วันจันทร์ที่ 6 กันยายน 2553
ผมได้สิ่งที่มีค่ามากมาย ให้กับชีวิตผมทุก ๆ วัน
จากความโชคดีที่ได้ทำงานกับชาวบ้าน
และชาวบ้านถือเป็น "ครู" หนึ่งในใจของผมเสมอมา
ชาวบ้านมาพึ่งเราเรื่องการเจ็บป่วย และเรื่องสุขภาพ
และเมื่อผมได้ออกไปเยี่ยมบ้าน และเยี่ยมผู้ป่วยในหมู่บ้าน
ทำให้เข้าใจวิถีชีวิตชาวบ้าน และเข้าถึงหัวใจของชาวบ้าน
และเหนือสิ่งอื่นใด...การเข้าถึงหัวใจของตัวผมเอง
สิ่งเหล่านั้น ...ล้วนสร้างคุณค่า และการเรียนรู้ให้กับชีวิตของผม
หลายสิ่งที่หาไม่ได้จากตำรับตำรา...หรือใบปริญญาบัตร
ชาวบ้านมักบอกกับผมเสมอว่า...
"เรียนหนังสือไม่สูง" "อ่านและเขียนหนังสือไม่ได้"
สิ่งที่ด้อยค่าจากมุมมองชาวบ้าน...กลับเป็นสิ่งที่มีค่ามหาศาลกับผม
ผมมีปัญหาเรื่องการเก็บรวบรวมข้อมูลวิจัย
โดยเฉพาะระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสังเกต
อ่านหนังสือก็แล้ว ...ไปประชุมก็แล้ว... หรือแม้แต่ได้พูดคุยกับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ
ผมยังไม่เข้าใจ... ยังไม่ get อยู่ดี
และนี้ก็เป็นบทเรียนหนึ่งที่ผมได้จากชาวบ้าน
ความรู้ที่อยู่ใกล้ตัวของผม เพียงแค่มองพ้นจากปลายจมูกที่ยื่นออกมาของผม
ความรู้ก็มาจ่อรอทักทายผมแล้ว
ความรู้เล็ก ๆ จากคนเล็ก ๆ ที่มีค่าต่อการจดจำ
ฝังติดตัวไปจนถึงวันตาย
ผมออกไปดูชาวบ้านดำนา และลองฝึกดำนา ตามคำเชื้อเชิญ
"หมอ เคยดำนาไหมครับ ...หมอลองดำนาหน่อย "
ผลปรากฏกับผมว่า ...
ดำนามันยากมากนะ กล้าไม่จมบ้าง และที่สำคัญปวดขา ปวดเอว ปวดหลังมากครับ
ทั้งที่ผมดำนาไม่ถึงสองชั่วโมง
ชาวนาให้ความรู้การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสังเกตกับผมได้อย่างดี
กรณีศึกษา "การดำนา"
ชาวนาถามว่า " เราจะสังเกตคนผ่านไปผ่านมา ว่าใครดำนาบ้าง จะดูได้จากไหน ?"
ผมอ้ำอึ้ง "ดูถ้าเดินได้ไหม เดินคงผิดปกติ เพราะปวดหลัง ปวดขา"
ชาวนาเลยเฉลยว่า ....
" ดูจากข้อศอกของแขน ด้านที่คนดำนาไม่ขนัดนะ
จะสังเกตว่า มันจะดำ และคล้ำในช่วงนี้
เพราะเขาต้องอุ้มกล้า และต้องเสียดกับหัวเข่า
แล้วใช้มือข้างที่ขนัด...ดำนา "
นับเป็นการเรียนรู้ และบทเรียนที่มีค่าของผม ที่ควรบันทึกไว้จดวันตาย
บอกได้คำเดียวว่า "สุดยอด"
ข้าผู้น้อย ขอคารวะ
ครู...ผู้ยิ่งใหญ่ของผม.....
****************
..ยายธีมาเยี่ยมเจ้าค่ะ..ตอนนี้เริ่มไปปั้นดินกับสมาคมวัวหลากสีอีก...ยายธีมีหน้าที่ทำเตา..(เผากิเลส..อิอิ)..เมื่อวาน..เด็กๆมาช่วยเฮ..ตอนยกดินขึ้นทุ่ม...ทั้งวันดินกว่าตัน..เจ้าค่ะ...กลับมาปวดไปทั้งตัวเหมือนกัน...เริ่มหัดปลูกข้าวเองเมื่อปีที่แล้ว..กอหนึ่ง..บนขอบหน้าๆต่างห้องที่อยู่..เพราะพอมีแสงแดด..และความอบอุ่น...เก็บข้าวได้หนึ่งเม็ด..นอกนั้นลีบหมด..และวันนี้ข้าวเม็ดนั้นก็งอก..เพียงต้นเดียว..ขึ้นอยู่กับต้นเสลดพังพอนและขมิ้น...ข้าวต้นนี้สูงประมาณคืบหนึ่ง...(ยายธีหัดปลูกข้าวแบบ..หว่านพืชไม่หวังผล..เพียงอยากจะรู้ว่า..ความรู้สึกของการ..รอ..และ..ผลนั้น..จะเป็นอย่างไร..อะ้ะะๆ...)..ปลูกข้าวนี้ในกระถางที่มีดินเพียงเล็กน้อย..รดน้ำเมื่อเวลานึกขึ้นได้..อ้ะะๆ..ห้ามเอาอย่าง..เพราะปลูกข้าวแบบไม่ปวดหลังเนียะ....(ขอบคุณคุณทิมดาบที่คิดถึงยาย..กับความเหงาที่ห่วงใย..ในภาพที่เห็นและได้แต่คิดถึง..เจ้าค่ะ)...ยายธี