“โมถ่าย” จาก..สัพพนามคนขี้โม้สู่กองทุนสวัสดิการชุมชน เด็ก ผู้ด้อยโอกาส
และผู้สูงอายุ แบบยั่งยืน *
ชุมชนโมถ่าย เดิมทีเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนผู้มีอาชีพหาของป่า ล่าสัตว์ เพื่อการดำรงชีวิต เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของชุมชนเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าชุกชุม คนในชุมชนโมถ่ายจะมีความเชี่ยวชาญในการล่าสัตว์และมีความเชื่อมั่นในความเก่งกล้าสามารถของตนเองเป็นอย่างมาก ซึ่งสิ่งที่ได้จากการหาของป่า ล่าสัตว์ ถ้าเหลือจากการดำรงชีพแล้วก็จะนำไปขายหรือแลกสิ่งของในตัวอำเภอ จึงทำให้คนในชุมชนมีเงินใช้จ่ายอย่างไม่ขาดมือ ทำให้เกิดการโอ้อวดถึงความเป็นผู้มีอันจะกิน จนได้สัพพนามเรียกขานจากชุมชนละแวกเดียวกันตามสำเนียงภาษาของคนภาคใต้ว่า “โมตาย” (คนขึ้โม้) ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมบ้านเมือง เกิดการแบ่งเขตจัดตั้งชุมชนขึ้นตามหน่วยงานภาครัฐกำหนด จึงเป็นชื่อมาเป็น “โมถ่าย” ตามสำเนียงเรียกของภาษาไทย ปัจจุบันตำบลโมถ่ายมีประชากรทั้งสิ้น 3,456 คน โดยแบ่งการปกครองออกเป็น 6 หมู่บ้าน
นายเจือ เวทยาวงศ์ ประธานบริหารกองทุนสวัสดิการชุมชน กล่าวว่า กองทุนสวัสดิการชุมชนโมถ่าย เกิดขึ้นจากการสาเหตุที่ในตำบลมีองค์กรที่จัดการเรื่องทุนอยู่หลายประเภท เช่น กลุ่มออมทรัพย์ เครดิตยูเนี่ยน กองทุนข้าวซ้อมมือ กลุ่มผู้ผลิตน้ำดื่ม กองทุนผู้ยากลำบากบ้านป่าอ้อย แต่ไม่มีกองทุนหรือกลุ่มองค์กรใดที่จัดตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองชุมชนในด้านสวัสดิการต่าง ๆ ให้กับชุมชนเลย ดังนั้นจึงเป็นจุดทำให้เกิดการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชน เด็ก ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุขึ้น ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2542 โดยมีเงินทุนร่วมก่อตั้งครั้งแรก 9,000 บาท ปัจจุบันมีเงินกองทุนจำนวน 256,300 บาท มีสมาชิก 425 คน ดำเนินการภายใต้กรองแนวคิดที่ว่า “ชุมชนควรมีหลักประกัน” กล่าวคือ การดูแลกันเอง โดยใช้สถานบันการเงินชุมชนที่ตัวเองมีอยู่ เป็นเครื่องมือสำคัญ ซึ่งนายเจือ เวทยาวงศ์ ได้กล่าวต่อไปว่า “ชาวบ้านได้แนวคิดจากการที่องค์กรไม่ว่าจะเป็นของรัฐและเอกชนในปัจจุบัน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีหลักประกันให้กับคนทำงาน มีสวัสดิการด้านต่าง ๆ มากมาย เช่น ด้านอุบัติเหตุ ด้านการรักษาพยาบาล อีกทั้งมีเงินเลี้ยงชีพยามที่ทำงานไม่ได้ สิ่งเหล่านี้คือแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ชาวชุมชนโมถ่ายลุกขึ้นมาสนใจสวัสดิการชุมชนของภาคประชาชน โดยยึดเอากองทุนสวัสดิการผู้สูงอายุที่มีอยู่ขยายไปสู่สวัสดิการด้านอื่น ๆ ทั้งการศึกษาของเด็กผู้ด้อยโอกาส สวัสดิการเด็กแรกเกิด สวัสดิการสำหรับผู้ป่วยและเสียชีวิต เป็นต้น ซึ่งสามารถพิจารณาดูรายละเอียดรูปแบบของกองทุนสวัสดิการชุมชนโมถ่ายได้ตามแผนภูมิ ดังนี้
หากพิจารณาแผนภูมิ กองทุนสวัสดิการโมถ่าย พบว่า ทางชุมชนสามารถขยายกองทุนสวัสดิการชุมชนได้ครอบคลุมทั่วทั้งตำบล โดยใช้กลุ่มองค์กรชุมชนขับเคลื่อนกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชนโดยการนำเอาผลกำไรมาร่วมสมทบกองทุนซึ่งเกิดจากผลประกอบการของกลุ่มปีละ 15,000 บาท อีกทั้งกองทุนผู้สูงอายุเดิมก็มีเงินอยู่ก้อนแรกจำนวน 15,000 บาท จากสมาชิกร่วมสมทบอีก 21,600 บาท นอกจากนั้น กระบวนการขับเคลื่อนกองทุนยังมีงบประมาณสนับสนุนจากอนามัยตำบล เป็นเงินจำนวน 5,400 บาท ในส่วนขององค์การบริหารส่วนตำบลได้กำหนดไว้ในแผนงบประมาณโดยได้ให้การสนับสนุนอีกปีละ 20,000 บาท และมีงบประมาณจากการแก้ไขปัญหาความยากจนภาคประชาชนของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ร่วมสมทบกองทุนอีกจำนวน 5,000 บาท
ในปี พ.ศ. 2549 เป็นการยืนยันรูปธรรมการจัดสวัสดิการชุมชนภาคประชาชนโมถ่าย ได้อย่างชัดเจน ซึ่งพบว่า ทางกองทุนได้ให้การช่วยเหลือศพผู้เสียชีวิต จำนวน 11 ศพ เป็นเงิน 66,000 บาท ช่วยเหลือเด็กเรียนดีแต่ยากจน 2 ทุน เป็นเงิน 2,000 บาท ในปีดังกล่าวยังให้การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสอีก 6 ราย และผู้เจ็บป่วยอีกจำนวน 7 ราย อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาภาพรวมของการจัดสวัสดิการชุมชนของบ้านโมถ่าย ตั้งแต่ปี 2542-2549 พบว่า กองทุนสวัสดิการชุมชนโมถ่ายสามารถจัดสวัสดิการให้กับภาคประชาชนได้หลากหลายประเภท โดยแสดงตามตาราง ดังนี้
ประเภทสวัสดิการชุมชน |
จำนวนสมาชิกที่ได้รับความช่วยเหลือ (ราย) |
จำนวนเงิน (บาท) |
สวัสดิการเด็กแรกเกิด สวัสดิการกรณีเสียชีวิต สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล สวัสดิการผู้สูงอายุ สวัสดิการคนพิการ ของขวัญประจำปี |
5 37 50 1 10 80 |
2,500 222,000 9,000 3,000 54,000 40,000 |
* อุดมศักดิ์ เดโชชัย อาจารย์หลักสูตรการพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
ไม่มีความเห็น