4 วิธีป้องกันท้องอืดจากพืชผัก


4 วิธีป้องกันท้องอืดจากพืชผัก

ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบของสังคมยุคไอที อาจทำให้ใครหลายคนมักเกิดอาการอาหารไม่ย่อย รู้สึกจุกแน่น ท้องอืดและท้องเฟ้อ ซึ่งมักมีสาเหตุจากความเครียดและความวิตกกังวลจนทำให้กระเพาะอาหารทำงานผิดปกติได้ ซึ่งในปัจจุบันมีคนรุ่นใหม่จำนวนมากหันมาใส่ใจกับอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง ผัก ผลไม้ และถั่ว ที่ล้วนอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร เกลือแร่ และวิตามินหลากหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่บางครั้งมือใหม่หัดกินผักหรืออาหารที่มีกากใยมาก อาจพบปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือแน่นท้องได้ เพราะแบคทีเรียในลำไส้ย่อยกากใยในอาหารและปล่อยแก๊สออกมา จึงทำให้บางคนเกิดอาการท้องอืด สถาบันวิจัยมะเร็งสหรัฐอเมริกา ( AIRC ) มี 4 คำแนะนำในการป้องกันท้องอืดสำหรับ “ มือใหม่ ” ดังต่อไปนี้ 1. เริ่มแต่น้อย ค่อยๆ ปรับเพิ่ม การปรับเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะทำให้ร่างกายปรับตัวได้ดีกว่า เช่น ถ้าเราตั้งใจกินข้าวกล้องแทนข้าวขาว ควรผสมข้าวกล้องกับข้าวขาวอย่างละครึ่ง รอให้ร่างกายปรับตัว 3 - 7 วัน จากนั้นค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนข้าวกล้อง จนกระทั่งเลิกใช้ข้าวขาวและหันมากินแต่ข้าวกล้องอย่างเดียว 2. กินผักสุกก่อนเพิ่มผักสด คนส่วนใหญ่จะกินผักสุกได้มากกว่าผักสด ช่วงที่เป็นมืดใหม่หัดกินผักน่าจะกินผักสุกให้มากหน่อย เมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนผักสดทีละน้อย 3. ดื่มน้ำและเดินให้บ่อยขึ้น ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น โดยดื่มคราวละน้อยๆ แต่บ่อยๆตลอดวัน และควรเดินให้มากขึ้น เช่น หลังมื้ออาหารควรเดินช้าๆ 10 - 15 นาที เพราะช่วยให้ลำไส้เล็กบีบตัวให้อาหารผ่านไปยังลำไส้ใหญ่ได้เร็วขึ้น แบคทีเรียในลำไส้สร้างแก๊สน้อยลง ช่วยป้องกันอาการท้องอืด 4. ลดการกินผักที่ทำให้เกิดแก็สในลำไส้ ผักบางชนิดอาจทำให้เกิดแก็สในลำไส้ใหญ่มากขึ้น ได้แก่ หัวหอม กระเทียม ถั่ว และผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำปลี หัวผักกาด การกินพืชผักเหล่านี้ให้น้อยลงจะช่วยลดอาการท้องอืดได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคุณมีอาการท้องอืดหรือแน่นท้องเกิดขึ้นแล้ว สมุนไพรไทยๆ อย่างขิง ข่า ตะไคร้ กะเพรา หรือ กระชาย สามารถช่วยขับลมและบรรเทาอาการต่างๆ ลงได้ ที่สำคัญ พืชผักต่างๆ ล้วนมีคุณค่า การกินผักให้ได้ผลดีที่สุดจึงควรกินเป็นประจำทุกวัน และควรกินข้าวกล้อง ถั่ว งา เห็ด ผัก และผลไม้หลากหลายชนิดสลับกันไป ที่มาข้อมูล :

หมายเลขบันทึก: 383424เขียนเมื่อ 10 สิงหาคม 2010 15:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 15:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท