หลังจากที่ผมศึกษาค้นหาวิธีการแยกพระกรุออกจากพระโรงงาน และพระโรงงานออกจากพระกรุแบบวนไปวนมาหลายรอบ แล้วนำพระที่สงสัยว่าจะเป็นพระโรงงานไปคืนเจ้าของเดิม หรือที่หาเจ้าของเดิมไม่ได้ ก็ใช้วิธีเก็บแยกไว้เป็นที่ระลึก
จนทำให้พระเครื่องที่เก็บไว้ส่วนใหญ่น่าจะเป็นพระกรุ ที่มั่นใจและดูสบายตาตามหลักการดูพระกรุ ที่ว่าดูสบายตา “หนึก นุ่ม” ก็ทำให้ผมคิดต่อไปว่า
หลังจากไต่ตรองหลายรอบ ผมพบหลักการและแนวทางที่สำคัญ ที่ได้เขียนบันทึกก่อนหน้านี้ และต่อเนื่องมา ดังนี้
พิจารณาพระที่ผิว “สึก” จากการใช้งานแบบต่างๆ ที่จะทำให้เห็นลักษณะทั้งผิวปิดและผิวเปิดแบบต่างๆ ที่ช่วยให้เข้าใจถึงสภาพผิวของพระชั้นต่างๆได้อย่างหลากหลายและเป็นจริงแบบไม่ต้องเดา ไม่ว่าจะเป็น
ทั้ง ๖ ข้อ ข้างต้นจะทำให้ได้กรอบความรู้ถึงความหลากหลายของสภาพพระที่เป็นจริงได้ แล้วนำความรู้ที่ได้ไปดูพระจริงๆในตลาดพระ โดยไม่ต้องนำเงินไป ที่จะทำให้ไม่หลงซื้อตามคำเชิญของผู้ขาย ในขณะที่เรายังดูพระไม่ออก
เมื่อมั่นใจแล้วค่อยเริ่มวัดดวงด้วยการลองหยิบพระตามระดับความเข้าใจของตัวเอง
เมื่อได้แล้วให้รีบนำมาตรวจสอบตามขั้นตอนบันได ๑๒ ขั้นดังกล่าวไปแล้ว
ท่านก็จะสามารถพัฒนาสายตาและฝีมือได้อย่างรวดเร็วครับ
เรียนท่านอาจารย์ครับ
พระนี่สวยย่นแบบคนแก่ได้ด้วยหรือครับ แม่งๆ ชอบกลนาอาจารย์นา ฮาหน่อยครับบบบบ
ผมว่าอาจารย์คิดมากไปหน่อย
ผิวสวยแบบคนแก่นะครับ ยิ่งย่น แห้งๆเหี่ยวๆมากยิ่งสวยครับ อิอิ
ลองเข้าไปดูนะครับ
พระเนื้อดิน ที่ผิวตึง ไม่มีใครดูหรอกครับ ไม่เชื่อถามคนที่ศึกษาพระคนไหนก็ได้ครับ
ต้องเหี่ยวย่นทั้งนั้นครับ
ถ้าเต่งตึงต้องเป็นสนิมแดงครับ
สวัสดีครับอาจารย์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ช่วงนี้ผมไม่ได้ออกไปตลาดพระนานมาก เพราะว่าที่โรงเรียนผมมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครับ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 53 ผมได้ไปงานศพลุงที่ จ.ศรีษะเกษ ผมได้พระของลุงมากเยอะพอสมควร และได้พระกรุวังเพิ่มมาองค์หนึ่งครับ สวยพอผมควรผมถามพวกพี่ลูกลุงว่าลุงได้มายังไง พี่ลุงได้มาตอนเป็นครูที่ อ.สีชมพู ประมาณปี 25 ครับ