เช้าตรู่ของวันที่๒ กรกฏาคม ที่ผ่านมานี้ แม่ต้อยตื่นประมาณตีห้ากว่าๆ เพื่อเตรียมตัวไปบรรยายให้กับรพ.ตำรวจเกี่ยวกับงานพัฒนาคุณภาพที่ผสมผสานมิติจิตใจ หรือที่รู้จักกันว่าโครงการ SHA นั่นเอง
เนื่องจากตอนนี้ แถบบ้านพักของแม่ต้อยนั้นมีความโชคดีอยู่ประการหนึ่งคือที่หลายๆคนอาจจะแอบอิจฉา เพราะว่าได้รับการพัฒนาให้เป็นคนเมือง หรือเข้าสู่ความเจริญ เพราะว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงกำลังจะมา ฮ่าๆๆ
ดังนั้นไม่ว่ารถจะติดเป็นตังเมสักแค่ไหน เราก็ไม่หวั่นไหว ไม่ปริปากบ่นแต่ประการใด เพราะคิดเสียว่า อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ฮ่าๆๆ
เวลาจะไปที่ไหนแม่ต้อยต้องคำนวณระยะทางแล้วจะ เพิ่มให้อีก ๑ ชั่วโมงสำหรับความคลาดเคลื่อนเสมอ เอาให้มั่นใจไปเลยว่าเราต้องไปถึงก่อนเวลาอย่างแน่นอน
แต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นมา ในวันนั้นฝนตกพรำๆ ทั้งคืนอย่างต่อเนื่อง ลามมาจนถึงตอนเช้าไม่มีหยุด สิ่งที่เกิดขึ้นคือรถติดเป็นกระบวนไม่สามารถขยับไปได้มาก แม่ต้อยใช้เวลาจากบ้านที่นนทบุรีไปรพ.ตำรวจใช้เวลาทั้งสิ้น ๔ ชั่วโมง เท่าๆกับขับรถจากกรุงเทพฯ ไปนครสวรรค์ เลยทีเดียว
ทีมงานของน้องๆที่รพ.ตำรวจน่ารักมาก ได้จัดโปรแกรมใหม่ขึ้นมาอย่างมืออาชีพ ทำให้แม่ต้อยรู้สึกสบายใจมากๆ ที่ไม่ต้องให้มีการรออย่างยาวนาน
แม่ต้อยได้เปิด วิทีอาร์ ของรพ.ที่เข้าร่วมในโครงการ SHA ให้น้องๆได้ชม หลังจากนั้นก็เล่าเรื่อง และบรรยายตามที่ได้เตรียมมา
เมื่อจบการบรรยาย( ที่จริง ยังไม่จบคะ แต่เวลาหมดเสียก่อน อิอิ) ก็ถึงเวลาสำคัญคือการรับประทานอาหารกลางวัน แม่ต้อยเห็นน้องคนหนึ่ง เข้ามานั่งติดใกล้ๆ บอกว่ามาจากเชียงใหม่ เรากินข้าวกันไปคุยกันไปตามเรื่องตามราว
สังเกตุเห็นน้องคนนั้นมีท่าทางครุ่นคิด สักพักเธอก็บอกแม่ต้อยว่า
“ อาจารย์คะ หนังเมื่อกี้นี้( วีทีอาร์) แทงใจหนูมากเลยคะ”
“ หนู..คิดถึงคนไข้คนหนึ่ง..คะ..
และอย่างไม่ทันรู้ตัว เธอร้องไห้ น้ำตาไหลออกมากลางวงอาหารนั่นเอง แม่ต้อยก็ตกใจ ร้อง อ้าว.. เป็นอะไรไปคะ?
“ คือหนูดูหนังที่อาจารย์ เอามาให้ดูแล้ว ทำให้หนูคิดถึงคนไข้คนหนึ่ง.. ที่หนูเคยปฏิเสธเขาออกไป ไม่ยอมดูแล..นี่หนูจะกลับไปโทรศัพย์หาเขาคะ.. ป่านนี้ไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร?
เมื่อเห็นแม่ต้อย นั่งฟัง น้องจึงเล่าต่อ..
“ ตอนนั้น หนูเพียงรู้สึกว่างานหนูมาก มากกว่าคนอื่นๆ หนูจึงปัดการดูแลคนไข้คนนี้คะ.. เขาเป็นผู้ป่วยTB ต้องการ การรักษาอย่างต่อเนื่อง .. แต่หนูก็ไม่สนใจเขา เพราะเกี่ยงงานกับเพื่อน ทำให้เขาLoss การรักษา..”
ถึงตอนนี้เธอยิ่งร้องไห้หนักมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ..จนในที่สุด เธอได้คำตอบ... ด้วยตัวเธอเอง
“ อาจารย์คะ หนูจะรีบกลับไปหาคนไข้คนนี้คะ คงยังไม่สายจนเกินไปนะคะ..”
ไม่มีวันสายอย่างแน่นอน.. แม่ต้อยตอบน้องไป..
อย่างน้อยก็ได้ทบทวน และตรึกตรองผ่านเรื่องราวที่ดีดี และสะท้อนมาที่การปฏิบัติของตัวเอง
เกิดความคิดใหม่ขึ้นมาว่า เราเป็นใคร เราทำหน้าที่อะไร เราทำดีแล้วหรือยัง
เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว.. จะเรียกว่าสายเกินไปได้อย่างไร?
ใช่ไหมคะ?
วันนี้สวัสดีแค่นี้ก่อนนะคะ
"และตรึกตรองผ่านเรื่องราวที่ดีดี และสะท้อนมาที่การปฏิบัติของตัวเอง"
สวัสดีค่ะ แม่ต้อย
พลังจากเรื่องเล่า...ทำให้เกิดการตรึกตรองทบทวนอย่างลึกซึ้ง
นำสู่การเปลี่ยนแปลงความคิด ความรู้สึก และเป็นการเปลี่ยนจากข้างใน(ใจ)
ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนค่ะ...
ขอบคุณแม่ต้อยที่ได้ขยายงานและเรื่องราวดีๆ จนก่อเกิดสิ่งดีดีในสังคมเรามากมายขึ้นทุกวัน
และ.......... รักษาสุขภาพด้วยการพักผ่อนเยอะๆนะคะ
คิดถึงแม่ต้อยค่ะ
เรื่องซึ้งใจมากครับ
เเวะมาเยี่ยมด้วยความคิดถึงค่ะเเม่ต้อย ตอนนี้กุ้งอยู่ที่สิงคโปร์ค่ะ มาดูงาน Palliative care กลับสิ้นเดือนนี้ อ่านเรื่องเล่าในบันทึกนี้เเล้วประทับใจจังค่ะเเม่ต้อยขา
เอาข้าวหน้าเป็ดที่สิงคโปร์มาฝากเเม่ต้อยค่ะ
เเม่ต้อยจะมาสิงคโปร์วันพรุ่งนี้เหรอคะ มาที่ไหนคะ ถ้ามีเวลาอย่าลืมไปชมโรงเเรม marina bay sands นะคะสุดยอดอลังการค่ะเมื่อวานกุ้งไปมาเเล้ว แฮ่.. ได้เเค่ไปถ่ายรูป สิงคโปร์ทุ่มงบหลายเเสนล้านเพื่อเนรมิตโรงเเรมรีสอร์ทเเห่งนี้ สวยมากค่ะเเม่ต้อย วันศุกร์เเม่ต้อยจะไปชงชาให้ชาวขอนเเก่นชิมกันเหรอคะ เเหม!เสียดายจังไม่มีโอกาสพาเเม่ต้อยไปทานส้มตำ งั้นต้องรีบบอกพี่พี่ตัว ก. ชาวศรีนครินทร์ ดูแลเเม่ต้อยซะเเล้วสิ กุ้งยังอยู่ที่สิงคโปร์ค่ะ กลับวันที่ 31 กรกฎาคม นี้ ฝากส้มตำปลาร้าที่สิงคโปร์ให้ชิมเเทนเเล้วกันนะคะ