เล่าเรือง..เมืองไดโน!
สวัสดีค่ะชาวgotoknow...ไม่ได้แวะเวียนมาหลายวัน เนื่องด้วยภารกิจที่หนักอึ้ง วันนี้เลยแวะมาอ่านเรื่องราว/สาระในแวดวงgotoknowเสียหน่อย เลยอดจะหยิบอะไรมาฝากไม่ได้ เพื่อเป็นการผ่อนคลายและยังได้เรียนรู้ไปด้วย ในฐานะคนกาฬสินธุ์ อยากแนะนำแหล่งท่องเที่ยวและยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญของจังหวัดกาฬสินธุ์อีกด้วย หลายท่านอาจจะเคยแวะมาและหลายท่านคงเคยได้ยินชื่อ พิพิธภัณฑ์สิรินธร พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่มีความสมบูรณ์แบบและนับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยทีเดียว
พิพิธภัณฑ์สิรินธร ตั้งอยู่ในเขตอำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 38 กิโลเมตรไปทางทิศเหนือ เป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราวของไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์แบบและยิ่งใหญ่ในระดับโลก มีการจำลองรายละเอียดต่างๆของไดโนเสาร์ที่พบในประเทศไทยทั้ง 8 ชนิด ซึ่งขุดพบซากตั้งแต่ปี.ศ. 2537 และได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ แหล่งเรียนรู้ทางธรณีวิทยาและศูนย์วิจัยเกี่ยวกับไดโนเสาร์ โดยเฉพาะทางด้านการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับฟอสซิลไดโนเสาร์และซากดึกดำบรรพ์ที่ขุดพบในละแวกนั้น
พิพิธภัณฑ์สิรินธร ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี โดยตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันได้มีการขุดค้นพบกระดูดไดโนเสาร์ขนาดต่างๆเป็นกระดูกไดโนเสาร์ชนิดกินพืชมากกว่า 7 ตัว จำนวนกระดกมากกว่าง 700 ชิ้น ที่สำคัญคือ ได้พบชิ้นส่วนของหัวกะโหลก ฟันและกราม และโครงกระดูกที่เรียงรายต่อกันเกือบจะสมบูรณ์ทั้งตัวอยู่ด้วย รวมทั้งไดโนเสาร์ที่เป็นสกุลและชนิดใหม่ของโลก และซากไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ “ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่” ในสภาพเกือบสมบูรณ์ ขาดไปเพียงส่วนหัวเท่านั้น ถูกอนุรักษ์ไว้ ณ จุดค้นพบ คือหลุมขุดค้นบนไหล่เขาด้านหลังพิพิธภัณฑ์
การจัดแสดงภายในตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1 เป็นความรู้เกี่ยวกับการกำเนิดของโลก จักรวาลและโลก ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก
ส่วนที่ 2 เป็นความรู้ด้านธรณีวิทยา มรดกธรณีกาล มาตราธรณีกาล ยุคต่างๆของสิ่งมีชีวิต วิวัฒนาการของสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม การกำเนิดของมนุษย์และเรื่องราวทั่วไปเกี่ยวกับไดโนเสาร์
ส่วนที่ 3 เป็นการจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน ซึ่งจะมีการจัดแสดงประมาณ 2 เรื่องต่อปี โดยในช่วงที่ดิฉันได้นำเด็กนักเรียนไปทัศนศึกษานั้น กำลังจัดแสดงนิทรรศการเรื่อง “ซากดึกดำบรรพ์ปลาภูน้ำจั้น” ซึ่งเป็นซากปลาโบราณพันธุ์ใหม่ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ เป็นปลาน้ำจืดมีชื่อว่า “เลปิโดเทส” มีความยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร อยู่ในยุคมีโซโซอิก หรือ 65 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับไดโนเสาร์
การจัดแสดงภายนอกตัวอาคาร จะมีการจัดสวนรูปปั้นไดโนเสาร์ให้ได้ชม โดยเฉพาะกับเด็กที่ชื่นชอบไดโนเสาร์ เช่น สยามโมซอรัส สุธีธรนี่(Siamosaurus suteethornni) ซึ่งเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ชนิดแรกที่พบในประเทศไทย
ส่วนด้านหลังพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นแหล่งค้นพบครั้งแรก เป็นวัดเก่าแก่คือวัดสักกะวัน ให้ผู้ที่แวะเวียนมาได้ไหว้พระทำบุญด้วย นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกมากมาย ตลอดจนร้านอาหารพื้นเมืองให้ได้รับประทานเมื่อเดินชมพิพิธภัณฑ์จนเหน็ดเหนื่อยแล้วด้วย
จะเห็นได้ว่าการเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ นอกจากจะได้รับความรู้ที่เจาะลึกเฉพาะไดโนเสาร์แล้ว ยังทำให้เราได้มองเห็นภาพรวมทางธรณีวิทยาการเปลี่ยนแปลงของโลก วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตต่างๆในโลก รวมไปถึงการกำเนิดของเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกด้วย
และนอกจากเนื้อหาความรู้สำหรับผู้ใหญ่และเด็กในวัยประถมและมัธยมแล้ว ความตื่นตาตื่นใจในเทคโนโลยีสมัยใหม่และเทคนิคแสงสีเสียงก็เป็นสิ่งประทับใจและน่าสนใจของเด็กเล็กที่ผู้ปกครองพาไปชมพิพิธภัณฑ์ได้เหมือนกัน หาได้ยากทีเดียวในประเทศไทย มีโอกาสผ่านมาทางอีสาน อย่าลืมลองแวะเข้ามาชมนะคะ....
ไม่มีความเห็น