โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

สัมผัสหิมะบนเขาติตลิส-1


รถพาเราลัดเลาะริมเขา ลำห้วย หมู่ไม้ หุบเหว ด้านล่างห่างออกไปไม่มาก ธารน้ำเล็ก ๆ ไหลรินใสแจ๋วมองเห็นกรวดทรายพลิกตัวตามแรงน้ำ

สัมผัสหิมะบนเขาติตลิส-1

โสภณ  เปียสนิท

..........................

 

                รถพาเราลัดเลาะริมเขา ลำห้วย หมู่ไม้ หุบเหว ด้านล่างห่างออกไปไม่มาก ธารน้ำเล็ก ๆ ไหลรินใสแจ๋วมองเห็นกรวดทรายพลิกตัวตามแรงน้ำ ถึงลานกว้างกลางหมู่เขา แองเจลเบอร์ก (Engelberg) มองด้านไหนเห็นแต่ภูเขาสูง เหมือนภาพแห่งความฝัน ภูเขาสูงเหล่านั้นมีบ้านเรียงรายไต่ระดับสูงขึ้นเกือบถึงยอดเขา มองแล้วน่าเป็นห่วงเรื่องสาธารณูปโภค แหล่งน้ำ ไฟฟ้า และถนน แต่ตรงกันข้ามครับ ที่นี่ใครจะตั้งบ้านเรือนอยู่ตรงไหนขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ระบบสาธารณูปโภคตามถึงบ้านได้โดยไม่ช้า เพราะเป็นสวัสดิการของรัฐ เนื่องจากการเก็บภาษีค่อนข้างแพง

 

                ต่างคนต่างเตรียมอุปกรณ์ป้องกันความหนาวเย็นเต็มอัตรา เมื่อมัคคุเทศก์แจ้งว่า รายการต่อไปคือการนั่งกระเช้าไฟฟ้า ขึ้นสู่ยอดเขา “ติทลิส” (Titlis) กระเช้าไฟฟ้าเป็นนวัตกรรมอีกชิ้นหนึ่งที่ชาวสวิสภาคภูมิใจ พวกเราเตรียมหมวกไหมพรม ผ้าพันคอ เสื้อคลุม ถุงมือ กล้องถ่ายรูป รองเท้าชนิดที่ไม่ลื่น คราวนี้คงได้นอนกลิ้งบนหิมะให้สมใจคนไม่เคยสัมผัสหิมะเสียที (ก็ผมเองนี่แหละครับ)

 

                ความหนาวเย็นราวสิบองศาพรายพรูเข้าทักทายเหมือนกล่าวคำต้อนรับ ทันทีที่ออกจากรถโคช (บัสเล็ก)  ภาพทิวทัศน์รอบตัวสวยงามแปลกตาน่าประทับใจ แม่วัวด่าง ข่าวสลับดำ หน้าตาเหมือนวัวข้างกล่องนมยี่ห้อหนึ่งในบ้านเรายืนกินหญ้าเป็นกลุ่ม ๆ ทุกคนเตรียมตัวขึ้นเขาอย่างขมีขมัน บางคนเข้าห้องน้ำ บางคนสวมเสื้อหนังอย่างหนา บางคนใส่เสื้อทับซ้อนหลายชั้น หลายคนพลัดเปลี่ยนกันถ่ายรูปตามมุมที่เห็นว่าสวยงาม

 

                 ผมเองพยายามมองโดยรอบอย่างตั้งใจ เพื่อเก็บภาพอันสวยงามเหล่านี้ไว้ในความทรงจำ และขอให้เพื่อนร่วมเดินทางถ่ายภาพเก็บไว้ก่อนสองภาพเพื่อประกอบกับความทรงจำแสนงาม เมื่อพอควรแก่การแล้วจึงก้าวเดินสู่จุดนัดพบแรก จุดตรวจตั๋ว มัคคุเทศก์อำนวยความสะดวกด้วยการช่วยจัดการซื้อตั๋วบวกราคาอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารข้างบนยอดเขาไว้ด้วยแล้ว

 

                   หยิบตั๋วใบนั้นมาดูยังเห็นภาพลายเส้นสีแดงคล้าย ๆ นกอินทรีอยู่บนกระดาษมันสีฟ้าอ่อนเหนือตัวอักษร Engelberg Titlis ล่างสุดภาพชายคนหนึ่งใส่เสื้อสีเหลืองเล่นสกีจนหิมะกระจายประกอบ บนสุดมีชื่อเว็บไซด์WWW.titlis.ch ไม่รู้ว่าเข้าเยี่ยมชมเว็บนี้ได้จริงหรือไม่ ถึงวันนี้ยังไม่เคยได้เข้าใช้บริการเลย คุณผู้อ่านทดสอบก่อนก็ได้ครับ ได้ผลอย่างไรเขียนมาแลกเปลี่ยนความรู้กันบ้างก็ดี

 

                 ถึงที่ขึ้นกระเช้าเหล็ก รู้สึกทึ่งในความสามารถทางเทคโนโลยีของชาวสวิส กระเช้าจำนวนมาก รูปร่างป้อม ๆ ความจุขนาด 6 คน แขวนไว้บนสายเคเบิ้ลขนาดใหญ่ สายเคเบิ้ลวางไว้บนวงล้อขนาดใหญ่ทำหน้าที่เป็นเฟืองถ่ายเทแรงให้หมุนไปตามลำดับไม่ขาดสาย ยามจอดรับเราไม่ได้หยุดสนิทให้ขึ้นเสียทีเดียว แต่กระเช้าช้าลงมากตามจุดขึ้นที่กำหนด

 

                   เราต่างแย่งกันขึ้นกระเช้าละ 4-5 คน ก่อนที่กระเช้าเหล่านั้นจะค่อย ๆ หมุนช้า ๆ พาเราขึ้นสูงทีละน้อย แล้วไต่ลำดับขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้านล่างมีป่าสนขนาดใหญ่และขนาดกลาง แต่ละต้นสูงตรง พื้นที่บางส่วนมีป่าหนาทึบ บางส่วนมีพรมหญ้าสีเขียวปกคลุมพื้นเรียบกินวงกว้างน่าชม มีทางเส้นเล็ก ๆ คดโค้งไต่ขึ้นสู่สันเขา ได้ความว่าเป็นทางสำหรับให้นักไต่เขาที่ต้องการออกกำลัง ไม่ต้องการอาศัยเครื่องทุนแรงเช่นเรา

 

                 ถึงช่วงที่สองกระเช้าชะลอช้าลง แต่ก็ไม่ถึงกับจอดต่างคนต่างนั่งมองฝรั่ง ฝรั่งก็นั่งมองเราเหมือนกัน คงงง ๆ อยู่ว่ากระเหรี่ยงพวกนี้มาจากไหนกัน เผลอนิดเดียวกระเช้าพาเราพ้นช่วงหนึ่ง ไต่ลำดับสูงชันมากขึ้นไปอีก ด้านล่างป่าสนน้อยลง หิมะสีสกปรกจับตัวบนหินเป็นหย่อม ๆ ต้นไม้เล็กประปราย ทางเดินสำหรับนักไต่เขายังปรากฏให้เห็นตลอดแนวยาวไกล

หมายเลขบันทึก: 383557เขียนเมื่อ 10 สิงหาคม 2010 17:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ป่าเขาล้วนหนาวเย็น ดูไกลๆ แสนสวย หากให้อยู่ทำไร่ทำนาคงไม่มีที่เหมาะเท่าประเทศเราครับผม

วิวเออร์วาวสตรัสเซ่ แม่น้ำที่มาจากหิมะบนยอดเขา

กระเช้าสำหรับ6คน ขึ้นสู่ยอดเสา เอ้ย ยอดเขา คนกลัวความสูงขึ้นไม่ได้แน่ หรืออาจขึ้นได้แต่ต้องหลับตา พวกเราทั้งคณะขึ้นได้ทุกคน

ตอนที่กระเช้าค่อยๆขึ้นผ่านทุ่งหญ้าเลี้ยงวัว อาจารย์ได้ยินกระดิ่งที่ผูกคอวัวดังกรุ่งกริ้งๆๆหรือเปล่าค่ะ และบ้านแถวนั้นเหมือนบ้านตุ๊กตาทาสีสวย มีหน้าต่างเล็กๆรอบบ้าน น่ารักมาก

Ico48เรียน ดร. พจนาครับ

วันนี้มาถึงนี่เลยเทียว

เป็นครั้งเดียวที่ไปไกลถึงยุโรปครับ

10 กว่าวัน นำมาเขียนเป็นตอนๆ 

ลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น รายปักษ์

เขียนอยู่ 2 ปีกว่าเทียวครับ

สนุกคนเขียนไปเลย

คนอ่าน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง นะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท