ผมเริ่มเข้าใจชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่า การจัดการเพื่อให้สภามหาวิทยาลัยทำหน้าที่ก่อคุณประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัย และต่อตัวกรรมการสภาเองนั้น มีแนวทางต่อไปนี้
1. หาทางให้สภาทำหน้าที่ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ในสัดส่วน 1:2 คือให้การทำหน้าที่แบบไม่เป็นทางการใช้เวลามากกว่า และหวังผลว่าจะก่อคุณประโยชน์เชิงพัฒนาสูงกว่า
2. หาทางให้สภาทำหน้าที่เชิงพัฒนา หรือขับเคลื่อนนวัตกรรม ขับเคลื่อนอนาคต ให้แก่มหาวิทยาลัยได้มากขึ้น คือขณะนี้สภามหาวิทยาลัยไทยเราทำหน้าที่เชิงควบคุมกฎระเบียบได้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว แต่การทำหน้าที่เชิงพัฒนา ยังทำน้อย หรือไม่ค่อยมีกลไกให้ทำ หากมีการจัดการให้สภาฯ ทำหน้าที่เชิงพัฒนาได้มากขึ้น จะก่อคุณูปการแก่มหาวิทยาลัยได้มาก
3. ต้องหาวิธีทำให้กรรมการสนุกกับการทำหน้าที่ โดยเฉพาะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมักจะมีความรู้และประสบการณ์มาก ถ้าการทำหน้าที่มีแต่ประชุมแบบเป็นทางการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะเบื่อ
4. ต้องหาทางทำให้การทำหน้าที่กรรมการสภา เป็นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันไปในตัว นี่อาจจะเป็นฉันทาคติส่วนตัวของผมก็ได้ การเรียนรู้น่าจะเกิดทั้งในห้องประชุมสภา และในกิจกรรมที่ไม่เป็นทางการ
5. ต้องหาทางทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ เกิดความใกล้ชิด ระหว่างกรรมการที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ กับกรรมการที่เป็นบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย การจัดที่นั่งสลับกันและหมุนเวียนที่นั่งน่าจะเป็นวิธีการหนึ่ง
6. น่าจะมีการประชุมแบบ retreat ปีละ ๑ ครั้ง เพื่อร่วมกันทบทวนเรื่องใหญ่ๆ เรื่องเชิงอนาคต
7. ทำให้กระบวนการ socialization ระหว่างกรรมการสภา เป็นกระบวนการเชิงสร้างสรรค์ต่อองค์กรในภาพรวม ต้องระวังอย่าให้กลายเป็นกระบวนการที่ก่อ polarization คือต้องหาทางให้ กระบวนการทางสังคมเป็นไปเพื่อส่วนรวมเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน หรือส่วนกลุ่ม เป็นหลัก
หลักการเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากนัก (แม้จะไม่ง่ายสำหรับผม) แต่ในทางปฏิบัติเป็นเรื่องท้าทาย และต้องการทั้ง ศาสตร์และศิลป์
วิจารณ์ พานิช
๒๓ มิย. ๔๙
ห้องผู้โดยสาร สนามบินดอนเมือง
กราบเรียนอาจารย์หมอวิจารณ์ ที่นับถือ
ทีมงาน KKU_KM และ ชุมชน KFC(oP)บ้านผู้หว่าน ๒
ขอแสดงความยินดีที่ท่านอาจารย์ ได้รับโปรดเกล้าฯเป็น นายกสภา ของมหาวิทยาลัยมหิดล ครับ