Daddy Long-Legs โดย Jean Weber เป็นนวนิยายที่เก่ามากและจัดเป็นวรรณกรรมระดับคลาสสิกเรื่องหนึ่ง เนื้อหาสาระนอกจากไม่มีพิษภัยต่อใครแล้ว ยังมีข้อคิดดีๆให้ไม่น้อยเลย ในที่นี้ขอยกตัวอย่างเพียงสองประโยคที่ชอบ
Most people don't live, they just race. They are trying to reach some goal far away on the horizon, and on the heat of going they go so breathless that they lose all sight of beautiful, tranquil country they are passing through; and then the first thing they know, they are old and worn out, and it doesn't make any difference whether they've reached the goal or not.
เพื่อรักษาความหมายดีๆเอาไว้ จึงขอถอดความออกเป็นร้อยกรองดังนี้
แทนที่จะเกิดมาใช้ชีวิต คนส่วนมากมัวคิดแต่แข่งขัน สู่เป้าหมายปลายฟ้าต่างฝ่าฟัน หอบหายใจไม่ทันจนร่อยแรง ไม่ยอมหยุดเพื่อยลความพิลาส อันสะอาดและสงบแห่งสีแสง ของทิวทัศน์ฐานถิ่นที่สำแดง ตลอดทางที่เขาแข่งกันผ่านไป กว่าจะทันรู้ตัวก็ถอยถด เรี่ยวแรงหมดเหมือนเถ้าที่มอดไหม้ หมดสภาพดอกหรือคือหลักชัย ถึงหรือไม่ไม่แปลกแตกต่างเลยฯ
เพียงได้อ่าน ข้อคิด วิจิตรนี้
สำนึกดี มีสติ ไม่เพิกเฉย
ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ สิ่งคุ้นเคย
ชีวิตเอย ชีวิต ไม่นิรันดร์
ถอดความได้ไพเราะและลึกซึ้งมาก หวนคิดกลับเลยค่ะว่า
"เราได้มองเห็นความงามของก้าวเดินแต่ละก้าวในชีวิต ?"
"เราประพฤติตนเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความงามบนพื้นโลกไว้?"
ขอบพระคุณมากค่ะ สำหรับข้อคิดอันงดงามนี้
จะโทษสังคม หรืออะไรดี ในเมื่อผู้คนทั้งหลายต่างเอาเงินเป็นดัชนีชี้วัด "ความสุข"
บ้านเมืองเป็นเมืองพุทธ แต่หาได้เข้าถึงแก่นของพุทธศาสนาไม่
ดังนั้น..จึงโทษใครไม่ได้นอกจาก ..ตัวเอง..
ใครจะรู้สึกตัวก่อนกัน ใครจะมีความสุขที่แท้จริงก่อนกัน
อยู่ที่...ใจคน...แต่ละคน
ขอบคุณครับสำหรับ "ข้อคิด" ที่ประเสริฐ แล้วผมจะเดินตามอย่างที่อาจารย์เคยเดินครับ...
จะเข้าถึงซึ่งความหมายอันใดเท่ารู้สันดานของตัวตนที่เป็นอยู่ หากไม่เปิดตาปิดใจคำคมไดก็ไร้ค่า
เรื่องดีที่น่าอ่าน