ความรู้ของคนเรานั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ
1. ความรู้ที่ไม่ปรากฎชัดแจ้ง (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่ไม่สามารถเขียนหรืออธิบายได้ การถ่ายโอนความรู้ประเภทนี้ทำได้ยาก จำเป็นต้องอาศัยการเรียนรู้จากการกระทำ ฝึกฝน (อยู่ในสมองคน เชื่อมโยงกับประสบการณ์ ความเชื่อ ค่านิยม ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ทั้งหมด)
2. ความรู้ที่ปรากฎชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่สามารถเขียนหรืออธิบายออกมาเป็นตัวอักษร ฟังก์ชั่นหรือสมการได้ (อยู่ในตำรา เอกสาร วารสาร คู่มือ คำอธิบาย วีซีดี คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต ฐานข้อมูล)ซึ่งเราจะมีขบวนการรวบรวมความรู้จากการถ่ายทอด Tacit Knowledge ให้เป็น Explicit Knowledge
Tacit Knowledge เป็นความรู้ที่อยู่กับตัวบุคคล ในสมองของแต่ละคน มาจากประสบการณ์ จากการศึกษาที่สั่งสมมา หรือจากพรสวรรค์ จัดเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่สัมผัสไม่ได้ (Intangible Intellectual Asset) โดยปกติแล้วจะยากต่อการแปลความหรือเขียน ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรหากจะเปรียบเทียบระหว่าง Tacit Knowledge กับ Explicit Knowledge แล้ว Tacit Knowledge ของการเหยียดแขนขวาออกไปด้านข้างให้ตึง หลับตา แล้วค่อย ๆ เลื่อนนิ้วชี้มาแตะปลายจมูกได้อย่างถูกต้อง จะเรียนรู้มาจากประสบการณ์ และความคุ้นเคยของบุคคล หากต้องการแปลงจาก Tacit Knowledge นั้นให้เป็น Explicit Knowledge ในที่นี้จะเป็นอธิบายเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้ามาศึกษาว่า ควรใช้ความคิดอย่างไร เลื่อนนิ้วชี้อย่างไร กะตำแหน่งปลายจมูกอย่างไร จึงสามารถเลื่อนนิ้วชี้มาแตะปลายจมูก ได้อย่างถูกต้องการรับเอาความรู้ที่อยู่ในรูป Tacit Knowledge ของผู้เชี่ยวชาญจึงมักเป็นการเข้าไปคลุกคลีกับเขา เรียนรู้จากการพูดคุย ฝึกปฏิบัติ จนสามารถทำได้ด้วยตนเอง
อ่านเข้าใจดีนะแน่
ครั้งต่อไปเขาสอบผ่านแน่ๆๆเลย
ไม่รู้เลยน่ะเนี้ย
ความรู้มีมาก
แล้วแต่คนจะสรรหาความรู้เอง
จงพัฒนาความรู้มาก ๆ โดยการอ่านหนังสือ
ควรใช้ความรู้ในทางที่ดี