ความสุขจากการเขียนบันทึก


ผมชอบเขียนบันทึกครับ

สมุดบันทึกของผม จะเต็มไปด้วยบันทึกต่าง ๆ

บันทึกการทำงาน บันทึกค่าใช้จ่าย

และบันทึกประจำวัน

ที่รวมเรื่องราวต่าง ๆ แต่ละวัน

มีเรื่องของตนเอง ครอบครัว ภรรยา คุณครู

และลูกชาย

 

โดยเฉพาะลูกชายลุดที่รัก

เป็นสร้อยทองคล้องใจของผม และภรรยา

ลูกเป็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ

ที่มีพลังอานุภาพมหาศาลต่อผม

 

 

ผมพยายามเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด

มีใครถามผมว่า หวังกับลูกไหม ?

ผมหวังแน่นอน  อยากให้เป็นคนดี

แบ่งปันความสุขให้สังคม

และให้เป็นคนรู้จักตนเองอย่างที่ดีสุด

พึ่งพาตนเองได้ ถ้าอนาคตไม่มีผม และภรรยา

 

และอยากให้พลังอานุภาพมหาศาลของผม

คืนสู่ "ลูก" ของลูกชายของผม

ในอนาคตข้างหน้า

 

 ถ้า G2K ยังมีอยู่และสามารถเปิดได้ในโลกอนาคต

ผมหวังลึก ๆ ว่า ลูกชายของผม จะได้อ่านบันทึกนี้...

 

 

ตัวอย่างบันทึกถึงลูกชาย  

5 กุมภาพันธ์ 2553 

ทิมดาบ...

นึกแล้วยังอดยิ้มไม่ได้นะ...

เมื่อได้ถามแม่ ตอนเย็นหลังเลิกงาน

จะไม่ให้ลืมได้อย่างไร

เมื่อเช้าก่อนไปโรงเรียนนี้ ....

จะต้องเตรียมสมุดดินสอ และขนมหนึ่งหรือสองห่อไว้ในเป้ของทิมดาบด้วย

และที่ลืมไม่ได้ น่าจะเกือบหนึ่งปีแล้วนะ ที่ต้องห่อโอวัลตินวันละหนึ่งกล่องด้วย

แต่เช้านี้ ทิมดาบโวยวายใหญ่ ไม่เอาโอวัลตินแล้ว

เพราะแม่บอกว่า “โอวัลติน ทำให้มีขี้หูสีดำๆ เยอะๆ ออกมา”

เลยสร้างภาระให้ต้องออกไปซื้อนมกล่องให้

พอถามแม่แล้ว แม่บอกว่า “แม่ไม่ได้พูด”

ตกลง ทิมดาบ เอาเหตุผลนี้มาจากไหนครับ ?

 

 

 ตัวอย่างบันทึกถึงลูกชาย

20 กุมภาพันธ์ 2553

ทิมดาบ ลูกรัก

ตามจริงน่าจะเป็นวันที่ 21 ก.พ. 53 เพราะเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ แล้วหล่ะนะ

เพราะเพิ่งไปเปิดประตูบ้าน ให้แม่เจี๊ยบถอยรถ (กบ) ไปขึ้นเวร

ทิมดาบ เองนอนอุตุ ... แต่กว่าจะนอนได้ ก็มีลีลาและท่วงเวลาด้วย

ต้องคอยให้เตี่ย หรือแม่เกาหลังให้จึงจะยอมนอน

ดูวีซีดี ที่เพิ่งซื้อมา (ตามสัญญาคือซื้อวันเสาร์ แต่ลืมมั่งเลยเกินไปหนึ่งวัน)

ยังกินหม่ำ (นมขวด) ดูด จ๊วบ ๆ

เรื่องมากจังเลยนะเรา...

เตี่ยไปนอนก่อนนะ....

 

 

 ตัวอย่างบันทึกถึงคุณครูผม (ดร.ดุษฎี  อายุวัฒน์) 

ครูครับ  

ผมยังมีฝันเสมอมา อยู่ทุกคืน ทุกวัน

เพื่อนๆ หลายคนบอกว่า ผมเป็น “คนช่างฝัน”

ถือเป็นคำชมสำหรับผม

เพราะความฝันหลายเรื่องของผม ก็สามารถจะเป็นความจริง

แต่ก็มีหลายฝัน  ที่ยังฝันไปเรื่อยๆ และหลงลืมตามกาลเวลา

ช่างเถิด ผมยังดีใจที่ได้ฝัน

ฝันทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่

ถ้าตื่นขึ้นมา ไม่มีฝัน  คงเป็น “คนสมองกลวง”

ความฝัน ยังทำให้ชีวิตมีความสุข

เหมือนกับวลีของฝรั่ง ที่อ่านเจอในหนังสือ

“ความสุข คือ การมีสุขภาพที่ดีกับความทรงจำ (ความจำดีเกินไป) ที่เลวร้าย

 

 

 ตัวอย่างบันทึกถึงเรื่องราวตนเอง

4 กุมภาพันธ์ 2553

วันนี้ ผมลาหยุดงาน แต่เพราะ อบต.เชิญประชุม “กองทุนสุขภาพตำบล”

หมดวาระประชุมแล้ว จึงคุยสัพเพเหระกัน

ผมขึ้นประเด็นว่า ทำไมมีงาน มีหมอลำ เด็กวัยรุ่นต้องตีกัน ต้องฆ่ากัน

ต่างฝ่ายต่างบอกว่า “แก้ยาก ไม่ต้องจัดงานเลยดีกว่า แถมลดค่าใช้จ่าย”

ตำรวจก็น่าเห็นใจ เพราะมีหน้าที่ “ผู้รักษาความสงบ”

ตอนที่เด็กวัยรุ่นตีกันอยู่ ต้องรู้บทบาทตัวเอง

ตอนวัยรุ่นตีกันจนสงบแล้ว  แล้วค่อยออกมาปฏิบัติหน้าที่  (มุขแป้กดี)

 

 

*****************

หมายเลขบันทึก: 387470เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2010 15:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 สิงหาคม 2012 19:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (37)

ช่างเป็นบันทึกที่มีประโยชน์มากเรื่องเล็กๆง่ายๆแต่มีคุณค่าต่อครอบครัว ชื่นชม

เพิ่งบางอ้อว่า... ความฝันและจินตนาการเฉือนกันแค่นิดนึง

ได้แง่คิดว่าถ้าคนเราไม่มีฝันมันก็คงทำอะไรไม่เข้าเป้าซะทีว่าไหมจ๊ะ

ขอบพระคุณ

คุณ คบเพลิง กับงู ครับ

พลังจากการเขียนบันทึก เล็กๆ ง่ายๆ

แต่ก็ทำให้ผม มีความสุขครับ

ขอบพระคุณ คุณ ไม่แสดงตน

เมื่อ 23 สิงหาคม 2553 21:07

ความฝันทำให้ชีวิตมีคงามหวัง

ฝันให้ไกล... ไปให้ถึง ครับ

โดย จินนี่ เมื่อ: 2010-08-26 15:52:43

สวัสดีค่ะ ปาป๊าของทิมดาบ (ชื่อลูกชายแปลว่าอะไรคะ) อ่านบันทึกนี้แล้ว อมยิ้มกับความน่ารักของเด็กชายทิมดาบ คงยังเป็นละอ่อนเรียนอนุบาล แก่น กวน ฮา ใช่ไหมคะ เราก็ชอบเขียนบันทึกเรื่องราว ถ่ายทอดประสบการณ์ที่เราเรียนรู้ ความรู้สึกนึกคิดในแต่ละช่วงเวลา เสมือนกับหลักไมล์ (milestone) เพื่อย้อนกลับไปอ่านทบทวนตนเอง และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง รวมทั้งมีแนวคิดเขียนบันทึกให้ลูกชายเก็บไว้อ่านตอนโตเช่นกัน :) ยินดีที่ได้รู้จักสหายใหม่ สุขใจกับการเขียนบันทึกจ้า

ขอบคุณ คุณจินนี่ ครับ

ทิมดาบ ผมชอบชื่อนี้ ตอนเรียน อยู่ ม.3 ครับ วิชาภาษาไทย เรื่อง "ขุนช้างขุนแผน" ครูให้ท่องตอนนี้พอดี...เลยจำได้เม่นครับ

ความหมาย "ที่ประทับชั่วคราวของพระราชา" (1)

หรือ "ที่เก็บคลังแสงของพระราชการ" (2)

ผมเลือกความหมาย (1) ก็แล้วกันนะครับ

ยินดีที่ได้รู้จัก... เพื่อนร่วมฝันเดียวกันครับ

saranya_nok.worm เมื่อ: 2010-08-26 17:04:26

การเขียนบันทึกสำหรับใครสักคนเป็นสิ่งที่งดงามนะคะ และเมื่อมอบบันทึกนั้นให้เจ้าตัว คนที่ได้รับก็น่าจะเป็นผู้โชคดีที่ได้ของขวัญที่มีคุณค่ายิ่ง... ฉันก็ชอบเขียนบันทึกค่ะ บันทึกการเดินทาง และบันทึกเล็ก ๆ ในแต่ละวันลงใน Facebook อาจจะไม่ได้จดบันทึกละเอียดทุกช่วงเวลาเหมือนเคยทำตอนเป็นเด็ก แต่บันทึกเล็ก ๆ นั้นก็บันทึกสิ่งสำคัญภายในใจ ในความรู้สึกนึกคิดของแต่ละวันไว้ได้อย่างน่าพอใจ ทิมดาบคงภูมิใจมากที่มีคุณพ่อแบบนี้ค่ะ ^_^

 

ผมก็คิดเช่นกันครับ คุณ saranya_nok.worm

ว่า คนที่เราเขียนเรื่องราวอะไร ๆ ให้เขา

เขาคงจะดีใจและภูมิใจ

ผมดูหนังเรื่องล่าสุด " The Letter " ที่คุณแอน ทองประสม เป็นนางเอก

ฉากที่ "คุณตาเขียนจดหมายให้คุณยาย"

และ "ฉากที่ไปรษณีย์เอาจดหมายพระเอก มาให้นางเอก"

หลังจากตายแล้ว

ประทับใจ จนกลั้นอารมณ์ไม่อยู่

บันทึกเล็ก ๆ น้อย ๆ

ด้วยความรักและหัวใจที่เราเขียนให้

จะเป็นแรงขับเคลื่อน...

ความเป็นเพียงเดียวที่ทำให้โลกเคลื่อนไหวครับ

ขอบพระคุณมากครับ ...

สวัสดีค่ะ

* อ่านไปยิ้มไป มีความสุขเหลือเกิน  อืม! คือใจดีถึงบางอ้อ  ว่า "ทิมดาบ" ที่ใช้เป็นนามแฝง คือชื่อลูกชายนี่เอง... ต้องขออภัย ด้วยเพราะไม่ได้รู้จัก ไม่ได้อ่านบันทึกมาตั้งแรกๆ กระมัง  การที่ได้เขียนถึงเรื่องของคนที่เรารัก มันมีความสุขนะ  ไม่แปลกใจแล้ว ว่าทำไม่ใช่ภาษาได้งดงามเสียเหลือเกิน

* ครูใจดีชอบเขียนบันทึก มาตั้งแต่สมัยเรียน  ในสมองก็บันทึก จดจำเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่เคยลืม แต่มันกลับชัดเจนขึ้นทุกวัน ทั้งๆ ที่อายุก็มากขึ้นๆ  ใบบล็อก "ความทรงจำวันวาน..ชื่นฉ่ำใจ"  ตั้งแต่ตอนที่ 1 เป็นเรื่องราว ของช่วงชีวิตตั้งแต่เริ่มเข้าเรียน ป.1 จนถึงปัจจุบัน  จนจบ ป.โท มาก็หลายปี ยังเขียนไม่ถึงเลย  ฮา... เนื่องจากเวลาไม่อำนวย ฮิ ฮิ  และอีกอย่างคือ เขียนสลับกับบล็อก "เพียงแค่ใจเรารักกัน"  ที่มีความหลากหลายเกี่ยวกับความรัก และเรื่องต่างๆ ที่เป็นความดีงาม ทั้งเรื่อง ลูกศิษย์ การเรียนการสอน  ธรรมะ สังคม ฯลฯ  แล้วเขียนสั้นๆ ไม่เป็นกะเข้า  ฮา....

* ครูใจดีก็หวังเช่นนั้น วัน สักวันลูกหลานจะได้เข้ามาอ่านบันทึกของ คุณแม่ คุณยาย หรือคุณยาย...ในอนาคต

* เห็นมั้ยล่ะ  แค่เข้ามาอ่านเรื่องของเค้า  ยังเล่าอะไรเสียยืดยาว  ฮา.... นี่แหละ "ครูใจดีล่ะ"   อย่าพึ่งเบื่อ หนีเสียก่อนล่ะ ฮิ ฮิ  ว่างๆ ลองเข้าไปอ่านประวัติ ครูใจดีนะ

 

 

ขอบพระคุณ "ครูใจดี" อย่างสูง ครับ

ผมต้องกลับไปอ่านบล็อก "ความทรงจำวันวาน..ชื่นฉ่ำใจ" และ บล็อก "เพียงแค่ใจเรารักกัน"  ของคุณครูแล้ว .... ผมว่า คุณครูเขียนได้งดงามและสวยงามกว่าผมหลายเท่า  และสำคัญความจริงใจที่มอบให้สำหรับทุกคน รวมถึงผม ในการเขียนบล็อก ขอขอบคุณสำหรับการแบ่งปันที่ดีงาม ผมชอบที่ครูเขียนมาเยอะ ๆ ยาว ๆ แต่ ไม่น่าเบื่อเลย อ่านไปแต่ละคำ ยิ้มไป  หวลอ่านกลับอีกรอบ ยังยิ้มอีกได้เสมอครับ

ผมดูหนังเรื่องล่าสุด " The Letter " ที่คุณแอน ทองประสม เป็นนางเอก

ฉากที่ "คุณตาเขียนจดหมายให้คุณยาย"

และ "ฉากที่ไปรษณีย์เอาจดหมายพระเอก มาให้นางเอก"

หลังจากตายแล้ว

ประทับใจ จนกลั้นอารมณ์ไม่อยู่

 

* อดไม่ได้ที่จะคุยอีก เมื่ออ่านที่ตอบคอมเม้นท์...

* The Letter เป็นหนัง ที่โปรดปราน ประทับใจที่สุดตั้งแต่ดูหนังสือ (หนังไทย) ไม่รวมเรื่องตำนานสมเด็จพระนรศวร, พระสุริโยทัย

* ดูไปร้องไห้ไป ซึ้งเอามาก  ฉากที่ต้นเอาน้ำอุ่นมาให้ดิวแช่  โอ๊ย!... มีมีผู้ชายสักกี่คนที่ทำให้ภรรยาได้ถึงเพียงนี้..???  แต่ตอนนี้เห็นแล้ว คงเป็นพ่อน้องทิมดาบนี่แหละ

* นอกจากนั้น ก็นี่แหละตอนเดียวกัน จน ต้นตาย ดิวได้รับจดหมายฉบับแรก.... จนฉบับสุดท้ายที่เป็นวิดีโอ... โอย.ต่อมน้ำตาเต็มฮา.... และช่างเป็นเรื่องบังเอิญอีก อีกทั้งช่วงนี้ ทำงานจนดึก ร่างกายคงชิน เลยนอนไม่หลับ  ตื่นมา เปิด The Letter ใน YouTube มันก็เกิดอาการ อินอีกแหละ เลยลิงค์ไปโพสต์ไว้ใน Face book ....  ว่างไว้แล้วไปเยี่ยมครูใจดีที่ Face book บ้างก็ได้นะ...ครูใจดี เอาไว้คุยกับลูกสาว ลูกศิษย์ และเพื่อใน gotoknow นี่แหละ... ช่วงนี้เลย เข้าเฟรส มากกว่าบล็อก..

* ไปก่อนนะ รู้สึกว่าคุยมากจนเจ้าของบ้านเบื่อแล้ว

* ขอบคุณบันทึกนี้... ทำให้ครูใจดีคุยได้นานเลย  เจอคนคงเดียวกัน  ฮา

* สุขสันต์วันหยุดนะคะ

 

103 

 

ขอบพระคุณ "คุณครูใจดี" อย่างสูง (ขอย้ำอีกพันครั้ง) ครับ

The Letter เป็นหนังแรกแรก ที่ผม และภรรยา ดูด้วยกันแล้วน้ำตาคลอ...

หันไปดูคนรอบ ๆ ในโรงหนัง ทุกคนต่างกลั้นน้ำตาไม่ถูก

ความรักเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้โลกเคลื่อนไหวจริง ๆ

ชอบที่ ..คุณครู.. ชอบเช่นกัน

ถ้ามีบุญวาสนาได้พบกัน ... คงมีโอกาสคุยเรื่องนี้ยาว ๆ นาน ๆ

ว่าง ๆ จะไปเยี่ยมครูใจดีที่ Face book นะครับ

ขอพรจากเจ้าพ่อพญาแล ให้คุณครู และครอบครัวทุก ๆ คน มีความสุขมาก ๆ นะครับ

" มุมเขียนบันทึก"

ขอบฟ้าที่เรานั่งมองครานั้น ...ยังมีความหมาย

ภูเขา ลำธาร ยิ่งมองยิ่งคิด...ถึงเธอมากมาย

ชีวิตที่มันขาดเธอวันนี้ ...ยังเดินต่อไป

...แค่ได้คิดถึงก็เป็นสุขใจ...

...และจะคิดถึงเธอ...ตลอดไป ....

เข้ามาอ่านด้วยคน น้อยคนนะที่จะสามารถรักษาชื่อที่ชอบไว้

ให้เป็นชื่อสำหรับลูกตัวเอง

ชื่อเพราะมากค่ะ แปลกดีด้วย

การเขียนบันทึก หรือจะเรียนว่าพิมพ์ก็ได้

สำหรับเรา แต่ก่อนก็ทำบ่อยมากเลย

ตอนนี้ห่างหายและก็รู้สึกอยากเริ่มมันอีกครั้ง

แล้วจะเข้ามาอ่าน ถ้าคุณเอามาลงนะ

คุณทิมดาบคะ

การบันทึกเรื่องราวความทรงจำไว้ในหนังสือเล่มเล็ก ๆ

ยามเปิดอ่านคราใดก็ให้มีความสุขและได้ความรู้สึกดี ๆ เสมอมาค่ะ

แม้ในความทรงจำบางครั้งจะเศร้าบ้างก็ตาม

เป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบเขียนไดอารี่ค่ะ...

ขอให้มีความสุขกับทุกสิ่ง ที่ได้เขียนนะคะ

สวัสดีค่ะ ฉันก็เป็นคนนึงที่ชอบเขียนบันทึกเรื่องราวต่างๆ

เกี่ยวกับตัวฉันเองเหมือนกันค่ะ มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก

ความผูกพันกับชายคนนึง ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราตกลงคบเป็นแฟนกัน

ตลอดระยะเวลาที่คบกัน ฉันได้บันทึกเรื่องราวความรู้สึกรัก เศร้า เสียใจ

ประทับใจ และข้อความกี่ข้อความ SMS กี่ SMS ที่ฉันเคยส่งหั้ยเขา

ไว้ในสมุดบันทึกเล่มนี้ตลอดเวลาที่คบกันมา กะไว้ว่าจะเก็บเอาบันทึก

ความทรงจำนี้ ไว้ให้เขาอ่านตอนที่เราแต่งงานกันแล้ว

หรือเก็บไว้หั้ยลูกได้อ่านตอนสมัยที่พ่อ กะแม่เริ่มต้นจีบกันใหม่ๆ

กะทั่งมีเจ้าตัวน้อยๆ ซึ่งมันเป็นแรงบันดาลใจที่เกิดจากความรักของฉัน

ที่มีต่อเขาคนนั้นมันมากมายพรั่งพรู ออกมาเป็นตัวหนังสือหน้าแล้วหน้าเล่า

พอกลับไปอ่านอีกทีก็มีความสุขแอบอมยิ้มอยู่คนเดียวเป็นประจำ

....แต่แล้วมันก็มีเหตุที่อาจทำให้ฉันไม่สามารถเขียนเรื่องราวของมันต่อไปได้อีก

เพราะกาลเวลาทำให้คนเปลี่ยนไป เขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ความรู้สึกที่มีต่อกัน

เริ่มน้อยลง อาจเป็นเพราะฉันกะเขาทำงานคนล่ะที่ อยู่ห่างกันไกล ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยๆ

เหมือนเก่าก่อน ความรู้สึกที่เขามีต่อฉันจึงเริ่มลดน้อยลงจาก 100 ถึง 0 แต่ความรู้สึกของฉัน

กลับเพิ่มขึ้นจาก 0 ถึง 100 ........ฉันหมดแรงบันดาลใจ หมดกำลังใจและท้อที่จะเขียนบันทึก

เล่มนี้อีกต่อไปแล้วล่ะ

......แต่น่าเสียดายนะที่เขาไม่มีโอกาสได้อ่านความรู้สึลึกๆและความประทับใจในสมุดบันทึกเล่มนี้

ฉันคงจะเก็บมันไว้เป็นความทรงจำของฉันตลอดไปคะ....

ขอบพระคุณ คุณ Teerak_Teerak มาก ๆ ครับ รู้สึกว่า เราเป็น "คอเดียวกัน" ครับ ถึงไม่รู้จักกัน แต่ก็เหมือนผูกพันกัน และเล่าเรื่องงดงาม ให้ได้รู้จักกัน... ขอบคุณมาก ๆ ครับ สำคัญถ้อยคำที่แสนงดงาม และโรแมนติก ที่จะประทับ ณ บล็อกของผม และความทรงจำของผม...ตลอดไป เป็นกำลังใจให้นะครับ ...

 

ความรู้สึกที่เขามีต่อฉันจึงเริ่มลดน้อยลงจาก 100 ถึง 0 แต่ความรู้สึกของฉัน กลับเพิ่มขึ้นจาก 0 ถึง 100 ........

สำหรับ ดิว (แอน ทองประสม) อาชีพโปรแกรมเมอร์สาวในเมืองใหญ่ ที่ต้องเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้กับบริษัทเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ชีวิตมีเพียงจอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งดึงเอาเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตไปเกือบหมด ยังดีที่มี เกด (สุพิชญา จุลวัฒฑะกะ) เพื่อนรักเพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่ด้วยกัน จนกระทั่งความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อดิวต้องเดินทางขึ้นเชียงใหม่หลังจากได้รับจดหมายแจ้งข่าวการเสียชีวิต ของยายเล็ก ญาติห่างๆ ที่ทิ้งมรดกเป็นบ้านหลังเล็กที่แสนอบอุ่นและไร่กะเทียมไว้ให้


ที่นั่นดิวได้พบกับ ต้น (อรรถพร ธีมากร) นักวิจัยหนุ่มประจำสถานีวิจัยทางการเกษตรที่เชียงใหม่ ให้ความช่วยเหลือดิวและเกดที่ต้องพบกับอุบัติเหตุโดยไม่ได้ตั้งใจในระหว่าง การเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทำให้ต้องเสียเวลาอีก 6 ชม.เพื่อรอรถกลับกรุงเทพฯ เที่ยวต่อไป


เกดและดิวจึงมีโอกาสได้แวะศูนย์วิจัยซึ่งเป็นที่ทำงานของต้น นั่นทำให้ดิวได้สัมผัสถึงความอบอุ่นอ่อนโยนที่มีอยู่ในตัวต้น และยังได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาในชีวิตของชายหนุ่มที่แสนบอบบางคนนี้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้ต่างอะไรไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอเลย โดยเฉพาะการต้องเติบโตท่ามกลางความเหงาที่แสนโดดเดี่ยวอย่างคุ้นเคย


สำหรับต้นนอกจากรุ่นพี่ รุ่นน้องและเพื่อนๆ ที่ศูนย์วิจัยแล้วดูเหมือนว่า ต้นบ๊วย สูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่ของศูนย์วิจัย จะเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเดียวที่เปรียบได้กับญาติที่เหลืออยู่ของต้น ทันทีที่ลืมตามองดูโลกได้ไม่นานเขาก็ต้องสูญเสียแม่และพ่อในเวลาต่อมา


ดูเหมือนว่าความเรียบง่ายที่แสนอบอุ่นของดอยอ่างขางและเชียงใหม่ยังคง อยู่ในความรู้สึกในใจของดิว ถึงแม้ว่าตอนนี้ตนเองได้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ที่เต็มไปด้วยชีวิตที่เร่งรีบและเต็มไปด้วยการแข่งขันอีกครั้ง ในขณะที่เพื่อรักอย่างเกดยังคงตื่นเต้นไปกับนัดบอดที่กำลังจะเกิดขึ้นกับ เพื่อนชายที่ติดต่อและแชตทางอินเตอร์เน็ต


วันเวลาผ่านไปทั้งปีใหม่และวาเลนไทน์ โดยมีสิ่งพิเศษเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของดิว คือการได้มีเพื่อนใหม่อย่างต้น ที่ยังคงติดต่อกันหลังจากกลับจากเชียงใหม่ในครั้งนั้น ผ่านโทรศัพท์ซึ่งเป็นสื่อกลางที่ทางคู่ได้บอกเล่าความเป็นไปที่เกิดขึ้นใน แต่ละวันของกันและกัน


จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นกับดิวโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อได้พบกับต้นที่เดินทางมาหาดิวถึงกรุงเทพฯ สิ่งที่เกิดขึ้นร้ายแรงเกินกว่าที่หัวใจอันบอบช้ำของดิวจะรับได้จากความเจ็บ ปวดที่เกิดขึ้น ทำให้ดิวตัดสินใจหันหลังให้กับกรุงเทพฯ เดินทางมุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ เพื่อพบกับความอบอุ่นเดียวในชีวิตที่เหลืออยู่


ดิวตัดสินใจปักหลักใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่ยายเล็กทิ้งไว้ให้ พร้อมกับรับงานจากกรุงเทพฯ โดยมีต้นที่คอยห่วงใย หมั่นแวะมาเยี่ยมเยียน และคอยให้กำลังใจจนดิวสามารถกลับมายืนหยัดใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ผ่านคืนและวันที่พร้อมกลับมางดงามได้อีกครั้ง


ในที่สุดแล้วต้นและดิวก็ได้พบกับสิ่งที่ทั้งคู่ต่างเฝ้าตามหามาตลอด ชีวิต เมื่อพรหมลิขิตได้นำให้คน 2 คนที่อาจจะอยู่ที่ใดก็ตามในโลกได้มาพบกัน ความห่วงใย และสิ่งดีๆ ที่ต่างฝ่ายต่างหยิบยื่นและเติมเต็มให้แก่กัน ล้วนเอ่อล้นไปด้วยความสุขที่ทั้งคู่สัมผัสได้ มันคือรักแท้ ที่เป็นทั้งรักแรกและรักเดียวในชีวิตของทั้งดิวและต้น


หลังจากแต่งงานต้นย้ายมาอยู่กับดิวในบ้านที่เต็มไปสายใยแห่งรักที่ แสนอบอุ่น และไม่มีวันสูญสิ้นทั้งในเรื่องราวความรักของต้นกับดิวเอง และของยายเล็ก เมื่อต้นได้พบกับข้าวของในอดีตที่ถูกเก็บไว้ของยายเล็ก ในนั้นมีจดหมายรักที่บอกเรื่องราวในอดีตฉบับหนึ่ง ซึ่งถ่ายทอดความรู้สึกในรักที่มีอยู่อย่างเหลือล้นของชายคนหนึ่งที่มีต่อยาย เล็ก ต้นประทับใจในข้อความและสิ่งที่ปรากฏอยู่ในจดหมายมาก จนมีความคิดว่าวันหนึ่งอยากเขียนจดหมายแบบนี้บ้าง


ความรักมีความหมายและมีคุณค่าสำคัญที่เติมเต็มชีวิตให้กับหลายๆ คน รวมทั้งดิว แต่ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนถูกกำหนดไว้ และยากที่จะเปลี่ยนแปลงเหมือนการที่สวรรค์กำหนดให้ต้นมาพบกับดิว และพรากต้นไปจากดิว ดูเหมือนหัวใจที่บอบช้ำของดิวมันอ่อนแอเกิดที่จะเยียวยาได้อีกครั้ง เมื่อต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังด้วยตัวคนเดียวเดียวในโลกที่แสนกว้างใหญ่ใบนี้

***********

สวัสดีค่ะ

ทุกเรื่องราว เป็นพลังบวก แห่งความทรงจำ ที่น่าจดจำมาทำบันทึก  ละเอียด อ่อนโยน ละเมียดละไม น่าชื่นชมมากค่ะ  อ่านแล้วก็มีความสุขไปด้วย..  มีความสุขมากขึ้นทุกๆ วันนะคะ  ขอบคุณที่แบ่งปันสิ่งที่ดีๆ ค่ะ 

ขอบคุณ คุณ นีนานันท์ ครับ

มีความสุขเช่นกันนะครับ

แต่ยังไม่ได้บอกเลยว่า ...

เคยดูหนัง The Letter ยังครับ ...

จาก pacemaker.domi  

คุณเป็นคุณพ่อ แล้วก็เป็นสามีที่น่ารักมากๆ ขอชื่นชมค่ะ ถ้าหนูเป็นลูกชายคุณ คงปลื้มใจมาก ที่พ่อทำอะไรแบบนี้ให้ คิดว่าต่อไปมีลูก อยากทำแบบนี้ให้ลูกบ้างจัง ^^

หนูก็เป็นคนนึงที่ชอบเขียนบันทึกเหมือนกัน เขียนได้จริงจังมาประมาณ 3-4 ปี เวลาเอาบันทึกเก่าๆมาอ่าน มันให้อารมณ์แปลกใหม่ ทำให้ได้ทวนความคิด ได้ยิ้มได้หัวเราะ ถึงอารมณ์ตอนนั้นที่เขียนลงไป

แต่ล่าสุด diary หายไปเพราะโดดกรีดกระเป๋า แล้วหัวขโมยคงคิดว่าเป็นกระเป๋าตัง (หน้าตา diary ก็บังเอิญเหมือน มีผ้านิ่มๆ หุ้มด้านนอก) เขียนมา 7 เดือน น้ำตาร่วงเลยค่ะ แต่ตอนนี้ก็เริ่มกลับมาเขียนอีกครั้ง...

 

ขอบคุณครับ บันทึกของผมก็เคยถูกปลวกกิน...จากบ้านเก่า

ที่เป็นบ้านไม้  น้ำไม่ได้ท่วม  แต่เนื่องจากตู้หนังสือ

มีหนังสือเยอะ และค่อนข้างชื่นมาก ๆ

ปลวกเลยเจาะเกือบหมดเล่ม

ไม่รู้จะว่า...อะไรกับปลวกนะ

ก็เลยท้าปลวกว่า...

มาเจาะใจผมดีกว่า...

 

พรุ่งนี้ ... (วันอังคารที่ 14 กันยายน 2553)

ผม และคณะกองทุนสุขภาพตำบล

ไปดูงาน ตำบล ... ปลอดไข้เลือดออก

ที่ จ.หนองคาย

ออกกันราวตีห้า

คงไม่ได้เขียนบันทึก

แต่น่าจะมีเรื่องราวน่าสนใจมาฝากครับ

สวัสดียามพลบค่ำวันพุธที่ 9 ตุลาคม 2553

 

ครับ ...ควรเลือกจดจำเฉพาะสิ่งดีๆ

เพราะ..

 

กาลเวลาไม่อาจพลัดพรากไปจากความทรงจำ บางแห่งมีกลิ่นพิเศษที่หอมกรุ่นเมื่อหลับตานึกถึง

 

วันพฤหัส ฯ ที่ 7 ตุลาคม 2553

 

การเดินทางบนโลกที่อ่อนแอ

กับชีวิตที่ไม่มีความหมาย

คือ การมีชีวิตทีอ่อนแอ

และติดไปกับเวลาที่เคลื่อนผ่าน...

วันพฤหัส ฯ ที่ 7 ตุลาคม 2553

 

"ความอดทน"

แม้จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ ท่ามกลางความยิ่งใหญ่อื่น ๆ

แต่ก็เป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่มีความหมายอย่างยิ่ง

สำหรับทุกคนอย่างเราบนโลก...

ชอบบันทึกทุกสิ่งอย่างเหมือนกันเลยค่ะ เมื่อก่อนเขียนในสมุด ตอนนี้ดีใจ ได้อ่านของคนอื่นๆ ด้วย ชอบๆ ขอบคุณค่ะ ;)

ขอบคุณครับ คุณ poo

พวกเรา "คอ" เดียวกัน นะครับ

วันศุกร์ที่ 8 กันยายน 2553

ยามไหนก็ได้

ยามจะได้ ได้ให้เป็น ไม่เป็นทุกข์

ยามจะเป็น เป็นให้ถูก ตามวิถี

ยามจะตาย ตายให้เป็น เห็นสุดดี

ถ้าอย่างนี้ ไม่มีทุกข์ ทุกวันเอย ฯ

อดีต นศ.ผิวคล้ำค่ะ

วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เปิดดูเว็บนี้

หลังจากมีเพื่อนสาวสุดสวยคนหนึ่งที่ไปฝึกงานด้วยกันที่ ศสช.โอโล อ.ภูเขียว ได้บอกมา

ดูก็รู้แล้วว่าเป็นใคร เพราะมีอาจารย์พี่เลี้ยงคนนี้คนเดียวที่ตั้งชื่อลูกว่า "น้องทิมดาบ"

แปลก แต่ก็น่ารักดี ไม่มีใครเหมือน แล้วก็ไม่เหมือนใคร

ดีใจมากค่ะ เพราะนี่คือทางติดต่อกับอาจารย์พี่เลี้ยงอีกทางหนึ่งค่ะ

ได้อ่านข้อคิดดีดีจากท่าน ทำให้ลูกศิษย์คนนี้ได้ข้อคิดในการใช้ชีวิตมากขึ้น

อยากกลับไปเที่ยวชัยภูมิค่ะ หลังจากฝึกงานเมื่อประมาณ ธ.ค.52-ก.พ.53

อ่านข้อไปก็ยิ้มไป ยิ่งนึกถึงตอนที่ไปฝึกงานก็ยิ่งคิดถึงความสนุกสนานที่เกิดขึ้น

จนถึงวันที่ต้องกลับจากฝึกงาน จนวันนี้ก็ยังจำสิ่งที่ดีที่อาจารย์พี่เลี้ยงทุกท่านได้สอนไว้ค่ะ

หวังว่าคุณพ่อของน้องทิมดาบหรือท่านอาจารย์พี่เลี้ยงจะจำนักศึกษาที่ถูกล้อเรื่องสีผิวกับเรื่องไม่มีหน่มๆเป็นประจำได้น่ะค่ะ

มีโอกาสจะเข้ามาดูบ่อยๆน่ะค่ะ

ด้วยความเคารพเสมอค่ะ

นักศึกษาตัวดำๆ

อดีต นศ.ผิวคล้ำค่ะ

แก้ไขค่ะ ไปฝึกงานช่วง ธ.ค.51-ก.พ.52

แม้ว่าอดีตจะเป็นนักศึกษาผิวคล้ำ แต่ปัจจุบันก็ยังคล้ำอยู่เหมือนเดิมค่ะ

วันอังคารที่ 19 ตุลาคม 2553

วันนี้...โชดดีจัง...วันน้ำท่วม

วันนี้โชดีจังครับ....

ขอบคุณ คุณ อดีต นศ.ผิวคล้ำ ครับ

ดีใจจังที่แวะเข้ามา

คงได้สิ่งดี ๆ แน่นอน

อยากให้น้องเขียนบันทึกด้วยนะครับ

พี่ว่า พี่รู้ตัวคนเขียนแล้วหล่ะครับ

สบายดีนะครับ

สวัสดีวันพยาบาลค่ะคุณหมอ ;)

เป็นบันทึกที่น่ารักมากๆ ค่ะ พอลูกๆ โตแล้วมาอ่านคงได้อมยิ้มและแรงบันดาลใจมากมาย ;)

หวีในความทรงจำของผม… จึงเป็นความทรงจำเสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่ผมมิอาจลืมได้ลง

ทุก ๆ เช้า “ทิมดาบ” ลูกชายผม อายุ 7 ขวบ ผมจึงไม่พลาดเวลาที่จะหวีผมให้เขา

หวังว่าในวันข้างหน้า ผม และทิมดาบ จะมีบันทึกเรื่องราวเดียวกัน แม้จะถูกถ่ายทอดบันทึกขับขาน แตกต่างกัน ตามกาลเวลา ในแต่ละยุค ในแต่ละสมัย

และตราบใดที่ลูกมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ผมก็จะมีชีวิตอยู่ในตัวลูก…

******

เมื่อไร...ป้าจะมีโอกาสได้เจอ หลานชายคนนี้

ที่น่ารัก....ซักที..น้า

ขอบพระคุณ พี่ดอส ครับ

พรุ่งนี้ 1 ธ.ค.53 ผมจะเปิดตัวเรื่องของ 'บ้านพี่ดอส...ที่บุรีรัมย์'

บันทึก 'ต้นมะพร้าวน้ำหอมบ้านพี่สาว....'

รอติดตามบันทึกนะครับ....

รับรองสนุกสนานครับ

ผมยังมีความสุขทุกวันกับการเขียนบันทึก

ณ พื้นที่แห่งนี้

หลายบันทึกเมื่อผมกลับมาอ่านอีกครั้ง

ทำให้ผมเข้าใจตนเองมากขึ้น

ซึ่งเมื่อก่อนผมชอบพยายามเข้าใจผู้อื่น

จนละเลยความเข้าใจตนเองครับ

ผมห่างจากการเขียนบันทึกไปหลายวัน...ยุ่งกับการออกอนามัยโรงเรียน...เยี่ยมบ้านผู้ป่วย...ควบคุมและป้องกันโรคไข้เลือดออก..มือ เท้า ปาก...และคนไข้มากจัง...มีเรื่องราวที่อยากจะเขียน...อยากจะกลับมาเขียนเร็วๆ...อ่านกลับมาอ่านบันทึกของเพื่อนๆ ...คิดถึงครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท