วันนี้ผมเปิดนิตยสารมติชน สุดสัปดาห์ฉบับล่าสุดวันที่ 10 กันยายน 2553 อ่านคอลัมน์ของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ เขียนเกี่ยวกับเรื่องละครไทยไว้อย่างน่าสนใจครับ
ก่อนอื่นต้องบอก character ของละครไทยตามที่ผมสังเกตไว้เป็นดังนี้
1) ไม่ว่าคุณจะเปิดทีวีมาดูตอนไหนของละคร คุณจะสามารถเดาเรื่องราวได้ภายในเวลา 5 นาทีและทีสำคัญคือ HAPPY ENDING ทุกเรื่อง
2) นักแสดงก็มักแสดงบทบาทตัวเองได้อย่างสมจริงจนน่าตกใจ จนทำให้เรานึกว่าถ้าไอ้ตัวอิจฉามันออกมาเดินที่ตลาดคงมีคนรุมตื๊บมันตายแน่แท้ ตัวนางเอกก็น่าสงสารซะ .....?
3) สถานที่ในละครก็ extreme ซะจริง ๆ บ้านพระเอกก็ต้องตกแต่งเสาโรมัน เฟอร์นิเจอร์หลุยส์ โทรศัพท์ยังต้องเป็นสีทอง โอ้ แม่เจ้า!!! (จริง ๆ จะเห็นว่าบ้านที่ใช้ถ่ายละครจะมีอยู่ไม่กี่เรื่อง)
4) นักแสดงเล่นบทไหนก็จะเล่นบทนั้นไปจนแก่ เราจะเห็นว่านางเอกช่วงที่มีงานรุ่งมาก ๆ ก็จะมีคิวถ่ายละครที่ 4 - 5 เรื่อง ตัวไหนเป็นคนใช้ก็จะเป็นคนใช้ตลอด (ยูนิฟอร์มก็ต้องมาตราฐานคนใช้เป๊ะ ๆ เสื้อขาว กระโปรงน้ำเงิน)
ทีนี้กลับมาที่คอลัมน์ของอาจารย์นิธิ ต้องยอมรับว่าอาจารย์เป็นนักวิชาการที่ฉลาดหลักแหลมและซื่อสัตย์มากคนหนึ่ง (แต่อาจารย์มักถ่ายทอดได้ไม่ค่อยเข้าใจมากครับ)
อาจารย์นิธิใช้ชื่อหัวเรื่องว่า "อุดมคติในละครทีวี"
อาจารย์ให้ความเห็นว่า "ละครไทยมาจากอุดมคติในวัฒนธรรมไทย" อธิบายง่าย ๆ คือวัฒนธรรมมีรากฐานความเชื่อเรื่อง บาป - บุญ เยอะมาก ทำดีขึ้นสวรรค์ ทำชั่วลงนรก คนดีก็ได้รับผลดี คนชั่วก็ได้รับผลชั่ว
เมื่อนำมาอิงกับละครก็ทำให้เห็นว่า ตัวละครดีก็จะดีโคตร ตัวไหนเลวก็เลวตัวพ่อจริง ๆ
อาจารย์เปรียบเทียบกับเรื่องละครที่เป็นต้นแบบที่ทุกคนรู้จักดีคือ "รามเกียรติ์" เห็นได้ว่าทุกวันนี้ละครไทยมี plot เรื่องมาจากรามเกียรติ์ทุกเรื่อง
วัฒนธรรมไทยที่ถูกซึมซับผ่านทางละครเข้าทุก ๆ วันจึงเป็นอุดมคติไปอย่างไม่รู้ตัว อาจารย์อธิบายคำว่าอุดมคติของชีวิตไว้อย่างน่าสนใจดังนี้ครับ
" อุดมคติของชีวิต" ที่ผมหมายถึงมีสองอย่าง คือความดีงาม ความถูกต้อง ความยุติธรรม การทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรง ความซื่อสัตย์สุจริต ฯลฯ ย่อมเป็นเป้าหมายของชีวิตทุกชีวิต และสิ่งเหล่านี้ย่อมอยู่เหนือกว่าความชั่วร้ายต่างๆ เสมอ
อีกอย่างหนึ่งก็คือ "อุดมคติ" ในความหมายเชิงโลกียะธรรมดาๆ นี่แหละครับ เช่น ชีวิตที่มั่งคั่งไม่ขาดแคลน, ความสวยความหล่อ, ความเก่งกล้าสามารถ (อำนาจ), ความสำเร็จในด้านการงานและความรัก
เมื่อมันเป็นอุคมคติ สิ่งที่ทุกคนต้องการเห็นมากที่สุดก็คือ "HAPPY ENDING"
Real life ที่ไม่ได้จำกัดแค่ช่วงวัยของพระเอก-นางเอก
Real life ที่ไม่ได้กำหนดบทบาทว่าคุณจะเล่นเป็นใคร
Real life ที่ไม่ได้ HAPPY ENDING
เมื่อละครไทยเน้นที่อุดมคติของชีวิตมากจนลืมชีวิตจริงทำให้คนที่ดูละครต่างคิดว่าในโลกจริงก็จะคล้ายกับละคร อยากอยู่ในช่วงวัยที่เป็นอุดมคติมากที่สุด เราจึงไม่ค่อยเห็นนักแสดงอาวุโสในละครมากนัก
อีกตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้เห็นความฝันว่า Real life จะเป็น Ideal life ได้คือ การเล่นหวยและการพนัน คนที่ดูละครไทยส่วนใหญ่มักคิดว่า "โชคชะตา" เป็นสิ่งเดียวที่จะเปลี่ยน Real life ให้เป็น Ideal life
สุดท้ายนี้ในมุมมองส่วนตัวของผม ผมเป็นห่วงเด็ก ๆ หลายคนที่ติดละครงอมแงม เด็กที่ยังไม่เข้าใจ Real life มากนัก แต่ฝันอยากได้ Ideal life ผ่านการดูละคร
แล้วไอ้ผู้จัดรายการสมัยนี้ก็ดันจับจุดได้ว่าเด็กอยากมี Ideal life ก็เลยออกรายการที่ทำให้เด็ก ๆ มาสร้าง Ideal life โดยที่ไม่ต้องขัดเกลามากนัก
......
......
......
......
......
ใช่แล้วครับผมพูดถึงรายการ Academy Fantasia
เราจึงเห็นเด็กวัยรุ่นออกมาแสดงบทบาทที่พวกเขารับจากละครมาโดยตลอด
เราจึงเห็นว่าในบ้าน AF ต้องมีคนเป็นผู้ร้าย ตัวอิจฉา พระเอก และนางเอกเสมอ
จะเปลี่ยนช่องตอนนี้ยังทันนะครับ...!
- สวัสดีดีคะคุณBUND
-ดิฉันเห็นด้วยกับความคิดของคุณที่ละครส่วนมากจะแสดงเกินจริงไป ชีวิตจริงคงไม่มีตัวอิจฉาหรือนางเอกที่แสดงออกมาถึงขนาดนั้นและชีวิตจริงอาจไม่ได้Happy Ending ไปซะทุกเรื่อง
สงสัยถูกคนที่บ้านบังคับดูละคร แต่ก้อคงต้องดูต่อไป fight บังคับค่ะ
เห็นด้วยนะคะ รายการ reality ออกมาเยอะเหลือเกิน
ถ้าเด็กไทยวันนี้ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร
ก้อคงตอบว่า .... อยากเป็นดารา !!!