โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

หลักธรรมคำคมข้อคิดชีวิตรักจากแดจังกึม 15


ดั่งที่ผู้ปรุงอาหารมีคุณธรรมและความมุ่งมั่น ผู้ทานอาหารย่อมต้องมีคุณธรรมเช่นกัน ผู้ปรุงอาหารเหล่านี้ยังคิดสุขภาพแทนเรา แล้วเราจักหาของที่ทำร้ายตนเองได้อย่างไร

หลักธรรมคำคมข้อคิดชีวิตรักจากแดจังกึม 15

โสภณ เปียสนิท

........................................

“ที่ว่าไม่ว่ากรณีใด มิให้ปรุงอาหารที่ทำร้ายผู้ทานอย่างเด็ดขาด นี่เป็นคุณธรรมของผู้ปรุงอาหารค่ะ” (แดจังกึม/หน้า253/เล่ม2)

                ตลอดทั้งเรื่องของแดจังกึมมีเนื้อความมุ่งเน้นถึง “คุณธรรมสำหรับพ่อครัวแม่ครัว” เช่นข้อความข้างต้นนี้จำนวนมาก ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม แกนแก่นของเรื่องจึงผูกโยงด้วยคุณธรรมนี้ สถานศึกษาของไทยในปัจจุบันนี้อาจนำคำสอนเช่นนี้เข้าไปร่วมในหลักสูตรและเน้นให้มีความโดดเด่นเป็นพิเศษก็ถือว่าดี

“ดั่งที่ผู้ปรุงอาหารมีคุณธรรมและความมุ่งมั่น ผู้ทานอาหารย่อมต้องมีคุณธรรมเช่นกัน ผู้ปรุงอาหารเหล่านี้ยังคิดสุขภาพแทนเรา แล้วเราจักหาของที่ทำร้ายตนเองได้อย่างไร” (แดจังกึม/หน้า253/เล่ม2)

                นับเป็นตัวอย่างที่ดีว่า ผู้ปรุงมีคุณธรรมย่อมเป็นเสมือนหัวเชื้อให้ผู้รับประทานเกิดความคิดด้านคุณธรรมขึ้นมาด้วยเช่นกัน ท่านทูตจากเมืองจีนภายหลังได้ตระหนักถึงความสำคัญของอาหาร และมีความซาบซึ้งในหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยคุณธรรมของผู้ปรุงแล้วกล่าวคำชื่นชมด้วยความสำนึกจากใจ หลักคุณธรรมเอาชนะอธรรมคือความเห็นแก่กินของท่านฑูตจนได้

“แต่เมื่อคิดถึงความถูกต้องของซังกุงฮัน และการได้เป็นศิษย์ของนาง จังกึมที่ภูมิใจอดไม่ได้ให้น้ำตาไหลพรากลง” (แดจังกึม/หน้า254/เล่ม2)

                น้ำตาที่ไหลนองบนใบหน้าของจังกึม เป็นน้ำตาแห่งความซาบซึ้งความดีงามของอาจารย์ เป็นน้ำตาแห่งความสุข ที่หาได้ยากยิ่งในสังคมปัจจุบัน ควรที่ผู้มีส่วนรับผิดชอบในสังคมจะช่วยกันส่งเสริมคิดหาแนวทางให้น้ำตาชนิดนี้ให้เกิดขึ้นบ่อย ๆ บนใบหน้าของทุกคน

“พลันรู้สึกวูบหนาวขึ้นบริเวณแก้ม เป็นหิมะ ที่แท้เป็นหิมะเมล็ดแรกของปี หิมะร่วงโปรยลงราวกับกำลังพิสูจน์ว่าวังหลวงเดียวดายแห่งนี้ยังคงมีความอบอุ่นหลงเหลือเพียงพอละลายหิมะได้ (แดจังกึม/หน้า26/เล่ม3)

                อ่านเนื้อหานี้แล้วจิตนาการตาม จิตใจจมดิ่งสู่ความคิดคำนึงอันลุ่มลึก ตามติดความรู้สึกของตัวละคร ความหนาวเย็นจากเกล็ดหิมะสีขาวบริสุทธิ์บนแก้มสีแดงของสาวเกาหลี หิมะเกล็ดแรกของปีในเมืองหนาวที่มีหิมะจะเป็นเช่นไร  คำว่าวังหลวงเดียวดาย รู้สึกกินใจได้ลึกเร้นก่อเกิดจินตภาพได้กว้างไกล ความอบอุ่นในวังหลวงละลายหิมะได้หรือ

“ดังคำโบราณว่า แม้หอยทากก็สามารถข้ามขุนเขา” (แดจังกึม/หน้า31/เล่ม3)

                คำคมที่น่าจดจำไว้เป็นแง่คิด ถึงความพยายามเอาชนะได้ทุกสิ่ง สอดคล้องตามภาษิตไทยว่า ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น พุทธภาษิตก็ว่า “เกิดเป็นคนต้องพยายามร่ำไป” (วายะ เม เถวะ ปุริโส) น่าที่เยาวชนไทยควรรู้และเอาอย่าง เพราะมีข้อมูลหลายแห่งหมิ่นเยาวชนไทยว่า “ไม่ใฝ่รู้ ไม่สู้สิ่งยาก” หากเป็นดังนี้ ประเทศไทยจะพัฒนาได้ช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน

“หลังกลับมายังที่พัก ได้แต่เฝ้ารอข่าว ดังโบราณว่า หนึ่งชั่วข้าวเดือดยังนานเกินสามฤดูหนาว” (แดจังกึม/หน้า39/เล่ม3)

                คำนักปราชญ์ว่า “เวลาแห่งสุขแสนสั้น เวลาแห่งทุกข์แสนยาว” คำจากแดจังกึม แม้มีความหมายคล้ายกัน แต่คำที่ยกมาเปรียบเทียบกับต่างกัน “หนึ่งชั่วข้าวเดือด” เป็นมาตรวัดเวลาของเกาหลี มีข้อสังเกตคือ ชีวิตของเกาหลีผูกพันกับการก่อไฟหุงข้าวเหมือนไทย อ่านแล้วเห็นภาพพจน์ชัดเจน

“ความหนาวยามค่ำคืนมาเยือน แต่ความร้อนเดือดในจิตใจกลับทวีมากขึ้น เวลานี้มิมีร่องรอยหรือข่าวคราวจากขันทีหลวงแม้แต่น้อย” (แดจังกึม/หน้า39/เล่ม3)

                การเปรียบเทียบความหนาวเย็นของบรรยากาศภายนอก กับความเร่าร้อนภายในจิตเพื่อให้คนอ่านเห็นภาพ ความร้อนภายในจิตใจของคนไม่อาจแก้ได้ด้วยความหนาวจากภายนอก มีแง่คิดตรงนี้ว่า ควรที่จะพยายามรักษาใจของตนให้สงบเย็น เวลารุ่มร้อนใจจะได้ไม่ร้อนจนเกิน

“ผ้ารัดผมสีแดงที่เคยดูเหมือนดอกทงแพกสดใส กลับกลายเป็นโลหิตสายยาว ที่สุดจึงหลุดออกนอกสายตาไป” (แดจังกึม/หน้า48/เล่ม3)

                จิตใจมีอิทธิพลต่อความรู้สึก ยามสุขสันติ์เห็นสีแดงของดอกไม้ว่างดงาม ยามทุกข์เศร้าหมองมองสิ่งอันงดงามว่าเป็นเหมือนสีแดงของเลือด ดังนั้นความสุขที่แท้จึงมาจากจิตใจ แต่จะมีใครสักกี่คนที่เข้าใจและพยายามหาความสุขจากจิตใจของตน ส่วนมากจึงพยายามแสวงหาความสุขจากภายนอก ซึ่งไม่ใช่ความสุขแท้

“เพราะรังเกียจไหหมักที่ทำให้หวนคิดถึงซังกุงฮัน จังกึมเร่งฝีเท้าเดินออกไป” (แดจังกึม/หน้า55/เล่ม3)

                ไห อยู่ที่ไหน เห็นเวลาไหนก็เป็นไห โดยปกติเห็นไห จะรู้สึกถึงความสมบูรณ์เพราะไหใช้หมักอาหาร แต่ความรักความหลังที่เคยมีความสุขในช่วงเวลาหนึ่งกับบุคคลคนหนึ่งหรือหลายคน ซึ่งบัดนี้วันเวลาเหล่านั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ความโหยหาความหลังจึงก่อเกิดความทุกข์ในจิตใจ ไหไม่เป็นสาเหตุแห่งทุกข์ จิตใจที่โหยหาต่างหากที่ก่อทุกข์ขึ้นเป็นกองโต

“สายลมพัดแรงชวนให้ขนลุก บาดแผลในใจยังเปิดอ้าอยู่ดังเดิม แต่สายลมกลับพัดราดรดลงบนแผล เสียงผู้คนในอดีตยังดังแว่วข้างหูมิรู้คลาย”  (แดจังกึม/หน้า55/เล่ม3)

                สายลมแรงหนาวเย็นทรมานกาย จิตใจที่ครุ่นคิดถึงความหลัง เหมือนมีดที่กรีดเฉือนตนเองให้เจ็บปวด สิ่งใดกันแน่ที่ทำให้ทุกข์ เป็นสายลมหนาวรุนแรง เป็นจิตใจ หรือว่าเป็นความหลัง ที่เป็นสาเหตุแห่งทุกข์ และไฉนสิ่งที่เป็นความสุขในอดีต กลับกลายเป็นทุกข์ในปัจจุบัน

“ครานี้กลับคิดถึงมีดขึ้นอีก เป็นมีดที่อาบด้วยความหวังของสหายรักของซังกุงฮัน เสียดายที่มิได้นำมีดของมารดาเล่มนั้นมาด้วย” (แดจังกึม/หน้า59/เล่ม3)

                อ่านเนื้อความนี้ทำให้คิดถึงนิยายเรื่อง “ข้างหลังภาพ” ภาพเดียวมีเรื่องราวอยู่เบื้องหลังมากมาย มากจนเป็นหนังสือหนึ่งเล่ม ใครจะนึกว่า มีดทำครัวเพียงเล่มเดียว ทำให้จังกึมหวนคิดถึง เรื่องราวของแม่ที่อยู่กับตนในวัยเด็ก และภาพของแม่ที่ปะติดปะต่อจากคำบอกเล่าของเพื่อนแม่ ซึ่งก็คือ ซังกุงฮัน มีดทำให้คิดถึงซังกุงฮันเรื่องราวของตนและซังกุงฮัน เพื่อนพ้องอีกหลายคน เห็นมีดแม้ทำให้เกิดทุกข์แต่ก็ยังอยากเห็นอยากมีมีดอยู่

“ขณะจ้องมองยังจังกึม ซูอึย-นยอ กล่าวขึ้น เวลานี้ จังกึมก็มิได้หลบเลี่ยงหากแต่จ้องประสานสายตาตรง ๆ ตรงหน้าเป็นสตรีที่ดูหยิ่งยโส แต่กลับมิได้น่ารังเกียจแต่อย่างใด ดังคำโบราณ ผู้กล้าย่อมมองเห็นผู้กล้าได้” (แดจังกึม/หน้า57/เล่ม3)

                แม้จะเป็นคนที่ดูเหมือนว่าหยิ่งยโส แต่หากว่าเป็นคนที่มีคุณธรรมอยู่ในจิต คบหากันนานเข้าก็ย่อมรู้ซึ้งและเข้าใจ และกลับกลายเป็นการคบหาที่จริงใจค่อยช่วยเหลือกันตลอดชีวิต “ผู้กล้าย่อมมองเห็นผู้กล้าได้” ผู้มีคุณธรรมดีงามย่อมมองเห็นผู้มีคุณธรรมอันงามได้ คนดีก็จะคบหากับคนดี คนไม่ดีมักมองเห็นและคบหากับคนไม่ดีเช่นกัน

“สตรีนางหนึ่งนั้น แม้ได้เคี้ยวป้อนรากไม้ให้ แต่อีกนางหนึ่ง กลับไม่อาจทำสิ่งใดให้ได้ สตรีนางหนึ่ง แม้ได้ก่อหินฝังร่างไร้วิญญาณให้ แต่อีกนางหนึ่ง ทำได้เพียงส่งสายตามองศพถูกหามออกไปเท่านั้น”  (แดจังกึม/หน้า59/เล่ม3)

                จังกึมเหมือนมีแม่สองคน แม่จริงเลี้ยงดูมาแต่เด็กจนถึงอายุราวแปดขวบ ก่อนตายจากไป อีกคนคือซังกุงฮัน เพื่อนของแม่ ที่ทำหน้าที่เหมือนแม่คนที่สอง และแถมฐานะของความเป็นอาจารย์อีกตำแหน่ง แต่สุดท้ายแม่ถูกทำร้ายจนตายจากไปก่อนเวลาอันควร แม่คนแรกได้มีโอกาสแทนคุณได้บ้างแม่คนที่สองในเบื้องแรก มิได้ทำสิ่งใดเพื่อการแทนคุณ พระสอนว่า "ความกตัญญูเป็นนิมิตหมายของคนดี" จังกึมเป็นคนดี เมืองมิได้แทนคุณจึงรู้สึกผิดหวังและเสียใจ

หมายเลขบันทึก: 372885เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2010 22:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 08:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • ชอบข้อความนี้ครับ

ผ้ารัดผมสีแดงที่เคยดูเหมือนดอกทงแพกสดใส กลับกลายเป็นโลหิตสายยาว ที่สุดจึงหลุดออกนอกสายตาไป” (แดจังกึม/หน้า48/เล่ม3) 

                จิตใจมีอิทธิพลต่อความรู้สึก ยามสุขสันติ์เห็นสีแดงของดอกไม้ว่างดงาม ยามทุกข์เศร้าหมองมองสิ่งอันงดงามว่าเป็นเหมือนสีแดงของเลือด ดังนั้นความสุขที่แท้จึงมาจากจิตใจ แต่จะมีใครสักกี่คนที่เข้าใจและพยายามหาความสุขจากจิตใจของตน ส่วนมากจึงพยายามแสวงหาความสุขจากภายนอก ซึ่งไม่ใช่ความสุขแท้

 

สวรรค์อยู่ในอก  นรกอยู่ในใจ

ผู้มีคุณธรรมดีงามย่อมมองเห็นผู้มีคุณธรรมอันงามได้ คนดีก็จะคบหากับคนดี คนไม่ดีมักมองเห็นและคบหากับคนไม่ดี

คนที่เขาไม่เคยทำดี  เขาจะไม่เชื่อและไม่เห็นคุณค่าว่าเขาทำดีกันเพื่ออะไร  บางคนเห็นคนทำดีก็เกิดงง  และวิพากษ์ในทางลบ  แทนที่จะชื่นชมดูแล

ชอบทุกบท ทุกตอนที่อาจารย์นำเสนอค่ะ  ขอขอบคุณค่ะ

เรียนครูคิมครับ

ขอบคุณที่ชอบครับ ผมแค่นำหลักธรรม เท่าที่สติปัญญาจำได้เอามานำเสนอ ครูคิมชอบแสดงว่า มีหลักธรรมในใจอยู่มาก ขอให้ศึกษาหลักธรรมของพระให้ดี นี่คือชีวิตของเราครับ ด้วยความปรารถนาดีด้วยใจจริง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท