ST.Paul-de-vence

ก่อนที่จะไปเที่ยวฝรั่งเศส เพื่อนรัก คนหนึ่ง คือคุณจุฑาพร เริงรณอาษา  ซึ่งตอนนี้เป็นรองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้แนะนำว่า หากมีโอกาสให้ลองไปเที่ยวที่เมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ชื่อว่า Saint Paul-de-vence ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆน่ารัก และเก่าแก่ อยู่ไม่ไกลจากเมืองนิซ ที่ไปพักมากนักเท่าไหร่

เมื่อมีคนที่มีความเชี่ยวชาญบอกมาดังนี้ เราจึงต้องไปตามคำแนะนำเสียหน่อย ไม่งั้นจะมาเสียดายทีหลัง

 

      ดังนั้นในวันสุดท้ายคณะท่องเที่ยวของเราจึงเดินทางไปเมืองนี้ในตอนสายๆแบบสบายๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๑ ชั่วโมงก็ถึง( ปล. ค่ารถ คนละ ๑ ยูโรเช่นเดิม..ดีจัง.. ดีตรงนี้..อิอิ )

 

      St. Paul –de-vence เป็นหมู่บ้านในยุคสมัยกลางของยุโรปที่ยังคงสภาพดั้งเดิมไว้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา และมีกำแพงหินล้อมรอบหมุ่บ้านแบบโบราณ ที่มีลักษณะคล้ายๆปราสาท ไว้ล้อมรอบ

 

เมื่อมองจากถนนจะเห็นความโดดเด่น และสวยงามมาก แม่ต้อยเข้าใจว่าน่าจะเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ได้รับการลงชื่อให้เป็นมรดกโลกไว้แล้ว

 

      ในหมู่บ้านเก่าแก่แห่งนี้ยังมีชาวบ้านอาศัยอยู่ น่าจะเป็นคนดั้งเดิม ในหมู่บ้านได้ถูกปรับปรุงให้เป็นร้านค้า ร้านแสดงสินค้าพวกศิลปะ และหัตถกรรม เช่น เครื่องถัก ตุ๊กตาผ้าแต่งตัวแบบวัฒนธรรมอันเก่าแก่  สร้อยหิน  รวมทั้งภาพวาด ต่างๆ สวยงามมาก และราคาแพงมากเช่นกัน

 

      บ้านแบบปราสาทเก่าๆ ได้รับการตบแต่งให้น่าดูประดับประดาด้วยไม้ดอกไม้ประดับ เราเดินไปตามทางเดินอันคดเคี้ยว ถนนปูลาดด้วยอิฐหรือหินอย่างแน่นหนา ทะลุไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ซึ่งมีทั้ง ร้านค้า โบสถ์ ที่อยู่อาศัยของชุมชน ทั้งหมดอยู่ภายในกำแพงหินอันกว้างใหย่โอบล้อมไว้ทั้งหมู่บ้าน น่าอบอุ่นใจ

      แม่ต้อยแวะเข้าไปที่ร้านขายรูปภาพวาด ร้านหนึ่งซึ่งมีรุปวาดที่สวยงามวางไว้รายรอบ เจ้าของร้านแต่งตัวสวยเก๋ ปราดเข้ามาทักทาย เธอสามารถพุดภาษาอังกฤษได้ด้วย

จึงได้ทราบว่า ภาพทั้งหมดที่วางจำหน่ายนั้นเธอเป็นคนวาดด้วยตนเองทั้งสิ้น

แม่ต้อยชี้ไปที่ภาพหนึ่งซึ่งสะดุดตามากๆ เพราะเป็นภาพผู้หญิงสาวสวยใบหน้ามีความสุข

 

“ หากจะ ให้เดา ภาพนั้นต้องเป็นภาพคุณ…ใช่ไหมคะ?

 เธอยิ้มรับ พร้อมพยักหน้า

แม่ต้อยเดาเอาว่าเธอคงมีความสุขกับชีวิตที่ได้เลือกสรรแล้ว ในงานศิลปะที่รักและในหมู่บ้านที่งดงามเช่นนี้..

 

มีนักท่องเที่ยวมากมายที่มาเที่ยวแสวงหาความแปลกและชื่นชม วัฒนธรรมที่ยังหลงเหลือของหมู่บ้านแห่งนี้

 

บ่ายวันนั้นแม่ต้อยจึงอำลา saint paul-de-vence ด้วยความประทับใจ และน่าทึ่งที่เขายังคงรักษาสิ่งเก่าแก่ไว้ได้จนถึงทุกวันนี้  และสิ่งนี้เองที่ทำรายได้ให้กับคนท้องถิ่นอย่างมากมายมหาศาลจริงๆ

 

แม่ต้อยก้ขอถือโอกาสนี้มาแนะนำต่ออีกว่า   หากใครได้มีโอกาสได้ไปแถวนี้ให้ไปแวะเที่ยวนะคะ สวยดีและแปลกดีคะ

วันนี้สวัสดีแค่นี้ก่อนนะคะ

 

 

 

[ถาวร]

สวัสดีค่ะแม่ต้อย

ตามมาอ่านบันทึก ชมภาพสวยๆ และบรรยากาศในต่างแดนค่ะ

ขอบคุณที่นำมาฝากค่ะ

[แม่ต้อย]

สวัสดีคะ

แบบนี้แม่ต้อยต้องขอยกให้เป็นแฟนพันธ์แท้นะคะ

ขอบคุณคะ