เคล็ดวิธีจัดอาหาร สำหรับครอบครัวที่มี "ผู้สูงอายุ"


เคล็ดวิธีจัดอาหาร สำหรับครอบครัวที่มี "ผู้สูงอายุ" หรือผู้สูงอายุจัดการด้วยตนเอง

  

เคล็ดวิธีจัดอาหาร  สำหรับครอบครัวที่มี"ผู้สูงอายุ"

               ในครอบครัวที่มีผู้สูงอายุร่วมอยู่ในฃายคาเรือน  แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของครอบครัวนั้นได้ดีเพราะผู้สูงอายุได้อยู่กับลูกหลานพร้อมหน้าพร้อมตา  เพราะผู้สูงอายุดังกล่าวจะเป็นความอบอุ่นของครอบครัวลูกหลานได้เป็นอย่างดี  และแน่นอนที่สุดลูกหลานทุกคนก็ต่างมีความคิดที่จะให้ผู้สูงอายุได้อยู่เป็นกำลังใจให้ยาวนานเท่าที่ให้ยาวได้ให้มากที่สุด

                แต่เราก็ต้องการตอบแทนท่านผู้สูงวัยด้วยเพราะท่านเหล่านั้นก็ต้องการความอบอุ่นจากคนใกล้ชิดเช่นกัน    การเอาใจใส่ในสุขภาพของท่านมีความจำเป็นมาก   พยายามให้ท่าปราศจากการเจ็บป่วยจะดีที่สุด   แต่อย่างไรก็ตามด้วยความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ของร่างกายของท่านย่อมทำให้เกิดปัญหาของระบบต่างๆ ที่ส่งผลต่อภาวะโภชนาการ เช่น ปัญหาการย่อย ความสามารถในการดูดซึมอาหารของลำไส้ลดลง ถุงน้ำดีเสื่อมประสิทธิภาพ ส่งผลให้การดูดซึมของไขมัน และวิตามินลดลง การบีบตัวของลำไส้น้อยลง ตลอดจนฟันหัก ฟันโยก หรือหูตาฝ้าฟางเลือนลางการมองเห็นและการได้ยิน
       
                 การดูแลผู้สูงวัยจึงถือเป็นเรื่องหนักใจไม่น้อย แต่สิ่งหนึ่งที่จะช่วยท่านได้คือ การจัดอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ และให้สอดรับกับสภาวะในร่างกาย  จึงได้นำคำแนะนำที่น่าสนใจจากนักโภชนาการในเรื่องเคล็ดวิธีจัดอาหารสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงวัยโดยเฉพาะมาแบ่งปันให้อ่านกัน       
                 หลักการจัดอาหารสำหรับผู้สูงวัยนั้น "เพชรดาว ทัศนศร" นักโภชนาการ ประจำโรงพยาบาลเวชธานี ซึ่งได้ให้แนวทางไว้เป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้
       
       1. มีปริมาณสารอาหาร และคุณค่าทางอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
       
       2. การจัดอาหารแต่ละมื้อ ควรมีปริมาณอาหารลดลง และกินให้บ่อยครั้งกว่าเดิม
       
       3. อาหารประเภทผักต่างๆ ควรปรุงด้วยวิธีต้ม หรือนึ่ง หลีกเลี่ยงการกินผักสด เพราะทำให้เกิดแก๊ส และทำให้ท้องอืด
       
       4. ควรเป็นอาหารประเภทน้ำ เพื่อช่วยหล่อลื่นหลอดอาหาร ทำให้กลืนอาหารได้สะดวกขึ้น
       
       5. จัดผลไม้สดให้ผู้สูงอายุกินทุกวัน และต้องเป็นผลไม้นิ่ม เคี้ยวง่าย เพื่อช่วยในการขับถ่าย
       
       6. ผู้สูงอายุที่ชอบของหวานจัดให้ได้บ้าง แต่ไม่ควรบ่อยนัก ควรเป็นขนมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น เต้าส่วน กล้วยบวดชี เป็นต้น
       
       7. จัดเวลาในการกินอาหาร ไม่ควรเร่งรีบ เพราะอาจสำลัก และเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด มีผลต่อการย่อยได้
       
       8. จัดอาหารย่อยง่าย และจัดเตรียมให้น่ารับประทานทั้งกลิ่น และสี
       
       นอกจากนี้ สารอาหารยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้จัดอาหารจะต้องมีความรู้ และความเข้าใจอย่างถูกต้อง โดยสารอาหารที่ผู้สูงวัยต้องการนั้น นักโภชนาการ ให้ความรู้ในแต่ละส่วนดังนี้ คือ
       
       1. พลังงาน พลังงานที่ผู้สูงอายุได้รับไม่ควรน้อยกว่า 1,200 กิโลแคลอรีต่อวัน นอกจากกรณีที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก ควรควบคุมน้ำหนักอย่าให้อ้วน เพราะจะทำให้เกิดหลายโรค เช่น เบาหวาน หัวใจ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด

       2. โปรตีน จำเป็นในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ความต้องการโปรตีน 0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โปรตีนที่ได้รับต้องเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพ เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่วเมล็ดแห้ง สำหรับเนื้อสัตว์ควรสับให้ละเอียด หรือต้มให้เปื่อยเพื่อง่ายต่อการย่อย ส่วนไข่ จะมีธาตุเหล็กสูง เป็นอาหารที่นิ่ม เคี้ยวง่าย ย่อย และดูดซึมได้ดี อย่างไรก็ตาม ในผู้สูงวัยที่ไม่มีปัญหาไขมันในเลือดสูง ควรกินไข่ 3-4 ฟองต่อสัปดาห์ แต่ถ้าผู้สูงวัยมีปัญหาเรื่องไขมันในเส้นเลือด แนะนำให้กินไข่ขาว หรือลดจำนวนลง
       
       ขณะที่ นม เป็นอาหารที่มีแคลเซียม และโปรตีนสูง ดังนั้นผู้สูงวัยควรดื่มนมวันละ 1 แก้ว แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องไขมันในเลือดสูง หรือน้ำหนักตัวมาก แนะนำให้ดื่มนมพร่องไขมัน หรือนมถั่วเหลืองแทน นอกจากนี้ ถั่วเมล็ดแห้ง สามารถใช้เป็นโปรตีนใช้แทนเนื้อสัตว์ได้
       
       3. หมู่ข้าว/แป้ง ผู้สูงวัยต้องการอาหารกลุ่มนี้ลดลง เพราะถ้าได้รับอาหารหมู่นี้มากเกินไป จะสะสมเป็นไขมัน เพราะไม่ได้ใช้พลังงานเหมือนวัยหนุ่มสาว ดังนั้น แนะนำให้กินพวกกลุ่มข้าวซ้อมมือแทน
       
       4. ไขมัน ผู้สูงวัยจะมีความต้องการพลังงานลดลง จึงควรลดการบริโภคไขมันลงด้วย แนะนำไม่เกิน 25-30 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานทั้งหมดต่อวัน (2-3 ช้อนโต๊ะต่อวัน) โดยน้ำมันที่ใช้ ควรใช้น้ำมันจากพืช
       
       5. วิตามินเกลือแร่ ช่วยให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ ต้องการปริมาณเท่าเดิม ส่วนเกลือแร่ ปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือ ไม่เพียงพอ เช่น ธาตุเหล็ก แคลเซียม เนื่องจากการดูดซึมธาตุเหล็กในผู้สูงอายุลดลง ทำให้ขาดสารอาหารกลุ่มนี้ แม้จะกินในปริมาณที่เพียงพอแล้วก็ตาม การดูดซึมธาตุเหล็กจะดีขึ้น เมื่อรับประทานผัก ผลไม้ร่วมด้วย
       
       6. น้ำ มีความสำคัญต่อร่างกายมาก ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร และการขับถ่ายของเสีย แนะนำให้ดื่มน้ำ 6-8 แก้วต่อวัน
       
       7. เส้นใยอาหาร รับประทานผัก และผลไม้เป็นประจำ โดยเฉพาะผลไม้สด รวมถึงอาหารจำพวกข้าวซ้อมมือ และถั่วเมล็ดแห้ง
       
            ครอบครัวที่มีผู้สูงอายุจึงต้องหันมาใส่ใจในการจัดหา หรือเตรียมอาหารที่เหมาะสมกับสภาวะของร่างกายซึ่งจะทำให้ผู้สูงวัยมีภาวะทางโภชนาการที่สมบูรณ์ ช่วยให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย  สิ่งที่ขาดไม่ได้คืออาหารทางใจหรือทางจิต  ทุกคนในครอบครัวต้องให้กำลังใจตลอดเวลาในทุกด้าน  การกิน การนอน  การออกำลังกาย การสันทนาการที่ส่งผลสู่สุขภาพดีซึ่งล้วนให้ลูกหลานได้ดูเป็นแบบอย่างจะได้ดูแลเราได้เป็นอย่างดีในคราวที่เราเป็นผู้สูงวัยมาแทนที่ในโอกาสต่อไป

              แหล่งอ้างอิงที่มา.....ผู้จัดการออนไลน์     22  มิถุนายน   2553

หมายเลขบันทึก: 370462เขียนเมื่อ 29 มิถุนายน 2010 15:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 11:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท