ภูมิปัญญาการต่อเรือมาด


เดิมครั้งป่ายังมีความสมบูรณ์ ชาวบ้านสามารถหาไม้ต่างๆมาทำของใช้ได้ง่าย อย่างเช่น ไม้ตะเคียน ไม้พะยอม ไม้หลุมพอ เพื่อนำมาขุดเป็นเรือมาดใช้สำหรับพาย หรือแจวเพื่อวางอวนจับปลาหากุ้งหรือสัตว์น้ำอื่นๆ

ภูมิปัญญาการต่อเรือมาด 

เรียบเรียงโดย ครูไพฑูรย์  ศิริรักษ์  หัวหน้าอาศรมศิลปการ วิทยาลัยภูมิปัญญาชุมชน

    

         ผืนน้ำผืนใหญ่ทางภาคใต้ของประเทศไทยซึ่งมีพื้นที่ ๑,๐๔๒ ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งรับน้ำผืนใหญ่ที่มีลักษณะเป็นทะเลสาบแบบลากูน(Lagoon)ขนาดใหญ่ และการที่ทะเลสาบสงขลาได้รับทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม จึงทำให้ทะเลสาบสงขลาเป็นระบบนิเวศผสมผสาน หรือ “ทะเลสาบสามน้ำ” ที่มีทั้ง น้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติ จึงเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่หล่อเลี้ยงผู้คนรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาทั้ง ๓ จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา กว่าล้านคนมาตั้งแต่อดีต และในชุมชนยังเต็มไปด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้าน และศิลปวัฒนธรรมแขนงต่างๆ กอปรกับชาวชุมชนยังมีการใช้วิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายในการประกอบอาชีพโดยใช้ภูมิปัญญาในการจัดการทรัพย์ในดิน สินในน้ำ เพื่อเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัวแบบพอเพียง

  

จึงเป็นวิถีชุมชนในลุ่มน้ำหนึ่งที่น่าสนใจศึกษาเรียนรู้  ชาวบ้านริมชายฝั่งทะเลสาบสงขลาในพื้นที่รอบลุ่มทะเลสาบทั้งสองฝั่งทั้งในจังหวัดสงขลา และจังหวัดพัทลุง มีการประกอบอาชีพทำการประมงพื้นบ้านในทะเลสาบสงขลา นับพันกว่าครัวเรือน และชาวประมงพื้นบ้านเหล่านี้กำลังประสบปัญหาจากภาวะน้ำในทะเลสาบสงขลา แห้ง ตื้นเขิน และมีสภาพขุ่น-ถึงน้ำเสีย ทำให้ปริมาณปลาในทะเลมีจำนวนน้อยลง และพันธุ์ปลาบางชนิดเริ่มสูญพันธุ์ ทำให้ประมงพื้นบ้านหาปลาได้น้อยและประสบกับภาวะดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยก่อนหน้านี้ชาวบ้านจะมีรายได้จากการออกหาปลาทุกวัน เฉลี่ยเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วจะยังมีกำไรวันละ ๒๐๐ กว่าบาท แต่ปัจจุบันนี้หาปลาได้วันละประมาณ ๕๐ บาท หรือบางวันหาปลาแทบจะไม่ได้เลยบวกกับในช่วงนี้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ชาวบ้านต้องเพิ่มต้นทุนในการออกเรือหาปลาขึ้นตาม อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันก็ทยอยปรับตัวเพิ่มราคาขึ้น ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพชาวประมงส่วนใหญ่จึงได้รับผลกระทบพบกับปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายตามมา แต่ต้องฝืนทำ เพราะด้อยการศึกษาและไม่มีอาชีพอื่นรองรับ    

วิถีการออกทะเลหาปลาของชาวประมงพื้นบ้านน่าจะมีการทบทวนหวนกลับมาใช้วิถีแบบดั้งเดิมเพื่อลดค่าใช้จ่าย เช่น ออกหาปลาด้วยเรือใบ  เรือแจว หรือ เรือพาย ซึ่งภูมิปัญญาดั้งเดิมเรื่องการต่อเรือนับวันจะหดหายไปจากชุมชน หากผู้คนชุมชนต่างๆริมทะเลสาบสงขลาละเลยไม่ให้ความสำคัญอาจทำให้สูญหายได้

  

   ดังนั้นวิทยาลัยภูมิปัญญาชุมชน  มหาวิทยาลัยทักษิณ จึงได้มีความคิดที่จะจัดโครงการสืบค้นและสืบสานภูมิปัญญาการต่อเรือให้ยังคงอยู่ เพื่อเป็นรายได้ของชาวชุมชนและเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมขึ้น  ในปี งบประมาณ ๒๕๕๒ ให้กับผู้ที่สนใจเรียนรู้กับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเชิงวัฒนธรรมโดยทั่วไป

เรือมาดขุด 

      เดิมครั้งป่ายังมีความสมบูรณ์ ชาวบ้านสามารถหาไม้ต่างๆมาทำของใช้ได้ง่าย อย่างเช่น ไม้ตะเคียน ไม้พะยอม ไม้หลุมพอ เพื่อนำมาขุดเป็นเรือมาดใช้สำหรับพาย หรือแจวเพื่อวางอวนจับปลาหากุ้งหรือสัตว์น้ำอื่นๆ แถบชายฝั่งหรือในลำคลอง เพราะแล่นได้ดีในน้ำตื้น คลื่นลมไม่แรงจัด เรือมาดนิยมทำจากไม้ตะเคียน พะยอม และหลุมพอ ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งทนทานต่อการทำลายของปลวกและแมลงต่างๆได้ดี เนื่องจากมียางในเนื้อไม้ช่วยป้องกันเพรียงและยังมีความเชื่อว่าไม้ตะเคียนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดลบันดาลให้ทำมาหากินดีขึ้น

      ปัจจุบันต้นไม้ใหญ่หายาก มีราคาแพง กอปรกับภูมิปัญญาด้านช่างในการขุดเรือมาดเหลือน้อยเต็มที การขุดเรือจึงปรับเปลี่ยนมาเป็นการต่อเรือโดยใช้ไม้แผ่นผนวกกับภูมิปัญญาการต่อเรือแบบดั้งเดิมยังพอมีให้เห็นอยู่

     

       นายเขียว เหมือนใจ ชาวทะเลน้อยเป็นช่างต่อเรือฝีมือดี ที่มีประสบการณ์“ช่างเขียว” และลูกมือช่างสามารถต่อเรือให้แล้วเสร็จได้ วันละ ๑ ลำ (โดยไม่อุดชัน และตอกหมัน) 

     

โดยใช้ทั้งเครื่องมือภูมิปัญญาแบบช่างโบราณรุ่นเก่าอย่าง เช่น ขวานถาก หรือผึ่ง ค้อน ตาปู สิ่ว ดินสอ แม่แรงเข้าไม้ ลิ่มไม้ ผสมผสานกับเครื่องมือสมัยใหม่ เช่น  เลื่อยไฟฟ้า  กบไฟฟ้า ช่วยให้การต่อเรือมาดแต่ละลำเสร็จรวดเร็วขึ้น

   

 การต่อเรือยังคงยึดรูปแบบ โครงสร้างเรือมาดโบราณผสมผสานกับความต้องการของลูกค้า และสถานที่นำเรือไปใช้เช่น ลำคลอง หนองบึง ทะเลน้ำจืด หรือทะเลน้ำเค็มขนาด รูปร่างลักษณะของเรือจะแตกต่างกันเรือมาดน้ำจืดจะมีรูปร่างผอม เรียว เพรียวบาง และท้องตื้นเรือมาดน้ำเค็มมีรูปร่างอ้วนกว้าง หนา และท้องลึกกว่า 

                      

ส่วนประกอบสำคัญของเรือมาดจะต้องติดตั้งอย่างพิถีพิถันและมีความชำนาญแบบมืออาชีพ  อย่างเช่น “รูน้ำ” อยู่ภายในส่วนกลางของ “กงท้อง” และ “กงตับ” ช่วยให้น้ำในท้องเรือไหลไปมาได้  “ไม้ลูกกล้วย” ส่วนประกอบด้านนอกสองข้างลำเรือทำหน้าที่ราน้ำประคองเรือไม่ให้โคลงเคลง  “หัวเรือ” หรือ “โขนเรือ” นิยมทำด้วยไม้ขนุนเอาเคล็ดตามคติความเชื่อที่ว่า สามารถกันภูตพรายได้ และเป็นที่สิงสถิตของแม่ย่าเรือ

     

 แหล่งข้อมูลการเรียนรู้     ที่ตั้ง     ถนนสายทะเลน้อย – ลำปำ  หมู่ที่ ๓  ตำบลพนางตุง  อำเภอควนขนุน  จังหวัดพัทลุง

                   

          เจ้าของกิจการ นายสุชาติ  เหมือนสังข์  อายุ ๕๐ ปี เป็นชาวตำบลทะเลน้อยโดยกำเนิด   อดีตเป็นชาวประมงพื้นบ้านเคยออกทะเลหาปลามาประมาณ ๑๐ ปี และต่อเรือใช้เอง ปัจจุบันหันมาประกอบอาชีพต่อเรือขายเมื่อประมาณ ๒๐ ปีมานี้ โดยช่วงแรกๆต่ออยู่ที่อำเภอร่อนพิบูลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพิ่งย้ายมาตั้งอู่ต่อเรือที่นี่เมื่อปี ๒๕๕๐ โดยมีช่างลูกมือจำนวน ๗ คน เป็นช่างต่อเรือ ๕ คน และช่างเลื่อยไม้ ๒ คน ช่างที่มีประสบการณ์และมีฝีมือดี คือ นายเขียว  เหมือนใจ

การต่อเรือ นายเขียว เหมือนใจ และลูกมือช่าง สามารถต่อเรือให้แล้วเสร็จได้ วันละ ๑ ลำ (โดยไม่อุดชัน ตอกหมัน )

ไม้ที่ใช้ในการต่อเรือ  เป็นไม้ตะเคียนทองที่หาซื้อมาจากในป่าจังหวัดนครศรีธรรมราช

เครื่องมือที่ใช้  มีทั้งเครื่องมือภูมิปัญญาแบบช่างโบราณรุ่นเก่า เช่น ขวานถาก หรือผึ่ง ค้อน ตาปู  สิ่ว ดินสอ แม่แรงเข้าไม้  ลิ่มไม้ ส่วนเครื่องมือสมัยใหม่หรือเครื่องทุ่นแรงที่ใช้ในการต่อเรือ เช่น  เลื่อยวงเดือนไฟฟ้า  กบไฟฟ้า

ราคาค่าตอบแทนในการต่อเรือ  ค่าฝีมือในการต่อเรือเมตรละ ๓๐๐ – ๕๐๐ บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือ (เรือเล็กราคาต่ำ เรือใหญ่ราคาสูง)

ราคาของเรือ  ขึ้นอยู่กับขนาด รูปแบบของเรือและการนำไปใช้ เช่น เรือมาดขนาด ๙ เมตร เหมือนกัน หากต่อใช้ในทะเลใน(ทะเลสาบสงขลา หรือทะเลน้ำจืด) ราคาประมาณลำละ ๑๕,๖๐๐  บาทหากต่อใช้ในทะเลนอก(ทะเลอ่าวไทยหรือทะเลน้ำเค็ม) ราคาประมาณลำละ ๒๐,๖๐๐  กว่าบาท

เรือแจว เรือถ่อ หรือเรือใบ (น้ำจืด) ความยาว ๖-๗ เมตร ราคาประมาณลำละ ๘,๐๐๐  บาท

เรือพาย (น้ำจืด) ความยาว ๕-๖ เมตร ราคาประมาณลำละ ๖,๐๐๐  บาท

หมายเลขบันทึก: 370484เขียนเมื่อ 29 มิถุนายน 2010 16:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2012 18:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ผมอยากได้ขนาดเรือเพื่อไปทำการศึกษา

ขนาดเรือมาดที่ช่างชาวบ้านที่นี่ทำมีตั้งแต่ขนาด ๒ วา หรือ ๔ เมตร ไปจนถึง ๖ วา หรือ ๑๒ เมตรขนาดเรือนี่ชาวบ้านมักใช้มาตราการวัดความยาวเป็นวา (๑ วา = ๒ เมตร) ส่วนความกว้าง และความสูงขึ้นอยู่กับสถานที่ที่จะนำเรือมาดไปใช้ว่าเป็นนำจืดหรือนำเค็ม หากเป็นเรือนำเค็มท้องเรือจะลึก ลำตัวจะกว้าง เพื่อต้านคลื่อและลมในทะเล ที่มีมากกว่าในลำคลอง หนอง บึง หรือทะเลสาบ และราคาจะสูงกว่าเรือนำจืด เนื่องจากใช้วัสดุ - เวลา มากกว่าเรือมาดนำจืด ไม้ที่นิยมใช้คือไม้ตะเคียนทอง ส่วนหัวเรือจะใช้ไม้ขนุนเพื่อกันภูตพรายตามคติความเชื่อของชาวเรือ

อยากทราบเบอร์โทรศัพท์ติดต่อช่างต่อเรือ เพื่อสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ครับ ไม่ทราบมีหรือเปล่าครัีบ

สนใจรายข้อมูลละเอียดเกี่ยวกับการต่อเรือ เช่น เรือมาดนำจืด เรือมาดนำเค็ม ไม้ที่ใช้เป็นไม้อะไรขนาดยาวประมาณไหนราคาเท่าใด สั่งทำใช้เวลากี่วันเสร็จ ขณะนี้มีคิวรออยู่เท่าใด โทร.ถามคุณสุชาติ เจ้าของอู่ได้ที่หมายเลข 081-896-9264

ต้องการต่อเรือมาดนำมาติดเครื่องยนต์แต่ขอหัวเรือเป็นแบบเรืออีแปะได้ไหมคับ เรือกว้างประมาน1.30ม ยาว6มค่าใช้จ่ายรวมค่าจัดส่งประมานเท่าไร จะนำมาใช้แถวจังหวัดปทุมธานี ครับ

ลืมบอกคับ ขอเป็นไม้ตะเคียนทั้งลำคับ

อระไรเอ่ย.... อ้ายหลุ่ม อีหล่ำ เดินครุ้มคร่ำ ไม่เห็นรอย...

พวกหนูสนใจเรื่องเรือมาด.เพื่อที่จะเอาไปทำโครงงานภูมิปัญญาท้องถิ่น.. คุณลุงพอที่จะแนะนำได้รึเปล่าค่ะว่าเรือมาดเขาทำกันที่ไหน .. พอดีพวกหนูเป็นคนพัทลุง. .เลยอยากทราบ..ว่าคุณลุงพอจะมีเวลาว่างไหมค่ะถ้าเป็นไปได้ขอเบอร์ติดต่อ..ของคุณลุงด้วยค่ะ

ทำเรือแบบเอามาให้อาหารปลาประมาน8-9เมตรกี่บาทได้เรือเก่าเป็นเรือต่อดักไซนั้ง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท