อาจารย์ครับ
ข้อเสนอทั้ง ๕ ข้อนี้โดนจริง ๆ ครับ
แต่จะขยับให้มันเป็นจริงได้อย่างไร
แหะ แหะ คม ชัด ลึก เช่นนี้ เหมาะสมกับว่าที่ "อินทรีย์" แล้วครับ
สวัสดีค่ะ
พี่คิมเชียร์ข้อ ๓ และข้อ ๔ ค่ะ มีความเป็นไปได้สูงค่ะ ที่สำคัญ ไม่ต้องรอถึงกับกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมค่ายว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้
ครูนั่นแหละสามารถจัดการได้เลยว่า "เด็กแต่ละคนควรแก้อย่างไรกับเขา" ไม่ยากหรอกหากมีใจทำเพื่อเด็กอย่างจริงจัง
โรงเรียนพี่คิมอยู่ในสังคมกลุ่มเสี่ยง แต่เด็กไม่ติดยา มีแต่ลองบุหรี่เท่านั้น แต่เราจัดการได้ทั้งหมดค่ะ
เห็นด้วยจริง ๆ ค่ะว่า การแก้ปัญหาเด็กต้องแก้ที่ "จิตใจ"
บังเอิญไม่นานมานี้ ใบไม้ฯ เพิ่งมีโอกาสได้จัดค่ายให้เยาวชนจากสถานพินิจของจังหวัดหนึ่ง (เป็นกลุ่มเด็กชนบท ส่วนใหญ่ฐานะยากจนค่ะ พฤติกรรมจะมีความแตกต่างจากเด็กเมืองอยู่บ้าง)
ค้นพบเลยค่ะว่า สำหรับเยาวชนที่พลาดพลั้ง สิ่งที่เขาต้องการมาก คือ "การให้โอกาส"และ "ความเข้าใจ" จากคนใกล้ชิด
การถูก "ตีตรา" ยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่มีที่ยืนในสังคม จึงง่ายที่จะกลับไปเสพยา และตอนนี้ยาหาง่ายเหมือนร้านขายก๋วยเตี๋ยว (อันนี้มาจากคำพูดเปรียบเทียบของเด็ก)
ภายใต้ท่าทีที่เหมือนจะแข็งกร้าว จิตใจพวกเขาอ่อนไหวมาก ๆ ค่ะ หลายคนทำงานศิลปะได้ดีมากอย่างเหลือเชื่อ และด้วยความอ่อนไหวนี้เองจึงง่ายที่จะเสพยาด้วยเช่นกัน
ที่สำคัญ.. พวกเขาไม่มีเป้าหมายชีวิต ไม่รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า จึงใช้ชีวิตไปวัน ๆ
การทำงานเชิง "ป้องกัน" น่าจะง่ายและถูกกว่า การทำงานเชิง "แก้ไข" มากค่ะ
ต้องสร้างให้เด็กรู้สึกถึงความมีคุณค่าในตัวเอง..
ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ เด็กที่เรียนไม่เก่งมักไม่มีที่ยืนในสังคม ไม่เป็นที่ยอมรับจากครู หากครูมองความสามารถของเด็กให้หลากหลายนอกเหนือไปจากเรื่องการเรียนดี อาจทำให้เด็กค้นพบตัวเอง และใช้พลังในตัวเองในเชิงสร้างสรรค์ได้ค่ะ ...^__^...
เสนอความคิดและมุมมองมาได้ถูกใจผมมากเลยครับ ผมว่าปัญหาของเด็กอยู่ที่เขาไม่มีที่ยืนในสังคม
ปัญหานักเรียนนักเลง เด็กอาชีวะตีกัน นักวิชาการเขาก็วิเคราะห์ออกมาในทำนองนี้แหละครับ
และการแก้ ก็ไม่ต้องแก้ใหญ่โตอะไร แก้ที่ห้องเรียนครับ แก้ที่ครู อาจารย์ ขอเพียงครู อาจารย์ ให้ความรัก ความเอื้ออาทร ให้การยอมรับเขา ให้เขามีความภาคภูมิใจในตัวเอง ด้วยกิจกรรมที่ทางสถาบันการศึกษาดำเนินการให้ ไม่ต้องลงทุนงบประมาณอะไรมากมาย
ขอเพียงลงทุนที่ใจ ใช้ใจซื้อใจ ได้ผลคุ้มค่าครับ