การอยู่ร่มเย็นเป็นสุขของชาวบ้านได้พบกับความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อนายจะเค๊าะและนายจะแคะซึ่งเป็นปู่จารย์ในขณะนั้น ได้เกิดความบาดหมางกันขึ้น ทำให้จะเคาะชักชวนครอบครัวของนายขี้หมาและนายป๊ะปีไปแสวงหาที่ทำกินใหม่ซึ่งห่างจากที่ตั้งเดิมประมาณ ๑๐ กม. อันเป็นที่ตั้งของบ้านห้วยปลาหลด หมู่ที่ ๘ ตำบลด่านแม่ละเมา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่าบ้านมูเซอสามหลัง “บ่าเล๊าะ” คนทั้ง ๓ จึงมีตำแหน่งเป็นปู่จารย์ เป็นผู้ใหญ่บ้าน และเป็นหมอผี
เดิมที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งบ้านเรือนและที่ทำกินของชาวปกาเกอะญอ ภายหลังได้ละทิ้งถิ่นหนีเข้าไปอยู่ในป่าที่ลึกเข้าไปอีก บ่าเลาะตั้งอยู่ลุ่มน้ำลำห้วยปลาหลด จึงมีชื่อเรียกกันว่า “บ้านห้วยปลาหลด” มาจากความเชื่อกันว่ามีปลาหลดอยู่ในลำห้วยจำนวนมากนั่นเอง
ส่วนนายจะเค๊าะได้พาครอบครัวย้ายออกไปตั้งบ้านเรือนที่บ้านห้วยส้มป่อย หมู่ที่ ๕ ตำบลด่านแม่ละเมา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นเวลาเกือบ ๑ ปี นายจะพูและ และนายก๊ะกู่ ได้ย้ายครอบครัวมาตั้งถิ่นเพื่อหาที่ทำกินพร้อมกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ประมาณ ๒๐ ครอบครัว
ครอบครัวของนายจะเค๊าะและชาวบ้านจากบ้านมูเซอสามหลัง“บ่าเล๊าะ” ได้ถือโอกาสมาเข้าร่วมประกอบพิธีกรรมเทศกาลปีใหม่ที่บ้านหมู่บ้านส้มป่อยด้วย เนื่องจากชาวบ้านที่บ่าเลาะได้ยินเสียงชะนีร้องในเวลากลางคืน ซึ่งถือว่าเป็นลางร้ายทำให้ไม่สามารถจะทำพิธีกรรมในหมู่บ้านได้ โดยได้เข้าร่วมพิธีต่าง ๆ เป็นเวลาถึง๒ ปี
การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับชะนีเพิ่มเติมพบว่า “หากกล่าวถึงสัตว์ที่มีเอกลักษณ์ของเสียงร้องชะนีต้องเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่หลายคนคงจะนึกถึงพร้อมกับเสียงร้องเรียก ผัว ผัว ผัว ผัว !!! แต่เชื่อหรือไม่ว่าเสียงร้องนี้เป็นเพียงเสียงของชะนีมือขาวหรือชะนีธรรมดา ส่วนชะนีชนิดอื่นๆ มีเสียงมีเสียงร้องที่แตกต่างจนเราสามารถจำแนกชนิดจากเสียงร้องได้อย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่ความแตกต่างในระหว่างชนิดพันธุ์เท่านั้นความแตกต่างของเพศในชะนีแต่ละชนิดก็มีความแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน แต่กระนั้นในความแตกต่างของเสียงกลับมีความคล้ายคลึงกันในเรื่องของวัตถุประสงค์ซึ่งมีอยู่หลายประการไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องเพื่อประกาศอาณาเขต เพื่อขับไล่ศัตรู เพื่อหาคู่ในฤดูผสมพันธุ์ หรือแม้แต่เพื่อเตือนภัยให้สมาชิกในฝูงทราบ “ http://www.thaiwildlife.org/main/featured-articles/gibbon/
หลังจากนั้นอีกไม่นานนายจะแคะ ซึ่งเป็นปู่จารย์บ้านอุ่มยอม ถูกลักลอบยิงเสียชีวิต ทำให้นายปู่ดาซึ่งเป็นลูกชายนายจะแคะ พาลูกหลานและเครือญาติรวมทั้งชาวบ้านประมาณ ๒๐ หลังคาเรือนย้ายเข้าไปอยู่ที่”บ่าเลาะ” และนายปู่ดาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นปู่จารย์แทนนายจะเค๊าะ
การที่ได้อยู่ด้วยความสงบร่มเย็น ทำมาหากินเจริญรุ่งเรืองจนกระทั่งเวลาผ่านไปถึง ๕ ปี นายจะเค๊าะได้ผิดใจกับนายปู่ดา จึงแยกชาวบ้านจำนวน
๑๐ ครอบครัวออกมาตั้งหมู่บ้านใหม่ ทำให้บ่าเลาะถูกแยกออกเป็นบ้านเหนือและบ้านใต้ โดยบ้านเหนือมีนายจะเค๊าะเป็นปู่จารย์ ส่วนที่บ้านใต้มีนายปู่ดาเป็นปู่จารย์ มีลูกบ้านราว ๒๕ ครอบครัว
พ.ศ.๒๕๑๕ ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดตาก ได้เข้ามาจัดตั้งหน่วยพัฒนาชาวเขาในหมู่บ้าน และตั้งชื่อหมู่บ้านเป็นทางการว่า “บ้านห้วยปลาหลด” ซึ่งเป็นชื่อเรียกลำห้วยที่ไหลผ่านหมู่บ้าน ที่ชาวบ้านเล่ากันว่าน่าจะมาจากปลาหลดในลำห้วยที่มีอยู่มากมายนั่นเอง
พ.ศ. ๒๕๑๗ บ้านห้วยปลาหลดมีโอกาสรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชีนีนาถ ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรในหมู่บ้าน โดยพระมหากรุณาธิคุณ
ต่อมาครอบครัวนายจะฟะ ซึ่งเคยอยู่ที่บ่าเลาะมาก่อนและย้ายไปอยู่บ้านมูเซอหลังเมือง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และไปอยู่ที่ห้วยไม้ห้าง อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ประสบกับเกิดโรคระบาด ชาวบ้านล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงได้ย้ายครอบครัวมาอยู่ที่บ้านบ่าเลาะบ้านใต้ของนายปู่ดา
นอกจากนี้ยังนายจะจู๋ และอีกหนึ่งครอบครัวซึ่งย้ายมาจากบ้านมูเซอหลังเมืองพร้อม ๆ กับนายจะฟะ ได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านบ่าเลาะเช่นกัน แต่เลือกเข้าไปเป็นสมาชิกบ้านใต้ของนายจะเค๊าะ
พ.ศ. ๒๕๒๖ นายจะเค๊าะ ซึ่งเป็นปู่จารย์บ้านเหนือ ย้ายออกไปตั้งบ้านเรือนที่บ้านห้วยขนุน เลยบ้านอุมยอมเข้าไปทางด้านใน ชาวบ้านจึงได้แต่งตั้งให้นายแอ่หลู้เป็นปู่จารย์แทนนายจะเคาะ หลังจากนายแอ่หลู้เสียชีวิตชาวบ้านก็แต่งตั้งให้นายจะจู๋เป็นปู่จารย์แทน
พ.ศ. ๒๕๓๓ นายปู่คา ซึ่งเป็นปู่จารย์บ้านเหนือ มีอายุมากขึ้นและเข้าสู่วัยชรา จึงได้ลาออกจากตำแหน่งปู่จารย์ และได้ส่งต่อหน้าที่ปู่จารย์ให้กับนายจะต๋า ผู้เป็นลูกชาย และหลังจากนั้นชาวบ้านซึ่งเป็นสมาชิกของนายจะต๋า ได้ย้ายไปเข้าเป็นสมาชิกของนายจะจู๋ และมีบ้านเรือนอยู่ที่เดิม
พ.ศ. ๒๕๔๕ นายจะลา ได้นำชาวบ้านจำนวน ๑๕ ครอบครัวออกมาจากการเป็นสมาชิกของนายจะจู๋ โดยตั้งกลุ่มตนเองขึ้นใหม่ นายจะลาจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปู่จารย์
พ.ศ. ๒๕๕๐ ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้ย้ายออกจากการเป็นสมาชิกของนายจะจู๋ ได้ไปตั้งกลุ่มตนเองอีกต่างหาก มีการแต่งตั้งปู่จารย์ หมอผี และอื่น ๆ ตามธรรมเนียมการของชาวลาหู่ว่าด้วยการอยู่เป็นกลุ่มก้อนของสมาชิก แต่ไม่นานก็ได้ย้อนกลับมารวมกับนายจะจู๋เช่นเดิม
พ.ศ. ๒๕๕๒ ชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง นำโดยนายจะย่อ ได้แยกชาวบ้านจำนวน ๑๕ ครอบครัวออกมาจากนายจะจู๋มาตั้งกลุ่มใหม่ของตนเองอีก และนายจะย่อได้รับการแต่งตั้งเป็นปู่จารย์
พ.ศ. ๒๕๕๓ ชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งมีจำนวน ๕ ครอบครัว โดยนายจะอื๊อ ได้แยกตัวออกมาจากการเป็นสมาชิกของปู่จารย์จะหลง ซึ่งสืบทอดตำแหน่งปู่จารย์จากนายจะต๋า ผู้เป็นพี่ชาย เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ และภายหลังนายจะอ๋อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปู่จารย์ ของหมู่บ้านห้วยปลาหลด หมู่ ๘ ตำบลด่านแม่ละเมา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีจะสื่อ หรือนายศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ใหญ่บ้านที่ได้รับการคัดเลือกและแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ และมีการแบ่งการปกครองแบบดูแลตนเองอีก ๕ ป๊อก* มีผู้ใหญ่บ้านปู่จารย์และหมอประจำแต่ละป๊อก .... อยู่ร่มเย็นเป็นสุขมาทุกวันนี้
การเปลี่ยนแปลงเพื่อการพัฒนา ครั้งแล้วครั้งเล่า กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า แม้ว่าจะถูกแบบ่งออกเป็นป๊อก ๆ ถึง ๕ ป๊อก อันไม่ได้หมายถึงความแตกแยก แต่เป็นการจัดระเบียบสังคม เพื่อเป็นการนำไปสู่ความเป็นปึกแผ่นของความมั่นคง และการสร้างความเข้มแข็งของการอยู่ร่วมกัน แต่ชาวลาหู่ใส่เสื้อสีเดียวกันทุกคน รูปแบบเครื่องแต่งกายอย่างเดียวกันไม่ว่าหญิงหรือชาย ทุกเพศทุกวัย ไม่มีการเสียเลือดเนื้อหรือการประหัตประหารด้วยอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างแต่อย่างใด สุขภาพจิตและวิถีชีวิตของชาวลาหู่ยังงดงามคงเส้นคงวา มีหัวใจสีเดียวกันที่สัมผัสได้ เพราะใครจะไปหมู่บ้านกลุ่มใด ป๊อกใดก็ได้โดยสะดวกสบายไม่ต้องติดกับกฏหมายเข้มข้นที่เรียกว่าเคอร์ฟิวส์หรือพระราชบัญญัติฉุกเฉิน
การแต่งตั้งหน้าที่ผู้นำเช่นปู่จารย์ หมอผีและผู้ใหญ่บ้าน ไม่มีการหาเสียง ไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงด้วยระบบเงินสดเงินผ่อนหรือเครดิตใด ๆ และไม่ต้องเสียงบประมาณรณรงค์ต่อต้านการเป็นครึ่งใบเต็มใบของผู้ที่อยู่เบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง หรือผู้ที่ไม่รู้การกระทำ แต่ชาวลาหู่ดินแดนลุ่มน้ำห้วยปลาหลดยึดถือ "ความดี" เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ
ป้อก มีความหมายเช่นเดียวกับ คุ้ม
ติดตามอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากต้นฉบับได้ที่นี่ค่ะ
อ่านพีคิมบรรยายบ้านห้วยปลาหลด มาหลายบันทึกแล้วทำให้อยากไปสัมผัสบรรยากาศจริงค่ะ
ชอบสองย่อหน้าสุดท้ายมากๆ ขอบคุณค่ะ .. ต้อนรับแขกจากที่ไหนคะพี่คิม บอกกล่าวได้ไหมน๊า
สวัสดีค่ะพี่คิม
...ไปลุย บ่าเล๊าะมา เหมือนถ่ายทำสารคดีย่อยๆ เลยนะคะ
ได้ความรู้ใหม่เพิ่มอีกแล้ว เป็นชุมชนที่มีประวัติความเป็นมายาวนานเหมือนกันนะคะ
อาคารด้านหลังภาพสุดท้าย คือโรงเรือนอะไรเหรอคะ ท่าทางจะเก่าแก่น่าดู
เด็กๆหน้าตา เหมือนคนจีน แต่เด็กชาวเขาที่เห็นมา ก็หน้าตาแบบนี้กันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าพันธุ์
ขอบคุณข้อมูลที่ไม่เคยทราบมาก่อนค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ...
สวัสดีพี่ครูคิมครับ
แวะมาร่วมเรียนรู้วิถีชีวิต และ ความเป็นมาของบ้านห้วยปลาหลดด้วยครับ...
หากมีโอกาส แวะไป F2F Gotoknow สัญญจร อีสานครั้งที่ ๒ วันศุกร์ที่ ๒๗ สิงหาคม นะท่านพี่
สวัสดีค่ะน้องNina
ขอขอบคุณที่คิดถึงค่ะ พี่คิมคิดถึงน้องเช่นกัน ตอนนี้ไม่ได้ไปเยี่ยมใคร ๆ มากนัก ได้แต่เขียนค่ะ
สวัสดีค่ะน้องpoo
ยิ่งเล่ายิ่งสนุกค่ะ ขำตรงอ่านลายมือของตัวเองไม่ออก ฮา ๆ ๆ ๆ ขอเชิญไปติดตามที่หน้าอนุทินดูเองนะคะ
สวัสดีค่ะน้องปิ่นธิดา
ประวัติและเรื่องราวน่าสนใจมากค่ะ เล่าไป ๆ ฟังไป ๆ ก็ผุดข้ออยากรู้อยากเห็นมากขึ้นค่ะ ล้วนแต่เป็นเรื่องน่าทึ่ง น่าเรียนรู้ค่ะ คิดถึงน้องค่ะ ไม่ทราบได้รับเสื้อหรือยังคะ
สวัสดีค่ะน้อง...อ้อยควั้น
ขอขอบคุณค่ะ ที่ยังคิดถึงกัน หวังว่าคงได้อ่านบันทึกของน้องอีกนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
สวัสดีค่ะน้องPhornphon
วันนี้แบ่งเวลาอ่านหนังสือธรรมะที่น้องส่งไปให้ค่ะ ส่วนก่อนนอนก้อ่านอีกประเภทหนึ่ง เป็นธรรมะเช่นกันค่ะ
วิถีชีวิตที่บ้านห้วยปลาหลดน่าศึกษาเรียนรู้มาก ๆ ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณครูธนิตย์ สุวรรณเจริญ
ชื่อยาก ๆ และสะกดให้ออกเสียงเป็นธรรมชาติของเจ้าของภาษาไม่ได้เลยค่ะ มีเรื่องน่าเล่าอีกเยอะค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์JJ
ขอขอบพระคุณค่ะ ที่กรุณาให้เกียรติเชิญชวนค่ะ
เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมากนะครับ ที่เขารักษาวัฒนธรรมได้ดี หมู่บ้านคงสงบน่าอยู่
สวัสดีค่ะ
เรื่องราวที่บ้านห้วยปลาหลดน่าสนใจมากค่ะ มีโฮมสเตย์ให้พักที่สบายนะคะ สนใจก้เชิญนะคะ
ชอบตอนนี้..มันทำให้เห็นมุมอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ค่ะพี่ครูคิม
ขอบคุณที่เขียนให้อ่านค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ครูคิม
อ่านสนุกทุกตอนเลยค่ะ
เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์
ระลึกถึงเสมอค่ะ..ดูแลสุขภาพด้วย