ผลของข้อตกลงกับWTOต่อไทย
การที่ไทยมีข้อผูกพันกับองค์การการค้าโลก (WTO) ในเรื่องต่างๆนั้น ส่งผลให้เกิดผลดีมากกว่าผลเสียต่อประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจให้แก่นักลงทุนและนักธุรกิจในด้านที่กลไกของรัฐไม่สามารถจะปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆได้ตามอำเภอใจ นอกจากนี้ยังมีในส่วนที่เกี่ยวกับนโยบายของรัฐ กฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่างๆ ผลจากข้อตกลงจะทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นตามอำเภอใจและจะส่งผลต่อการดำเนินในภาครัฐที่ต่อเนื่อง แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยๆแต่รัฐบาลชุดต่างๆก็ยังต้องใช้นโยบายเดิม ทำให้นักธุรกิจสามารถวางแผนได้ล่วงหน้าอย่างมีหลักเกณฑ์ขึ้น นอกจากนี้ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการที่จะใช้สินค้าและบริการที่มีคุณภาพและค่าใช้จ่ายที่ต่ำลงแม้ว่าจะเป็นสินค้าและบริการจากต่างชาติก็ตาม ตัวอย่างที่จะเห็นได้ถึงสินค้าและบริการที่คุณภาพดีขึ้นในราคาที่ต่ำลง ได้แก่บริการด้านการจัดจำหน่าย การสื่อสารและการขนส่งเป็นต้น นอกจากนั้นผลของการเปิดการค้าเสรีทำให้ไทยส่งสินค้าเกษตรไปจำหน่ายต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น ส่วนผลเสียจนถึงปัจจุบันยังมีต่อไทยไม่มาก เช่น ภาษีสินค้าเกษตรและสิ่งทอซึ่งไทยจะต้องลดลงก็มีผลกระทบต่อไทยบ้างไม่มากนัก เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีจุดแข็งทางสินค้าเกษตรและสิ่งทอ สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ เพราะทำให้ไทยต้องมีรายจ่ายในส่วนที่เป็นค่าลิขสิทธิ์ แต่ก็เป็นผลดีต่อธุรกิจไทยเองที่จะได้รับการคุ้มครองมิให้ผู้อื่นภายในประเทศลอกเลียนแบบ
เมื่อประเทศไทยมีการเปิดเสรีแล้วการค้าระหว่างประเทศคู่แข่งที่สำคัญเช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและกลุ่มสหภาพยุโรปก็ดีขึ้น กล่าวคือประเทศไทยสามารถส่งสินค้าไปจำหน่ายยังประเทศเหล่านั้นเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีประเทศไทยจะต้องมีการปรับกลยุทธ์อย่างทันท่วงที และต้องมีการพัฒนาแนวคิดสู่ธุรกิจไทยอย่างรวดเร็ว เนื่องจากแม้ไทยจะส่งสินค้าออกไปจำหน่ายได้เพิ่มขึ้นแต่สินค้าหลายรายการเป็นสินค้าต่างประเทศที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องระวังว่าการเปิดเสรีทำให้ไทยสามารถส่งสินค้าเกษตรไม่แปรรูปไปจำหน่ายในต่างประเทศได้มากขึ้น แล้วละเลยการคิดค้นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสินค้าเกษตรใหม่ๆขึ้นมา ตัวอย่างเช่นผลผลิตทางการเกษตร สมมุติว่าไทยส่งผลผลิตทางการเกษตรที่ไม่แปรรูปอย่างเช่นเมล็ดข้าวโพดดิบไปยังจำหน่ายยังต่างประเทศ แม้ข้อตกลงกับองค์การการค้าโลก(WTO)จะทำให้ประเทศไทยสามารถส่งผลผลิตนั้นไปจำหน่ายยังต่างประเทศได้เพิ่ม2-3เท่า แต่ถ้านำผลผลิตนั้นไปแปรรูปเป็นของขบเคี้ยวหรือผลิตภัณฑ์ที่เอาไว้รับประทาน มูลค่าที่ได้จะแตกต่างถึงมากกว่า100เท่า
อย่างไรก็ดีแม้ว่าองค์การการค้าโลกจะช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาได้เปรียบในบางเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นในแง่ข้อตกลงที่เอื้อประโยชน์ สิทธิเท่าเทียมในการออกเสียงตามหลักฉันทามติ แต่ก็อาจเกิดมาตรการกีดกันทางการค้าในรูปแบบใหม่ๆ การกำหนดมาตรฐานสินค้าและบริการระหว่างประเทศในระดับที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะมาจากข้ออ้างในเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภคและในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจัยเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ประเทศพัฒนาสามารถปฏิบัติได้ แต่ประเทศกำลังพัฒนายังไม่สามารถปฏิบัติได้ ถ้าจะปฏิบัติก็ต้องใช้ต้นทุนที่สูงกว่า นอกจากนี้ความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนายังส่งผลถึงมาตรฐานแรงงานที่แตกต่างกัน อันจะนำมาซึ่งข้ออ้างในการกีดกันทางการค้า
ในด้านการลงทุนทางการค้าประเทศไทยได้เปรียบมากกว่าประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียน เพราะประเทศไทยมีจุดแข็งที่เป็นแหล่งการเกษตรขนาดใหญ่ แปรรูปนวัตกรรมใหม่ๆ ส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศต่างๆทั่งโลก ทำให้นักลงทุนมั่นใจและมองว่าเป็นขุมทรัพย์ที่มองข้ามประเทศไทยไปไม่ได้ ซึ่งด้านแรงงานประเทศไทยมีทักษะที่ดีกว่ากลุ่มสมาชิกอาเซียน ทำให้ไทยได้เปรียบหลายด้าน