วันนี้ (3 กรกฎาคม 2553) ช่วงสาย ๆ เราเดินไปคุยกับช่างว่าผูกคานใกล้เสร็จหรือยังแล้วจะใช้ไม้แบบเมื่อไหร่ ช่างก็บอกกับเราว่า ผูกคานใกล้เสร็จแล้ว พรุ่งนี้ก็เข้าแบบได้ ถ้าอย่างไรให้ไม้แบบมาส่งบ่ายวันนี้เลยก็ได้เพราะถ้าเป็นพรุ่งนี้กว่าจะมาก็สาย
จากนั้นเราก็ไปยืนดูแบบคานล่างอยู่ซักพักหนึ่ง ตอนแรกก็จะยืนบวกความยาวของแบบตรงนั้นเลย แต่คิดไปคิดมา กลับมานั่งคำนวณให้เป็นกิจจะลักษณะดีกว่า ก็เลยกลับเข้ามานั่งบวกลบคูณหารให้ถ้วนถี่ ได้ความยาวรวม 120 เมตร แต่ทว่า...เมื่อโทรไปสั่งไม้แบบเข้าจริง ๆ เขาก็บอกว่าต้องเตรียมกระดาษจดก่อน เราก็งง ๆ ว่า เอ่...จะจดอะไรหว่า คราวที่แล้วบอกเรื่องเสาตอหม้อว่ามี 19 หลุม เขาก็เอามาส่ง แล้วคราวนี้บอกความยาวแล้วจำ ๆ เอาเลยไม่ได้เหรอ...?
ตอนนั้นเราก็เริ่มเอะใจ แต่คนที่โทรไปเขาก็บอกว่า เอาอย่างงี้ เดี๋ยวจะให้คนงานเข้ามาดูหน้างาน ซึ่งตอนนั้นเองเราก็กะว่าจะคำนวณไปให้เขาเสร็จสรรพ ว่าคานนี้เท่านี้ คานนั้นเท่านั้น แต่ทว่า... อีกใจหนึ่งคิดขึ้นมาได้มาว่า เราไม่เคยทำนี่หว่า อย่าไปอวดฉลาดเลย print แบบไปให้เขาเนี่ยแหละ เขาจะจัดมาอย่างไรเราจะได้เรียนรู้จากเขาไปเลย
จากนั้นเราก็รีบจัดการ print แบบแล้วเขียนความกว้างความยาวอะไรให้ละเอียดขึ้นหน่อย พอเขามา (ประมาณ 10 โมงเช้า) ก็ยื่นให้เขาไป แล้วบอกเขาว่า ถ้าบ่ายนี้ได้ก็เอามาเลยนะ
เขาก็บอกว่าได้ เดี๋ยวจะเอาไปให้ช่างดู ถ้าอย่างไรก็จะเอาเข้ามาเลย
จากนั้นไม่นาน (ประมาณ 11.30 น.) ไม้แบบรอบแรกก็มา ตอนนนั้นเองเราก็งง ๆ นิดหน่อยว่า ไอ้ไม้ที่มาวางไว้ให้เรามันยาวเท่าไหร่กันบ้าง แต่ในใจตอนนั้นก็คิดว่าน่าจะยาว 4 เมตร กับ 2 เมตรมั๊ง เพราะความยาวของคานเรายาวขนาดนั้น
ตอนนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรเขา เพราะกะว่าช่างที่ทำงานให้เราเขาคงรู้ แต่พอซักประมาณบ่ายสองโมง เขาก็เอาไม้มาส่งอีกรอบพร้อมกับรายละเอียดใบหนึ่งก็ถึงบางอ้อว่า "เขาคิดกันแบบนี้นี่เอง"
กระดาษแผ่นนึงที่ใช้ลายมือเขียน แล้วมีอะไรเลอะ ๆ นิดหน่อยนี้ อุดมไปด้วยความรู้ อันเป็นความรู้ที่กลั่นออกมาจาก Tacit knowledge
จุดใหญ่ใจความที่ต้องการจะเล่าเรื่องนี้ก็คือ ตอนแรกในใจเราคิดว่าทุกอย่างเราจะต้องทำเองได้ทั้งหมด แต่แท้ที่จริงแล้ว คนแต่ละคนนั้นเขามีความเชี่ยวชาญเฉพาะคน เฉพาะอาชีพ (Tacit knowledge) ของเขาอยู่
เพียงแต่เรา "โง่ให้เป็น" อย่าไปอวดเก่ง อวดรู้มาก ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ เพื่อที่จะเปิดใจกว้างยอมรับ "ความรู้"
บุคคลเหล่านี้เขาทำงานนี้มาหลายปี บางคนทำมา "ทั้งชีวิต"
ประสบการณ์ของเขาเหลือล้น และเป็นประสบการณ์เฉพาะอย่าง เฉพาะส่วน
เราอาจจะเคยมีประสบการณ์ในเรื่องการคุมคน คุมงานในบางอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบกว้าง ๆ แต่ถ้าเป็นความรู้แบบลึก ๆ แล้ว เราต้องพึ่งพา Tacit knowledge จากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
ในวันนี้สุภาษิตประโยคหนึ่งดังก้องขึ้นในจิตใจเราหลังจากได้เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ช่างเขาเขียนแบบแปลนคานมาให้เรา สุภาษิตประโยคนั้นกล่าวไว้ดังนี้
บุคคลใดที่รู้จักใช้แต่กำลังของตนเองเป็นสุภาพชนชั้นต่ำ
บุคคลใดที่รู้จักใช้กำลังของคนอื่นเป็นสุภาพชนชั้นกลาง
และถ้าหากบุคคลใดที่สามารถรู้จักใช้หัวสมองของคนอื่นได้นั้นจึงจัดได้ว่าเป็น "สุภาพชนชั้นสูง..."
- บุคคลใดที่รู้จักใช้แต่กำลังของตนเองเป็นสุภาพชนชั้นต่ำ
บุคคลใดที่รู้จักใช้กำลังของคนอื่นเป็นสุภาพชนชั้นกลาง
และถ้าหากบุคคลใดที่สามารถรู้จักใช้หัวสมองของคนอื่นได้นั้นจึงจัดได้ว่าเป็น "สุภาพชนชั้นสูง..."
เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะ..ยากอยู่นะสำหรับ การที่จะเป็น สุภาพชนชั้นสูงนี่..
เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะ..ยากอยู่นะสำหรับ การที่จะเป็น สุภาพชนชั้นสูงนี่..
ขอบคุณค่ะที่ทำให้มองเห็นตัวเองว่า "ทำไมไม่ฉลาดสักที"
ดีมากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สามบรรทัดสุดท้าย กับการไม่มองข้าม tacit knowledge ซึ่งมักเกินคาดและทำให้ทึ่งได้บ่อยๆ