วันที่ ๙ ที่ผ่านมา ผู้เขียนไปงานศพญาติที่กรุงเทพ โดยจองตั๋วไปกลับในวันรุ่งขึ้น ซึ่งตอนกลับเครื่องจะออกตอน 06.30 น. ของวันที่ ๑๐ แต่ปรากฎว่ามาถึงสนามบินหกโมงกว่าแล้วจึงเช็คอินไม่ทัน เค้าก็เมตตาเปลี่ยนเครื่องให้มาตอน 12.10 น. โดยเสียค่าธรรมเนียมตามปกติ...
เมื่อไม่ทันเครื่อง ญาติที่มาส่งก็พาไปฉันเช้าแล้วก็ลากลับไป เหลือแต่ผู้เขียนร่อนเร่อยู่สุวรรณภูมิตามลำพัง... ตอนแรกก็ไปนั่งม้วนใบจากยาเส้นสูบที่ด้านนอกสำหรับผู้สูบบุหรี่ ก็นั่งคุยกับพนักงานที่ทำหน้าที่รับส่งพวกนักท่องเที่ยว เค้าก็เล่าถึงเศรษฐกิจแย่ นักท่องเที่ยวเกือบจะไม่มีเลยเพราะภาวะฉุกเฉินยังไม่ยกเลิก พวกบริษัททัวร์ไม่เข้ามาเพราะประกันไม่จ่าย... อะไรทำนองนี้
นั่งคุยกันจนเก้าโมงกว่าๆ ก็แยกย้ายกันไป ผู้เขียนก็เดินขึ้นๆลงๆ ชั้นโน้นชั้นนี้ เข้าร้านหนังสือ หยิบดูหนังสือที่จะอ่านสักเล่มก็หาเล่มโปรดไม่เจอเลย เข้าๆ ออกๆ อยู่ ๒-๓ ร้าน เกือบจะตัดสินใจซื้องานเขียนของพลาโต้เกี่ยวกับโซคราตีสของส.ศิวลักษณ์ แต่เปิดดูภายในก็รู้ว่าอ่านแล้ว จึงวางลง... เกิดความดำริว่า สนามบินน่าจะมีห้องสมุดไว้เป็นที่พักสำหรับผู้รอคอย...
เดินขึ้นชั้นสาม ก็ไปเจอป้ายบอกว่าห้องพักรับรองพระภิกษุ-สามเณรจึงสอบถามด้านนอกแล้วแวะเข้าไป เป็นห้องเล็กๆ ประมาณ3*5 เมตร ภายในปูพรมและมีเก้าอี้รับแขกอยู่ชุดหนึ่ง พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่หนึ่งนาย เค้าเห็นก็นิมนต์นั่ง แล้วก็คุยกัน...
ฟังว่า สถานที่นี้เพิ่งเปิดไม่นาน โดยทางสนามบินเอื้อเฟื้อสถานที่ และสำนักพุทธฯ จังหวัดสมุทรปราการเป็นผู้รับผิดชอบ... ก็สอบถามประวัติซึ่งกันและกัน พอรู้ว่าเจ้าหน้าที่นายนี้เคยเรียนศาสนาเปรียบเทียบที่มหิดล ส่วนผู้เขียนก็เคยเรียนจริยศาสตร์ศึกษาที่นั้น จึงกลายเป็นพวกเดียวกัน เพราะสองสาขานี้คณาจารย์ที่สอนเป็นกลุ่มเดียวกันและเรียนรวมกันในบางวิชา เรื่องราวที่คุยจึงเป็นเรื่องเก่าๆ เช่นอาจารย์โน้นอย่างนั้น วิชานี่อย่างนี้ เป็นต้น
เค้าก็ให้ลงชื่อแล้วมีแบบสอบถามให้กรอกด้วย ผู้เขียนก็บอกว่ากลับมาจะเขียนแนะนำสถานที่ให้ เพราะมีผู้รู้จักสถานที่นี้น้อย...
ข้อแนะนำส่วนตัวก็ได้บอกไปว่า ควรจะมีกาน้ำร้อนตั้งไว้พร้อมเครื่องดื่มสำหรับพระภิกษุ-สามเณร โดยแยกให้เป็นสัดส่วนกัน แล้วเขียนป้ายติดว่า "สำหรับพระภิกษุ รับประเคนแล้ว" โดยให้พระภิกษุที่อยู่ในห้องพักรับประเคนตั้งไว้ อย่างนั้น ส่วนของสามเณรหรือลูกศิษย์ติดตามก็แยกไว้ส่วนหนึ่ง...
ตามความเห็นผู้เขียน ให้ท่านบริการตัวเอง จะได้เป็นส่วนตัวของท่าน เพราะการอุปฐากรับใช้บริการนั้น แม้จะดี แต่ท่านไม่เป็นส่วนตัว พระภิกษุต้องการเป็นส่วนตัวมากกว่าการพะเนาพะนอและคอยตอบคำถามจากบรรดาญาติโยม...
รับปากกับเจ้าหน้าที่ว่าจะมาเขียนประชาสัมพันธ์ให้ ดังนั้น พระภิกษุหรือสามเณรท่่านใดมีธุระต้องรอที่สนามบินสุวรรณภูมิก็ไปใช้สถานที่นี้ได้ หรือญาติโยมมีโอกาสก็ช่วยแนะนำพระคุณเจ้าด้วย...
ก็คุยกันจนได้เวลาเช็คอินตีสิบเอ็ดกว่าๆ ผู้เขียนก็เจริญพรลาเจ้าหน้าที่...
นมัสการพระอาจารย์
ห้องรับรองพระภิกษุ-สามเณร ดูจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ สำหรับกระผม
แต่ชอบใจ idea
สนามบินน่าจะมีห้องสมุดไว้เป็นที่พักสำหรับผู้รอคอย...
ไม่เคยเห็นที่ไหนเหมือนกัน
สิบกว่าปีมานี้ อาตมาไม่ค่อยได้ไปกรุงเทพฯ ๑-๓ ปีจะไปสักครั้ง และเมื่อไหร่ที่ไป ถ้าไม่ไปรถส่วนตัวเป็นคณะ ก็มักจะไปเครื่อง เมื่อก่อนก็มักจะเร่ร่อนอยู่ดอนเมือง นี้เป็นครั้งแรกที่มาเร่ร่อนอยู่สุวรรณภูมิ...
ไฉนหนอ ! "ความเห็นว่าน่าจะมีห้องสมุดสำหรับผู้รอคอย" จะได้ขึ้นบอร์ดผู้บริหาร...
เจริญพร