้ก้าวหน้าไปด้วยกัน..รัสเซียปัจจุบันมีหลายรัฐอิสระและในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแนวโน้มปัญหาสังคมและสาธารณสุขที่เกี่ยวกับเอดส์ก็มีรูปแบบการแพร่ระบาดคล้ายกันกับไทย คือติดต่อทางเพศสัมพันธ์แบบรักต่างเพศมากกว่าติดต่อทางการใช้สารเสพติดแบบฉีดเข้าเส้น แต่ที่รัสเซียการรักษาบำบัดยาเสพติดจะไม่ค่อยมีการใช้สารทดแทนเข้ามาช่วย หากแต่เน้นการทำจิตบำบัดหรือพฤติกรรมบำบัด..สิ่งที่น่าสนใจคือที่รัสเซียเยาวชนหญิงมักจะพบปัญหาสารเสพติดและการติดเชื้อเอชไอวีไปควบคู่กัน ทั้งนี้เนื่องจากเด็กผู้หญิงมักจะถูกล่อหลอกให้ติดยาก่อนที่จะเข้ามาสู่วงจรการค้ามนุษย์..หมอรัสเซียชื่นชมการทำงานดูแลคนไข้ในโรงพยาบาลของไทยว่ามีประสิทธิผลและลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ได้ดีมากกว่ารัสเซีย..แต่การทำงานรณรงค์แบบเป็นผู้เชี่ยวชาญตั้งรับอยู่ในโรงพยาบาลไม่เข้าหาชุมชนหรือรณรงค์กับกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในโรงเรียน ในความเห็นของหมอรัสเซียบอกว่ามันปลายเหตุและไม่ได้ช่วยหยุดการแพร่ะบาดของโรคเอดส์ในกลุ่มNewAgeที่มีประสิทธิผลนัก..เขาอยากเห็นสถาบันใช้ความรู้และประสบการณ์ทำงานรณรงค์ร่วมกับครูและเด็กนักเรียนในโรงเรียนอย่างเป็นรูปธรรมมากกว่านี้..ฉันก็ได้แต่รับฟังแต่ไม่สามารถออกข้อคิดเห็นอะไรได้..แต่สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้และประทับใจก็คือว่าคนทำงานด้านสาธารณสุขไม่ว่าชาติไหนเรามักห่วงใยและระวังถึงสวัสดิภาพความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนและสังคมเสมอ..การแลกเปลี่ยนบอกเล่าสภาพปัญหาการทำงานและแนวทางที่ทำงานอยู่ให้แก่กันและกันเป็นวิธีการเรียนรู้อย่างหนึ่งและสามารถให้คำตอบต่อการค้นหาโอกาสการพัฒนางานของผู้ร่วมแลกเปลี่ยน

หมายเลขบันทึก: 395405เขียนเมื่อ 18 กันยายน 2010 10:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 16:24 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท