เด็กยกพวกตีกัน


เด็กยกพวกตีกัน 

          ผมยั่งใจอยู่หลายวันว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีหรือไม่  ภายหลังจากให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อไปหลายแขนง  แล้วก็ลงมือนำเสนอ ณ ที่นี้เพียงแห่งเดียวอย่างเป็นทางการ

          หนึ่ง  เด็กยกพวกตีกัน อย่าเอาบาปไปลงที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาไม่เกี่ยวอะไรด้วย  อีกทั้งผู้ใหญ่ก็ไม่มีสิทธิทำเช่นนั้น เพราะอำนาจสั่งการลงโทษเช่นไรเป็นเรื่องของ ศาลสถิตยุติธรรม

          สอง  เด็กยกพวกตีกัน อย่าเอาบาปไปลงที่สถานศึกษา ด้วยการปิดเรียน เพราะเด็กในสถานศึกษานั้นๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้เกเรด้วย กลับต้องโดนลงโทษไปด้วย ซึ่งไม่เป็นธรรม

          สาม  เด็กยกพวกตีกัน ถ้าใครทำร้ายใคร รุนแรงเพียงใด  ก็มีโทษตามที่กฎหมายบัญญัติ อย่าคิดว่าโทษอาญาสำหรับเด็กตีกันไม่รุนแรงนะครับ ถ้าทำร้ายถึงตายติดคุกไม่ต่ำกว่า 20 ปี  ถ้าพิการก็ลดหย่อนกันลงมา

          สี่     เด็กยกพวกตีกันนั้น หากจำแนกแยกแยะให้ดี จะแบ่งเด็กออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกนั้นมีไม่มากแต่เป็นหัวโจก พวกนี้จะรุนแรง เมื่อทำรุนแรงก็ได้รับโทษตามกฎหมาย  พวกสองคือพวกแห่แหนตาม ซึ่งเป็นส่วนมากจะพัฒนาไปสู่การเป็นแกนนำต่อไป   ส่วนนี้เองที่ผมมีข้อเสนอว่าควรทำ คือ

                ..บางส่วนส่งฝึกกับทหาร เดี๋ยวนี้เขาพัฒนามาก ฝึกวินัย ความรับผิดชอบ ควบคู่กับการปฏิบัติฝึกจิตด้วย

                ..บางส่วนส่งฝึกกับนักพัฒนา ไปอยู่ช่วยงานพัฒนาส่วนต่างๆ บนดอย ท้องทะเลกับชาวเล  กลุ่มสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ  กลุ่มช่วยผู้ติดเชื้อเอดส์

                ..บางส่วนส่งไปพัฒนาจิตกับกลุ่มศาสนาต่างๆ ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะ

                เหล่านี้  เป็นแนวทางลงโทษเชิงพัฒนา  ที่สังคมไทยมีความเข้มแข็งอยู่มาก  โดยรัฐสนับสนุนงบประมาณเข้าไปช่วยในการฝึก กลับออกมาอย่างมีสภาพดี จิตดี มีมุมมองสาธารณะเพิ่ม เพราะหากนำไปลงโทษในสถานพินิจต่างๆ แล้ว  เขาจะเข้าไปเรียนรู้กับคนที่ต้องคดีรุนแรงกว่า หรือไปเป็นเป็นหัวโจก กลับออกมาก็จะกลายเป็นพลังร้ายกลุ่มใหม่ต่อไป

             ส่วนสาระเอาผิดกับพ่อแม่ กับผู้ดูแลสถานศึกษา  ก็ปฏิบัติกันไปตามกฎหมาย ระเบียบที่มีอยู่

             สำคัญอีกเรื่องที่หลายคนไม่ได้ครุ่นคิดคือ การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชอบตั้งด่านรีดไถกันมาก โดยเฉพาะใกล้สิ้นเดือน หากใช้พลังดีตั้งด่านตรวจตราอาวุธและตรวจยามค่ำคืนแล้ว ความรุนแรงและทำผิดต่างๆ จะน้อยลงมาก 

                     คิดเห็นเป็นประการใด ร่วมแสดงความคิดได้ครับ

 

หมายเลขบันทึก: 393567เขียนเมื่อ 12 กันยายน 2010 18:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 09:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (58)

Ico64 สวัสดีค่ะ "คุณครูหยุย"

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ..ไม่ควรปิดการศึกษา..

ส่งฝึกกับทหาร..ยิ่งดี..ฝึกวินัย ความรับผิดชอบ

ผมว่าผู้ทำผิดตั้งใจกระทำ ขาดความยับยั้งชั่งใจ การฆ่าคนควรมีบทลงโทษที่สาสม จะได้เข็ดหลาบ เพราะชีวิตที่เสียไปเอาคืนไม่ได้ เป็นความเห็นส่วนตัวครับ

สวัสดีครับครูหยุย

เห็นด้วยกับข้อเสนอครับ

สิ่งที่ผมแปลกใจมาก ๆ ทำไมบ้านเราจึงจัดการกับปัญหานี้ไม่ได้เลย

ติดขัดตรงไหนครับ

แก้ข้อกฏหมายใหม่ หามาตรการที่ครอบคลุม เพราะเด็กตีกันมักจะมีความรุนแรงมากขึ้น

เรียน ครูหยุย (ขอบคุณนะครับที่แวะเวียนไปเยี่ยมblog และ share idea)

ความรุนแรงที่เกิดขึ้น อยากให้ผู้ใหญ่ในสังคม ในที่นี้หมายถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะและมีหน้าที่การเป็นพลเมืองของสังคมทุกคน หันมามองว่า

1.สื่อ : นำเสนอข่าวเด็กยกพวกตีกัน ถือมีด ถือปืน วิ่งไล่อัดกันยับ ( โอโห...โก้ระเบิด เอามั่ง)

2.ครู-อาจารย์ : เลิกเรียน หมายถึงหมดเวลาการทำหน้าที่ครู-อาจรย์หรือ?? เด็กจะไปยังไงก็เป็นเรื่องของเขา

3.สถานบันเทิง :ผมทำธุรกิจ จะมามัวแบ่งชั้น วรรณะ อายุ เพศ ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวส่งดอกธนาคารไม่ทัน (เดี๋ยวรวยช้า)

4.ผู้ปกครอง : ให้เงินลูกไปโรงเรียนแล้ว ลูกออกจากบ้าน หมดภาระ รอลูกกลับเข้าบ้านเมื่อไหร่ ถึงจะเป็นภาระของพ่อม่ดูแล

5. สังคม : เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ขืนเข้าไปยุ่งเดี๋ยวเจอลูหหลง (รีบเผ่นให้ไกลจากสมรภูมิดีกว่า)

ที่เหลือคิดไงต่อดีครับ สังคมไทย

  • สวัสดีครับคุณครู
  • เห็นด้วยกับความเห็นที่คุณครูเสนอแนะมาทั้งหมดครับ แต่ผมขอเพิ่มเรื่องสื่อที่นำเสนอข่าวหน่อยครับ เป็นไปได้นอกจากเนื้อหาข่าวในการนำเสนอแล้วเหตุการณ์ที่รุนแรงควรมีการไปสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องเช่น กรณีเด็กตีกัน สื่อต้องไปสัมภาษณ์ผู้ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมายบอกไปว่าทำอย่างนี้ผิด ผิดอย่างไร มีโทษอย่างไร และในฐานะที่เป็นนักเรียนควรทำตัวกับสถานการณ์นี้อย่างไรบ้าง พ่อแม่ ครูบาอาจารย์คนที่เกี่ยวข้องควรจะทำอย่างไร  ถ้าสื่อนำเสนอข่าวอย่างนี้คนที่รับทราบข่าวสารก็จะมีความรู้ไปด้วยครับ ฝากคุณครูนำไปพิจารณาดำเนินการด้วยนะครับ ขอบพระคุณแทนเด็กไทยใจนักเลงครับ
  • ส่วนข้อสุดท้าย เรื่องส่วย เรื่องตำรวจ ต้องแก้ค่านิยมทั้งระบบครับ แม้จะใช้เวลาตลอดทั้งชีวิตก็ตาม

คุณระพีครับ สังคมไทยต้องฝึกวินัยกันให้มาก คัดแยกไปฝึกในรูปแบบต่างๆ ดีกว่าคุมขังครับ

อิสรภาพครับ ต้องจัดการตามกฎหมาย ฆ่าคนตายก็รับโทษหนัก ทำร้ายสาหัสก็รับโทษรองลงมา เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อมีการลงโทษ สื่อไม่นำไปลงว่ากรณีนั้นได้รับโทษแล้วอย่างไรบ้าง

คุณหนานเกียรติ์ครับ ผู้รับผิดชอบในสังคมไทยทำได้แบบเฉพาะหน้า เหมือนไฟไหม้ฟาง แต่สนใจทำเรื่องได้ผลประโยชน์มากกว่า ทำได้ต่อเนื่องเรื่อยไป เช่นเก็บส่วย ค่านายหน้า รับค่าวิ่งเต้น เรื่องแบบนี้ไม่ได้ประโยชน์ใดใด

antique ครับ กฎหมายเพิ่งแก้กันไม่นาน โทษก็หนักนะครับ ทั้งฆ่าคนตาย บาดเจ็บสาหัส หนักทั้งนั้น คงต้องอาศัยสื่อประชาสัมพันธ์โทษของกฎหมายให้มากในโรงเรียน ให้คนส่วนใหญ่เกรงกลัว เป็นการปรามเบื้องต้น

ที่ครูเบิ้มเพิ่มเติมมานั้น ขอบคุณครับ โดยเฉพาะเรื่องสื่อที่เน้นขยายผลความรุนแรงมากไป ต้องเพลาลงบ้าง สถานบันเทิงก็เปิดได้ง่าย ได้ทุกที่ ปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการเต็มไปหมด สอดคล้องกับเรื่องเจ้าหน้าที่รับส่วยตลอด ไม่ดูแลประชาชน สำหรับพ่อแม่และครูอาจารย์นั้นคงต้องมาสนใจพฤติกรรมลูกหลานให้มากๆ ครับ

คุณชำนาญครับ รับข้อเสนอครับ จะพยายามประสานกระทรวงศึกษาให้ทำกรณีกฎหมาย ทั้งความรู้ ทั้งชีวิตคนทำผิด เผยแพร่ตามสื่อในสถานศึกษา สื่อทีวี วิทยุและหนังสือพิมพ์ต่อไปครับ

ขอบคุณครับที่แวะเยี่ยมบล็อกผมแต่เริ่มแรก เรื่องปัญหาเยาวชนนี้ ผมกำลังร่างจดหมายถึงรายการเล่าข่าวทางทีวีอยู่พอดี ตรงกับของอาจารย์หลายข้อ ขออนุญาตเอาข้อที่ผมยังไม่มีเพิ่มไปด้วยเลยนะครับ นอกจากนี้ ผมยังอยากเพิ่มอีกข้อหนึ่งว่าเพราะเขาเห็นตัวอย่างที่ผู้ใหญ่ทำทุกเมื่อเชื่อวัน แรงกว่าเด็กมากมายหลายเท่าก็มี ซึ่งมีเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่องด้วย

สวัสดีครับ..คุณครู

กรรมทั้งหลายเกิดมาแต่เหตุ

ถ้าเหตุนั้นดับ กรรมนั้นก็ดับไปด้วย...

ผมคิดว่าปัญหาเด็กและเยาวชนไทย...ที่ยังแก้ไม่ได้สักที

เนื่องจากเรายังไม่ได้กลับไปแก้ที่ต้นเหตุครับ..

สอนด้วยคำพูดล้านคำ ไม่เท่ากับทำให้ดูเพียงครั้งเดียว

หากผู้ใหญในสังคมไทย ต้องการให้เด็กๆ และเยาวชนเป็นคนดีเช่นใด

ผู้ใหญ่ก็ต้องเป็นคนดีเช่นนั้นให้เด็กๆ ได้ดูเป็นตัวอย่างเสียก่อนครับ

อย่างไรก็ตาม ต้องขอให้กำลังใจแก่ผู้ใหญ่ใจเอื้ออารีย์..

คุณครูหยุ่ย และผู้ใหญ่ทุกท่านที่มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก..ด้วยครับ

ด้วยจิตคารวะ...ขอบคุณครับ

สล่าความ ประเด็นใดมีประโยชน์ต่อการนำเสนอ เชิญเลยครับ สำหรับเรื่องผู้ใหญ่ทำรุนแรงเป็นแบบไม่ดีนั้น มีตั้งแต่ในสภาจนถึงข่าวทั่วไป จะไปว่าเด็กฝ่ายเดียวคงไม่ได้

อ.นุครับ สังคมไทยมีแบบอย่างที่ดีของผู้ใหญ่อยู่ไม่น้อย แต่ขายเป็นข่าวไม่ได้เช่นข่าวร้าย ดังที่เขาว่า ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียเงินครับ

สวัสดีค่ะ

เคยไปสอนวิชาชีพ (เพ้นท์ตกแต่ง) ให้กลุ่มวิวัฒพลเมือง ใน ม.ท.บ. 14 พบว่าเยาวชนกลุ่มนี้น่ารักไม่ต่างไปจากเด็กๆตามโรงเรียนที่เคยได้พบ ได้สอน

บางที การฝึกกับทหาร อาจช่วยแก้ไขพฤติกรรมนะคะ

ไม่เห็นด้วยกับการส่งเด็กไปภาคใต้เหมือนกันค่ะ ไม่ว่าเด็กจะทำผิดอย่างไร ก็ไม่ควรลงโทษโดยเอาชีวิตไปเสี่ยงภัยค่ะ

ติดว่า เราปฏิเสธความรุนแรง แต่หากส่งเด็กไปภาคใต้จริง ก็ดูเหมือนจะยัดเยียดความรุนแรงเข้าสู่เด็กค่ะ

สวัสดี่ค่ะคุณครูหยุย

ดิฉันมีความคิดเห็นว่าการที่ลงโทษโดยการพัฒนาเด็กนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะว่าเด็กยังไงก็เด็กวันยังค่ำ ถ้าเราให้การพัฒนาเขาเข้าใจเขามากขึ้นภายใต้กรอบกฎระเบียบของสังคม เขาก็คงจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ค่ะ

คุณณัฐรดามีประสบการณ์ร่วมกับทหารดูแลเด็กเหล่านี้มาด้วย ยิ่งดีครับ จะได้ช่วยยืนยันว่าการดูแลกึ่งพัฒนานั้น มีประโยชน์มากกว่ากักขังหรือส่งไปภาคใต้ครับ

คุณศศิกาญจน์ใช้คำดีนะครับ ลงโทษโดยการพัฒนาเด็ก การให้โอกาสอย่างมีเหตุมีผลจะช่วยเด็กๆ ปรับตนเป็นคนดีได้มากขึ้นครับ

  • เศร้าใจทุกครั้งเมื่อได้ยินข่าวในลักษณะนี้
  • ไม่ควรไปโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งค่ะอยากให้ปรึกษาหารือกัน
  • เพราะทุกคนก็คงไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
  • อยากให้ทุกภาคส่วนร่วมใจกันคิดหามีวิธีบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
  • ในการป้องกันปัญหาที่จะเกิดดีกว่าไปแก้ที่ปลายเหตุ
  • ซึ่งส่วนตัวแป๋มเองก็ยังครุ่นคิดอยู่ว่าจะเป็นวิธีไหนเพราะงานนี้ค่อนข้างเป็นนามธรรม
  • แต่อย่างน้อยตัวเองก็จะดูแลใส่ใจเด็กๆที่รับผิดชอบอย่างใกล้ชิดให้เต็มที่ก่อนอย่าให้ไปเป็นภาระของใครโดยไม่จำเป็น
  • ซึ่งถือเป็นการป้องกันปัญหาในเบื้องต้นตามความคิดของแป๋มค่ะครูหยุย.

เด็กตีกัน....ครูนกไม่อยากยกความรับผิดชอบไปให้ฝ่ายใดฝ่ายใด..ต้องร่วมกันค่ะ ครอบครัว ชุมชน สถานศึกษาและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง....เด็กคือลูกหลานไทยทุกคน....ความอบอุ่นในบ้านสำคัญที่สุดค่ะ

การดูแลเด็กใกล้ชิดตั้งแต่วัยยังเด็ก ป้องกันปัญหาได้ดีมาก ครูแป๋มทำดีแล้วครับ ส่วนการแก้ไขปัญหาก็ต้องว่ากันไปและทำกันให้ดีที่สุดครับ

ดั่งครูนก ว่าไว้ อบอุ่นในบ้าน ประสานสังคม ชุมชนทุกส่วนช่วยกัน ลดปัญหาได้มากครับ

สวัสดีครับ ข่าวนี้เห็นแทบทุกวันในสื่อปัจจุบัน

เห็นแล้วรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมากครับ ที่สังคมเราแย่ลงไปทุกวัน

ผมก็เป็นเยาวชนคนหนึ่ง จึงอยากที่จะช่วยให้สังคมเราน่าอยู่สืบไป

...สวัสดีครับ ครูหยุย

...เห็นด้วยครับที่จะส่งเด็กไปฝึกจิต ฝึกวินัย

...ผมเจอข่าวทีไรสังเวชใจทุกทีกับอนาคตประเทศไทย

...เจอบ่อยๆที่ตำรวจรีดไถ เจอด้วยตัวเองหลายครั้ง

หนุ่มร้าย..ความคิด ดีใจครับที่เป็นตัวแทนเยาวชนคนหนึ่งที่สนใจเรื่องนี้ การไม่เป็นแบบอย่างที่แย่คือสิ่งที่ง่ายสุด ต่อมาคือการปฏิบัติตนเป็นคนมีประโยชน์ต่อส่วนรวมครับ หากทุกคนปฏิบัติเช่นนี้ ปัญหาไม่เกิดแน่

พ.แจข่มจำรัสครับ ข่าวเยาวชนคนรุ่นใหม่ของเราทำตัวย่ำแย่กันแบบนี้ เห็นแล้วย่อมเหนื่อยใจเป็นธรรมดา ต้องเน้นฝึกวินัย รับผิดชอบและทำงานให้เป็น มากกว่าเที่ยวหามรุ่งหามค่ำและเมากันหัวราน้ำแบบทุกวันนี้

เสาวลักษณ์ (เด็กครุศาสตร์)

ค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

พอสอบเสร็จก็จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเลยค่ะ

  • สวัสดีครับครูหยุย
  • การลงโทษนักเรียนทุกคนวันนี้ ผมว่ารุนแรงมาก
  • เช่น การด่า การประจาร ทำให้เกิดความอับอาย นักเรียนวัยรุ่นส่วนใหญ่มักใจร้อน มักจะต่อต้าน
  • ครูบางคนก็ทำตัวอย่างไม่ดีแก่นักเรียน เช่น ด่า ทำความรุนแรง
  • ผมแสดงความคิดเห็นแค่นี้ครับ
  • ขอบคุณครับ

หนูเสาวลักษณ์ได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัด ดีครับ ใกล้ครอบครัว ได้พักผ่อนมากด้วย

ครูฐานิศวร์ครับ ครูส่วนหนึ่งคงเป็นเช่นนั้น หลายส่วนยังอยู่ในเกณฑ์ดีเข้าใจและให้โอกาสเด็ก เด็กที่ล่อแหลมหรือที่ก้าวพลาดแล้วจึงมีโอกาสกลับมาตั้งหลักใหม่ได้

ใจแป้วทุกครั้งที่ได้ข่าวมีเด็กทำร้ายกัน บางทีถึงตาย มันมาจากต้นเหตุอะไรน่าจะแก้ที่ต้นเหตุนะคะ ทุกวันนี้เราไปแก้ที่ปลายเหตุมันถึงมีอยู่เรื่อยๆ หรือว่าต้นเหตุมันแก้ไม่ได้คะ

KRUDALA ครับ ต้นเหตุคงมีหลายลักษณะครับ เช่นถูกทอดทิ้งแต่เด็ก เลี้ยงตามใจมากไป พ่อแม่ไม่ใส่ใจรับผิดชอบ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย สมองคิดไม่ได้มาก ดื่มเหล้าขาดสติ ติดยาจนไม่รู้อะไรถูกผิด รุ่นพี่หรือเพื่อนยุส่ง มากมายไปหมด ซึ่งคงต้องทำหลายๆ เรื่องควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะการพัฒนาจิต ความรู้ และลดอบายมุขให้น้อยลงในสังคมไทยครับ

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณค่ะที่ไปเยี่ยมกันในบันทึก ชาวพุทธนับถือ 2 ศาสนาได้หรือไม่

ดิฉันเองแม้จะแน่วแน่ในศาสนาพุทธ แต่ลูกสาวคนที่ 2 เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ เคยอ่านพระคัมภีร์เหมือนกันค่ะ ยังชอบในคำสอนบางข้อ

 

สวัสดีค่ะ

        ดาเห็นข่าว อ่านข่าว ได้ยินข่าว แล้วน่าเห็นใจ สงสารผู้ที่ต้องเดือดร้อนกับกลุ่มยกพวกตีกัน ดาเข้าใจพอควร และเริ่มมีมากขึ้นไม่จบสิ้น ในกลุ่มเล็กๆในต่างจังหวัดที่ไม่เป็นข่าวก็มาก ไม่ทราบว่าเป็นอะไรกันนักหนา มองหน้ากันก็ไม่ได้ ก็ไม่มองหน้าแล้วจะให้มองอะไร เด็กๆวัยรุ่นใจร้อนจะเป็นกันเป็นสว่นใหญ่นะคะ หรือผู้ใหญ่ เป็นแบบอย่างด้วยค่ะ  การเอาโทษกับพ่อแม่ น่าเห็นใจสงสารพ่อแม่มากๆ เพราะลูกอยู่บ้านจะเป็นเด็กดี แต่พออยู่นอกบ้านเป็นอีกแบบมากมายค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

            ตั้งใจมาเชิญอ่าน......ประสบการณ์ผู้ใช้น้ำมันมะพร้าวค่ะ

            http://gotoknow.org/blog/kanda01/394297

 

           

            

คุณณัฐรดาครับ ความรู้ในเรื่องศาสนานั้น ผมอ่อนแอมาก ได้เรียนรู้เพิ่มเติมหลายสิ่งจากที่ได้อ่านของคุณณัฐรดานั่นล่ะครับ เข้าใจง่ายดี

คุณดาครับ เพิ่งแวะไปอ่านมาเมื่อครู่นี้เอง เพียงแต่ยังไม่ได้แสดงความเห็นไว้ ส่วนเรื่องเด็กตีกันนั้น มีไปทั่วครับ คงต้องจริงจังในเรื่องนี้กันมากขึ้น จะซาไปเองครับ

ค่ะใช้เป็นขวดที่บอกไว้ว่าน้ำมันมะพร้าว 100% การทำออยล์พูลลิ่ง ดีมากๆค่ะจะไม่มีการเจ็บคอและเสมหะ  ซึ่งมีผลดีหลายอย่างมาก ดายังเอ่ยเล่าเป็นบางส่วนเท่านั้น กำลังเป็นที่นิยมทำกันมากเพราะได้ผลชัดเจน เพราะน้ำมันมะพร้าว มีกรดลอริก น้ำมันอื่นๆไม่มีค่ะ และที่สำคัญ น้ำมันมะพร้าว มีกรดไขมันเหมือนน้ำนมแม่ 7 ชนิด ถึงได้ชื่อว่า มหัศจรรย์ค่ะ  เริ่มใช้นะคะ

                         

ขอบคุณครับ จะเริ่มใช้ครับผม ผลเป็นอย่างไรจะขยายความต่อครับ

ขอบคุณค่ะที่แวะไปให้กำลังใจกัน สร้างสรรอะไรดีๆให้เด็กๆต่อไป

เมื่อไรเรื่องเด็กยกพวกตีกัน.......จะกลายเป็นเด็กยกพวกดี...ดี กันซะที

เป็นเรื่องที่น่ากลัวและเป็นปัญหาที่ไม่ควรละเลยจริงๆค่ะ

คุณ pivara ครับ ขอบคุณที่มาเยียมเยือนครับ เรื่องเด็กตีกันเป็นเรื่องทุกข์ของคนทุกฝ่าย ดังนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมกันป้องกันแก้ไขครับ

สวัสดีค่ะ ครูหยุย

ดิฉันก็คงอยู่วัยเดียวกันกับ เด็กที่ยกพวกตีกัน

แต่อาจเป็นเพราะ เป็นผู้หญิงมั้งค่ะถึงไม่ค่อยเกเร

สาเหตุมันมาจากหลายๆสาเหตุ จะโทษใครเจาะจง คงไม่ได้

คิดแล้วเบื่อ ค่ะ กับข่าวแบบนี้ น่าหดหู่ใจกับสภาพของสังคมไทยเรา

ค่ะ ไม่ต่อกว่านี้แล้ว เอาเป็นว่าคราวหน้าดิฉัน จะมาอ่านบันทึกใหม่นะค่ะ

สวัสดีค่ะ

ศิวพรครับ อย่าเพิ่งเบื่อหรือหน่ายเลยครับ เพราะเป็นเรื่องที่สร้างความเดือดร้อนอยู่ในสังคม สาเหตุคงมีมาก ต้องอดทนและแก้ไขกันไปครับ

เด็กที่ยกพวกตีกันมักจะเป็นปัญหาของสังคมทั้งนั้น+

ใช่ครับคุณมลฑาทิพย์ เป็นปัญหาสังคมมากทีเดียว ต้องป้องกันแก้ไขครับ

สวัสดีค่ะครูหยุย

ขอโทษที่ห่างหายไปนานน่ะค่ะ

เพิ่งจะสอบปลายภาคเสร็จนะคะ

ตอนนี้ก็ปิดเทอมแล้ว+ได้กลับบ้านด้วยค่ะ

^^

ครูหยุย สุขสบายทั้งกายและใจนะค่ะ ?

สวัสดีค่ะ ครูหยุย

เด็กยกพวกตีกัน ต่างจังหวัดก็ไม่ต่างจากกรุงเทพฯ ค่ะ

ไม่รู้ว่าเป็นพฤติกรรมเลียนแบบกันหรือเปล่าค่ะ

ขอบคุณที่เข้าไปชม "ส้มเกลี้ยง" นะค่ะ

หนูเหนือกาลเวลานี่ หายไปนานจริงๆ จนอดเป็นห่วงไม่ได้ ได้ข่าวก็ดีใจ ยิ่งดีใจที่รู้ว่ากลับบ้านหลังสอบแล้ว ครูสบายดี

กอหญ้าครับ ส่วนหนึ่งคงมาจากการเลียนแบบเพราะเห็นข่าวตามสื่อ แต่ด้วยวัยแบบนี้โอกาสทะเลาะกันก็มีเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่โลกเปลี่ยนไป อาวุธหาได้ง่ายขึ้น จึงรุนแรงจนน่ากลัว

ครูค่ะ สังคมทุกวันนี้มันน่ากลัวมาก ด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามาทำลายจิตใจทำลายวัฒธรรมการศึกษาของเด็กไทย ทำให้เด็กไทยมีพฤติกรรมที่แย่ลงทุกวัน ทั้งร้านเกมส์ที่เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด โทรศัพท์มือถือที่ทันสมัย อินเตอร์เน็ตที่มันความเร็วสูงจนพวกครูๆเราตามเด็กไม่ทัน จักรยานยนต์ที่ซิ่งๆแว้นๆ เฮ้อ ! หลายอย่างเหลือเกินค่ะ เห็นแล้วการทำหน้าที่เป็นครูนี่มันยากจริงๆ พอดีหนูเองก็เป็นครูใหม่ ยังแค่อัตราจ้างอยู่ชั่วโมงบินยังน้อย แต่พอได้ลงมือสอนและเข้าถึงตัวเด็กจริงๆแล้ว สงสารผู้ปกครองของเด็ก ซึ่งวันๆนึงเค้าไม่รู้เลยว่าลูกๆนั่งเรียนหนังสือกันแบบไหน ตั้งใจเรียนรึป่าว ตอนเรียนหนังสือครูสอนอยู่ปาวๆก็เอาเกมส์ขึ้นมาเล่น เห็นแล้วก็เหนื่อยใจอดท้อไม่ได้ค่ะ แต่ก็ต้องสู้ต่อไป ในเมื่อผู้เป็นครูต้องมีหน้าที่สอนคนให้เป็นคนและต้องเป็นคนที่ดี (วันนี้สอนอยู่เด็กแอบเล่นเกมส์ใต้โต๊ะจับได้ก็เลยยึดค่ะแล้วให้ผู้ปกครองมารับเอง จะไม่ปาทิ้งเหมือนข่าวที่ครูเขวี่ยงบีบีค่ะ)

ครูเดียครับ ประมวลสาเหตุต่างๆ ได้ดีมากเลย เดี๋ยวนี้หลายโรงเรียนได้ออกกฎแล้วครับว่า มาถึงโรงเรียนต้องนำมือถือ เกมส์กด มาเก็บไว้ห้องพักครู เย็นค่อยเบิกกลับ แก้ปัญหาไปได้มาก ส่วนร้านเกมส์ต้องให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปติดตามกวดขันให้เปิดรับเด็กเข้าเล่นตามเวลาที่กำหนด ดีใจครับทีแม้จะเป็นครูใหม่ แต่ได้ทราบถึงความตั้งใจและเข้าใจในเด็กๆ ของครูเดีย เป็นกำลังใจครับ

สวัสดีค่ะ

เมื่อวานได้ชมข่าวการลักขโมยรถยนต์  ส่วนมากเป็นเยาวชนอายุ ๑๖ ปีก็มีค่ะ  ทำให้นึกถึงเด็กที่ได้สอนมาและเด็กในโรงเรียนตอนนี้

และคิดไปตลอดเวลาว่า  "สาเหตุเนื่องจากผู้ใหญ่ไม่ให้โอกาสเด็กเหล่านี้ใช่ไหม"   เพราะเด็กทุกคนที่มาโรงเรียน  เขาต้องการความช่วยเหลือดูแล

มีเด็กบางกลุ่มที่ครูคิมสอน  เขาเรียนไม่เก่งเลย อ่านหนังสือพองู ๆ ปลา ๆ แต่ครูคิมมองว่า  เขาเป็นคนดีของสังคมค่ะ

และจากประสบการณ์หากเราเอาใจสู้ ดูแล และเรียนรู้ตัวเขา  เราสามารถเอาชนะการช่วยเหลือดูแล และแก้ปัญหาได้ค่ะ

สื่ออาจเป็นสิ่งจูงใจเด็กนะคะ  เพราะเขาคิดดีไม่ได้ คิดแล้วไม่มีคนยอมรับ  เมื่อเห็นเรื่องไม่ดีจากสื่อ  เขาอาจคดที่จะกระทำในทางตรงข้าม

ขอขอบพระคุณที่ให้โอกาสแลกเปลี่ยนค่ะ

ครูคิมครับ หากครูเราพยายามใกล้ชิดเด็กๆ ขึ้นอีกสักนิด คงช่วยลดปัญหาลงไปได้พอควร ผมนะตามงานครูคิมอยู่เสมอ ดีใจแทนเด็กๆ ที่ได้อยู่กับครูที่ทุ่มเทให้พวกเขามากๆ เช่นนี้

ทำไมต้องตีกัน

ไม่คิดถึงบ้านเมืองเลยไง

พ่อแม่จะเป็นห่วงแค่ไหนไม่เคยคิดกันเลย

อ่านแล้วเศร้าใจจังค่ะ

จรริยาครับ พวกตีกันนี่ สติไม่ค่อยมี มีแต่แรงขับด้านลบ จึงต้องหาทางใช้แรงขับแบบนี้ไปในทางสร้างสรรค์ขึ้น นั่นคือผู้ใหญ่ในสังคมต้องเปิดเวทีแสดงออกต่างๆ ให้มากขึ้นและกระจายทั่วถึงครับ

สวัสดีค่ะ ครูหยุย

  • ได้อ่านข้อคิดข้างบนแล้ว...เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ
  • โดยเฉพาะการลงโทษเชิงพัฒนา .....
  • เหมี่ยวคิดว่า สิ่งที่ควรแก้ไขและปรับปรุงเป็นอันดับแรกคือ จิต

หากเด็กเหล่านั้นได้รับการพัฒนาจิต ปลูกฝังวินัยที่ดี ย่อมส่งผลให้มีพฤติกรรมที่ดี สังคมก็มีสุข

เพราะการลงโทษบางอย่าง อาจก่อให้เกิดความเกลียดความอาฆาตในเด็กก็เป็นได้ค่ะ......

  • ขอบคุณนะคะ สำหรับข้อคิดดีๆ สู่สังคม ....^_^....

คุณเหมี่ยวครับ การพัฒนาทางจิตเป็นเรื่องสำคัญที่สุด สังคมไทยสนใจและเชี่ยวชาญเรื่องนี้ แต่ส่งเสริมกันน้อยมาก ปัญหาจึงหมักหมมจนแก้ไขได้ยาก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องพยายามกันให้มากต่อไปครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท