คณะกรรมการธรรมภิบาลจังหวัดขอนแก่น (ก.ธ.จ.)
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด พ.ศ.2552 ได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับจำนวน วิธีการสรรหา และการปฎิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ
ธรรมาภิบาลจังหวัด เพื่อให้การสอดส่องและเสนอแนะการปฎิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐในจังหวัดเป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ตามมาตรา 3/1 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 55/1 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน(ฉบับที่7) พ.ศ.2550 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงได้วางระเบียบไว้
คณะกรรมการ ประกอบด้วย
ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งมีเขตอำนาจในจังหวัด(ขอนแก่น เขต 12) เป็นประธาน และผู้แทนภาคประชาสังคม ผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้แทนภาคธุรกิจเอกชนในจังหวัดนั้นเป็นกรรมการ และให้เลือกกรรมการคนหนึ่งทำหน้าที่รองประธาน ให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งข้าราชการสังกัดสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีตามที่ประธานเสนอเป็นเลขานุการหนึ่งคนและผู้ช่วยเลขานุการหนึ่งคน และแต่งตั้งข้าราชการในจังหวัดนั้นตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอเป็นผู้ช่วยเลขานุการหนึ่งคน
ในจังหวัดขอนแก่น มีคณะกรรมการได้จำนวนยี่สิบคน ตาม(4) ที่กำหนดว่า จังหวัดที่มีอำเภอตั้งแต่ยี่สิบเอ็ดอำเภอขึ้นไป ให้มีกรรมการจำนวน ยี่สิบคน ประกอบด้วย ประธาน และผู้แทนภาคประชาสังคมสิบเอ็ดคน ผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่นสี่คน และผู้แทนภาคธุรกิจเอกชนสี่คนเป็นกรรมการ
คณะกรรมการธรรมภิบาลจังหวัดขอนแก่น (ก.ธ.จ.) มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) สอดส่องการปฎิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัดให้ใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
(2) แจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ในกรณีที่พบว่ามีการละเลยไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับ หรือมีกรณีทุจริต
(3) เสนอแนะแนวทางการปฏิบัติและการส่งเสริมตามหลักคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลเพื่อการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานของรัฐในจังหวัด
(4) ติดตามการปฏิบัติงานตามมติ ก.ธ.จ.
(5) แต่งตั้งที่ปรึกษาด้านวิชาการ การประชาสัมพันธ์ หรือด้านอื่น จำนวนไม่เกินสามคน
(6) เผยแพร่ผลการปฏิบัติหน้าที่ต่อสาธารณะตามที่เห็นสมควร
และที่สำคัญอีกสองข้อ คือ
ข้อ 26 ให้ ก.ธ.จ. มีอำนาจออกหนังสือแจ้งให้หน่วยงานของรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ปรึกษาตามข้อ 22)5) และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม หรือจัดส่งเอกสารหรือข้อมูลต่างๆ รวมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการพิจารณาได้ตามความจำเป็น
ข้อ 28 กรณีที่ ก.ธ.จ. มีมติว่ามีการละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบหรือข้อบังคับหรือมีกรณีทุจริต ให้ประธานแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี รายงานผลการดำเนินการให้ประธานทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
หากผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี มิได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ให้ประธานแจ้งมติ ก.ธ.จ. ตามวรรคหนึ่งให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อรายงานต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดดำเนินการต่อไป
เป็นเรื่องที่ดี สำหรับบ้านเมืองที่มีองค์กรต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายคอยส่อดส่องดูแลระบบราชการให่เกิดธรรมาภิบาลขึ้นในแผ่นดิน
เรียน คุณสมเกียรติ โสภา
ท่านเขียนเรื่องนี้ดีมาก ๆ เลย เป้นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวข้าราชการ ที่เป้นช่องทางหนึ่งที่จะอาศัยให้ความเป็นธรรมข้าบุคลากรของรัฐได้ ผมจะนำไปทดลองใช้ รอดูผลงานได้เลย ขอบคุณ