กรณีศึกษา ชีวิตรักแม่ครู


วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม 2553

 

ผมมาอยู่เวรที่สถานีอนามัยครับ เราเปิดบริการทุกวันนะครับ

ผู้รับบริการส่วนใหญ่ช่วงนี้ จะไม่ค่อยมากนัก เพราะเป็นฤดูฝน

ฝนตกกำลังดี ฝนวันเว้นวัน ชาวบ้านก็จะไปนาไปไร่

 

ผู้รับบริการส่วนใหญ่จะมาล้างแผล ไข้หวัด และปวดกล้ามเนื้อ

มีอุบัติเหตุเลือดตกยางออกบ้าง จากการทำงาน ถูกคันไถกระแทกศีรษะ ถูกมีดบาด

ซึ่งเย็บแผล และให้ยารักษาตามอาการ

 

การทำงานที่สถานีอนามัย  นอกจากที่เรารักษาพยาบาลแล้ว

ยังได้รับรู้เรื่องราวชีวิตของผู้รับบริการ ที่มาพูดคุยและเล่าให้ฟัง

เป็นความโชดดีจากการทำงาน ซึ่งน้อยคนจะได้รับรู้เรื่องราว

แต่ผมโชดดีมากครับ  ที่มีคนเข้ามาหาและเล่าเรื่องราวชีวิต

ซึ่งผมสามารถนำไปใช้กับชีวิตของผมเอง และการทำงาน

 

วันนี้... มีผู้มารับบริการ เกือบ 30 คน แล้ว

ถ้าเป็นงานวิจัย มีการสุ่มตัวอย่าง ผมขอสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย จำนวน 1 คน 1 เรื่องราว

คิดเป็นร้อยละเท่าไหร่ครับ

แต่ชีวิตคน จะนับเป็นร้อยละ... เปอร์เซนต์

ก็ไม่น่าใช่...ผมเลือกบันทึกเพราะ...แสนประทับใจและน่าจดจำ...

 

กรณีศึกษา  ชีวิตรักแม่ครู

แม่ครู อายุ 65 ปี มาล้างแผลทุกวัน เกือบสัปดาห์แล้ว เพิ่งออกจาก          โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย เพราะผ่าตัดมะเร็งเต้านมด้านขวา แม่ครูมาล้างแผลปกติทุกวัน แต่วันนี้ แผลซึมติด    ผ้าก๊อซมาก ผมจึงถาม เลยได้คำตอบว่า "เดินทางไกลไปทำบุญมา"

การพูดคุยที่ผ่านมา ก็ทักทายปกติ แต่วันนี้ แม่คงอิ่มบุญมา เลยพูดมากเป็นพิเศษ แม่ชอบทำบุญมากหลังจากที่สามีหนีไปมีภรรยาใหม่ ได้ปีกว่า

ช่วงแรก ๆ แม่ครูเสียใจมาก เพราะหลังจากเกษียณจากครูไม่นาน สามีก็ทิ้งกันไป ทั้ง ๆ ที่อยู่กินมาแล้วเกือบ 40 ปี และมีลูกชายด้วยกัน 1 คน (อายุ 33 ปี ทำงานแล้ว)

สามีของแม่ครู ชอบเล่น (พนัน) มวยตู้มาก จึงไปเล่นต่างอำเภอ จึงเจอภรรยาใหม่ มีเรือพ่วงแถมท้ายให้ด้วย...ตัวน้อย ๆ อีก 2 คน ที่สามีต้องเลี้ยงดูลูกคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกของตัวด้วย ตอนแรก ๆ แม่ครูบอกว่า สมน้ำหน้า

ผมถามแม่ครูว่า เคยกลับไปคืนดีกันไหม

แม่ครูเล่าว่า ลูกชายเคยไปรับมากลับบ้าน มาอยู่ด้วย 10 กว่าวัน  ดีใจมาก ซื้อสร้อยคอทองคำ 1 บาท ให้สามีด้วย  วันที่แตกหัก ก็คือ วันที่แม่ครูพาสามีไปทานข้าวในร้านอาหารในอำเภอ แล้วพ่อก็ขับรถออกจากร้านอาหาร บอกว่า ไปหาเพื่อนให้รอก่อน เดี๋ยวจะมารับกลับบ้านด้วยกัน

แม่ครูรอพ่ออยู่ 2 ชั่วโมง เลยโทรเข้ามือถือพ่อ แต่ปลายสายเป็นเสียงภรรยาใหม่ บอกว่า พ่ออยู่กับภรรยาใหม่ และจะไม่กลับบ้านแล้ว

แม่ครูนั่งร้องไห้ในร้านอาหารอย่างไม่อายใคร รู้ว่า เป็นคนแก่แล้วร้องไห้มันไม่งาม แต่มันห้ามน้ำตาไม่ได้   กลับบ้านไม่ถูก ต้องโทรให้ลูกชายมารับกลับบ้าน

แล้วความคิดก็พรั่งพรู ถึงความไม่ดีไม่งามของสามี ที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังว่า ตลอดเวลาการอยู่กินกันมา  สามีข่มเหงทั้งคำพูด และลงไม้ลงมือเมื่อไม่พอใจ ทั้งที่ตัวเองก็มีศักดิ์ครู เป็นครู และมีเงินเดือนหาเลี้ยงตนเอง

และสุดท้าย แม่ครูก็ตัดสินใจเลิกกับสามี  บอกลูกว่า พ่อก็ยังคือพ่อ  แม่ครูอโหสิกรรมให้สามี ไม่คิดร้ายหรือสมน้ำหน้า และมีความสุขกับการทำบุญจนถึงวันนี้

บทเรียนที่แม่ครูบอกผมคือ การอโหสิกรรมและการให้อภัย  จะนำความร่มเย็นมาสู่เส้นทางการดำเนินชีวิตของเราและคนรอบข้าง ...ต่อไปทั้งในชาตินี้ และชาติหน้า

 

ผมกราบขอบพระคุณแม่ครูนะครับ  ที่เรื่องราวแม่ครูมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของผมมาก...เพราะถ้าผมเป็นแม่ครู  ผมอาจจะสาปแช่งคนที่กระทำผม ไม่ให้ผุดไม่ให้เกิด และเสี้ยมสอนลูกให้จงเกลียดจงชังต่อบุพพาการีตัวเอง ซึ่งในใจของผม มันอาจจะร้อนลุ่มไหม้เกรียม ราวลาวานองทั่วพื้นดิน จนดวงตามองไม่เห็นสัจธรรม "การอโหสิกรรม และการให้อภัย".....

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 385012เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2010 14:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน 2012 21:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณตัวอย่างการดำเนินชีวิตไปข้างหน้าได้ ก็ด้วยการให้อภัย อ่านเรื่องแม่ครูแล้ว..กรรมของสามีแก ทำให้พลัดพรากจากคนดีๆ อย่างแม่ครูค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท