การศึกษาใหม่จาก แคนาดา เปรียบเทียบคนไข้สโตรคกับกลุ่มควบคุมฝ่ายละ 3,000 ราย พบ 10 ปัจจัยเสี่ยงสโตรค (strokes = กลุ่มหลอดเลือดสมองตีบตัน-แตก อัมพฤกษ์ อัมพาต) ซึ่งมีผลต่อ 90% ของโรคกลุ่มนี้,
ถ้าลดปัจจัยเสี่ยงได้ น่าจะลดเสี่ยงโรคสโตรคได้ และลดยังลดเสี่ยงโรคหัวใจได้ด้วย เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงเกือบทั้งหมดคล้ายกัน [ Mailonline ]
...
สหราชอาณาจักร (UK) ซึ่งมีประชากรใกล้เคียงกับไทยมีคนไข้สโตรคประมาณ 150,000 ราย/ปี, สูตรง่ายๆ สำหรับคนไข้ส่วนใหญ่ คือ "หารด้วย 3" ได้แก่ ตาย 1/3, หาย 1/3, และพิการ 1/3
สาเหตุการตายของ UK 3 อันดับแรกได้แก่ โรคหัวใจ มะเร็ง และสโตรค, คนที่ัั่นั่นเสียชีวิตจากสโตรค 67,000 คน/ปี และมีคนพิการสะสมจากสโตรครวมกว่า 300,000 ราย
...
ปัจจัยเสี่ยง (สาเหตุ) 80% ของทั้งหมดมี 5 ข้อได้แก่
(1). ความดัน เลือดสูง
(2). สูบบุหรี่
(3). อ้วนลงพุง
(4). อาหารที่ ไม่ดีกับสุขภาพ
อาหารที่ช่วยลดเสี่ยงสโตรคได้แก่ อาหารต้านความดันเลือดสูง (DASH) > [ แดช ]
(5). ไม่ออก กำลัง
...
ปัจจัยเสี่ยง (สาเหตุ) 90% ของทั้งหมดมี 10 ข้อได้แก่ 5 ข้อแรก (ข้อ 1-5) กับอีก 5 ข้อได้แก่ (ข้อ 6-10)
(6). เบาหวาน
(7). ดื่มหนัก
(8). ความ เครียด-ซึมเศร้า
(9). หัวใจทำงาน ผิดปกติ (เช่น เต้นไม่เป็นจังหวะ ฯลฯ)
(10). มีระดับ สารอะโพไลโพโปรตีนในเลือดสูง (apolipoproteins - สารประกอบที่มีไขมันและโปรตีน)
อาหารที่น่าจะช่วยได้คือ ถั่วเหลือง-ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง เช่น โปรตีนเกษตร เต้าหู้ ฯลฯ, การลดโคเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) และเพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) มีส่วนช่วยลดระดับสารกลุ่มนี้ [ NIH ]; [ labtestonline ]
...
อ.ดร.มาร์ติน โอ'ดอนเนลล์ และคณะจากมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ ฮามิลทัน ออนทาริโอ แคนาดา ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างจาก 22 ประเทศ (ตีพิมพ์ใน Lancet)
สโตรคส่วนใหญ่เป็นผลจากหลอดเลือดตีบตัน ส่วนน้อยเป็นผลจากหลอดเลือดแตก ทำให้ตกเลือด
...
อ.โอ'ดอนเนลล์ พบว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่สุด ซึ่งมีผลมากถึง 1/3 คือ ความดันเลือดสูง
โรคความดันเลือดสูงเพิ่มเสี่ยงสโตรคมากกว่า 2.5 เท่า
...
ปัจจัยเสี่ยง ที่มีผลประมาณ 1/5 คือ การสูบบุหรี่, บุหรี่เพิ่มเสี่ยง 2 เท่า
...
ติดตามบล็อกของเราได้ทางทวิตเตอร์ > [ Twitter ]
ที่ มา
-
Thank MailOnline / Dailymail.co.uk;
-
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง. 20 มิถุนายน 2553.
-
ข้อมูลทั้งหมดเป็นไปเพื่อ การส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแล ท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้.