คราวนี้จะพาไปเที่ยวเมืองข้าวปั้นค่ะ ไปก็ช่วง 24 เมษายน 2009 – 29 เมษายน 2009 คราวนี้ไปกับทัวร์ก็เลยไปแบบไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้ทำการบ้านอะไรเลยด้วยเพราะว่าทัวร์จัดการให้หมด ตั้งแต่ทำวีซ่า จนถึงที่กินและที่เที่ยว ก็ลองเปลี่ยนบรรยากาศกันดูค่ะ ว่าไปเองกับไปทัวร์ อะไรจะมีรสชาติกว่ากัน วีซ่าก็เป็นวีซ่าที่ทำกันทั้งคณะก็เลยไม่ได้หาข้อมูลอะไรเลย บริษัททัวร์ขอรูปถ่าย 2 นิ้ว 1 ใบ และ statement เท่านั้นเองค่ะ เดินทางด้วย TG ก็จริงแต่ตั๋วเป็นแบบ group ก็เลยไม่สามารถสะสมไมล์ได้...ไปกันเลยค่ะ
ลงเครื่องที่ท่าอากาศยาน Kansai เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น อาคารส่วนด้านในก่อนที่จะมา ตม. เค้าห้ามถ่ายรูปนะคะ ก็พอดีมองไม่เห็นป้ายห้ามถ่ายรูปก็เลยได้มา 1 รูป แต่ รปภ. ดุมากเลยค่ะ มาว่าเราเสียงดังเลย แหะ แหะ ส่วนนี่ก็เป็นภาพทางออกสนามบิน มีของที่ระลึกขายแต่คิดเป็นเงินไทยแล้วค่อนข้างแพงค่ะ
ญี่ปุ่นนี่เค้าดังเรื่องการแยกขยะนะคะ นี่เป็นภาพถังขยะที่สนามบินญี่ปุ่น และเค้าก็ดังเรื่องการ์ตูนและสัญลักษณ์ด้วยค่ะ
จากนั้นก็มีรถบัสของบริษัททัวร์มารับ อ้อ ไปถึงวันนั้นฝนตกค่ะ อากาศที่เย็นอยู่แล้วก็ยิ่งเย็นเข้าไปกันใหญ่
นี่เป็นโปสเตอร์ที่โฆษณามวยปล้ำค่ะ อย่างที่บอกว่าฝนตกภาพที่ถ่ายผ่านกระจกรถบัสก็เลยมีหยาดฝนเป็นส่วนประกอบด้วย
ร้านขายยาของชาวญี่ปุ่นค่ะ
วัดคินคาคุจิ
ตอนแรกนึกว่าวัดนี้ชื่อวัด อังโคะคุจิ (วัดในอิ๊กคิวซัง) แต่นี่เป็นวัดปราสาททองที่ชื่อว่า คินคาคุจิ เราไปถึงพร้อมกับสายฝน สิ่งแรกที่ซื้อก็คือ “ร่ม” ค่ะ เป็นร่มที่เราเห็นเหมือนตอนที่อ่านการ์ตูนเลยก็คือร่มใสใส ใช้ได้เฉพาะที่ญี่ปุ่น เมืองไทยใช้ไม่ได้ค่ะเพราะร่มละลายแน่นอน กันฝนได้อย่างเดียวค่ะร่มแบบนี้ ถือเป็นของที่ระลึกชิ้นแรก นี่เป็นทางเข้าวัดค่ะ และภาพวัดประสาททองท่ามกลามสายฝน สวยไปอีกแบบนะคะ
ส่วนนี่เป็นศาลเจ้าที่ถ่ายทำหนังเรื่อง The Last Samuri ค่ะ ไกด์บอกมา
เมืองแห่งตู้กดค่ะ มีให้กดได้ทุกอย่าง
พระญี่ปุ่น ยืนทำอะไรไม่รู้อยู่หน้าศาลเจ้า
วัดคิโยมิสึ หรือ วัดน้ำใส
ตลอดระยะทางในการเดินขึ้นวัดนี้มีของที่ระลึกขายอยู่ทั้ง 2 ฝั่งถนนเลยค่ะ อ้อ ข้าวทอด อร่อยมากค่ะ ขอบอก... ก่อนที่จะเข้าวัดทุกแห่งที่ญี่ปุ่นก็จะมีอ่างน้ำและกระบวยให้เราตักมาล้างมือ ล้างปาก ก่อนค่ะ เราก็ทำตามธรรมเนียมของเค้า นักท่องเที่ยวที่มาวัดนี้ก็จะมาดื่มน้ำที่ไหลจากแม่น้ำ 3 สายโดยมีความเชื่อว่าถ้าใครได้ดื่มสายไหนก็จะประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ โดยสายที่ 1 ด้านการศึกษา สายที่ 2 ความรัก และสายที่ 3 จะมีสุขภาพดี เราก็ Thai style เอา 3 สายมารวมกันแล้วดื่มทีเดียวค่ะ
ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ ไทฉะ
เช่นเคย หน้าวัดมีน้ำให้ล้างมือ นี่เป็นสัญลักษณ์ที่เค้าอธิบายไว้ข้างอ่างน้ำค่ะ ชัดเจนมาก...
วัดนี้มีเสาโทริอิเยอะมากมาก เค้าเชื่อกันว่าถ้าใครนำมาถวายก็จะได้ขึ้นสวรรค์ ก็เลยมีคนนำมาถวายกันเยอะขนาดนี้เลยค่ะ
คนญี่ปุ่นในวัดค่ะ
อันนี้ตู้ไปรษณีย์
ชิงคันเซน
วันนี้เราจะได้ขึ้นรถไฟหัวกระสุนที่เรียกว่า ชิงคันเซน เพื่อไปเกียวโตค่ะ อันนี้น่าจะเป็นตู้กดตั๋ว พอดีไม่ได้กดเองค่ะไกด์เค้าจัดการให้หมดเลย มาถึงเราก็ได้ตั๋วรถไฟคนละใบ ถ้าไปเองอาจจะเหวอ นิดหน่อยเพราะไม่ค่อยมีภาษาอังกฤษค่ะ ป้ายต่างๆ ก็จะเป็นภาษาญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ด้านในรถไฟก็เป็นที่นั่งสะอาดสอ้านค่ะ
ระวังประตูหนีบ
ลงรถไฟที่สถานี Toyohashi ค่ะ ขณะที่รอรถบัสมารับเราก็สำรวจร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในสถานี นี่เป็นที่กดน้ำร้อนนะคะ แต่รู้สึกไม๊คะว่าเหมือนอะไรบางอย่าง...ส่วนอาหารที่ขายก็จะมี calories บอกทุกอย่าง แบบนี้ รวมทั้งบอกปริมาณ Sodium สำหรับคนที่ต้องจำกัดเกลือ อีกด้วย
คนญี่ปุ่นชอบใช้จักรยานกันค่ะ อันนี้กำลังเอาจักรยานข้ามสะพานลอย ส่วนสองหนุ่มนี่ก็แต่งตัวเหมือนนักเรียนในการ์ตูนญี่ปุ่นเลย
ทะเลสาบฮามานะ หรือ ทะเลสาบปลาไหล
ไปถึงก็ไม่เห็นปลาไหลซักกะตัวค่ะ มีแต่ของที่ระลึกเกี่ยวกับปลาไหล ก็เลยซื้อ กูลิโกะ รสปลาไหลมาซะเลย อร่อยมากค่ะ เป็นทะเลสาบที่กว้างมากเลยค่ะ วิวทิวทัศน์สวยงาม บรรยากาศดี
ชมซากุระ
ช่วงที่เราไปกันเป็นช่วงที่ซากุระโรยค่ะ ที่ยังเหลืออยู่ก็มีบ้าง อย่างที่เห็น พยายามถ่ายมาเท่าที่ได้ค่ะ อันนี้เป็นนิทรรศการเกี่ยวกับซากุระก่อนที่เราจะขึ้นไปชมภูเขาไฟฟูจิค่ะ
ครอบครัวชาวญี่ปุ่น แต่งชุดกิโมโนเต็มยศเลยค่ะ
ภูเขาไฟชั้น 5
ก็ภูเขาไฟฟูจิแหละค่ะ เค้าพาเราขึ้นไปถึงชั้น 5 ข้างบนหนาวมากขอบอก ต้องเตรียมตัวไปอย่างดีนะคะถ้าใครจะขึ้นเนี่ย ลมแรงมากมาก หูเหมือนจะหลุดออกจากหัวค่ะ ด้านบนก็มีศาลเจ้าและร้านขายของที่ระลึก
เล่าไปเล่ามาชักยาวแล้วค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ยังมี Hilight ให้ชมอีกเยอะเลยค่ะ...
สวัสดีครับ
ติดตามมาเที่ยวญี่ปุ่นด้วยคนครับ
ร่วมเดินทางไป (รำลึกความหลัง...)ด้วย
ตอนที่ 2 กำลังตามมาแล้วค่ะ ไปดูกันเร้ว
อ่านตอน 2 แล้วต้องมาดูตอน 1 ... เยี่ยมจริงๆ