ซีลาแคนท์ ปลาที่โลกลืม ฟอสซิลมีชีวิต ตอนที่ 2


ตอนที่แล้วผมพูดถึงการค้นพบซีลาแคนท์ คราวนี้ผมจะพาไปดูกันว่าเจ้าปลาโบราณตัวนี้ มันมีชีวิตที่แปลก พิสดาร และน่าสนใจอย่างไร

ปลา ซีลาแคนท์กลุ่มแรกถือกำเนิดขึ้นประมาณ 400 ล้านปีมาแล้ว ในยุคดีโวเนียน ก่อนที่ไดโนเสาร์จะครองโลกเป็นร้อยล้านปี  มันเป็นปลาในชั้นซาร์โคพเทอริจิไอ (Sarcopterygii) หรือเรียกง่ายๆ ว่าปลาครีบเนื้อ (lobefin fish) ละกัน

ลักษณะ สำคัญของเจ้าซีลาแคนท์คือการคงลักษณะของสัตว์ดึกดำบรรพ์ไว้  ที่โคนครีบอกและครีบก้นของมัน มีลักษณะเป็นเนื้อ มองดูคล้ายต้นขาของสัตว์สี่เท้า ซึ่งต่างจากครีบปลาในปัจจุบัน ถ้าสงสัยลองวิ่งไปหยิบปลาทูในตู้เย็นมาดูครีบได้นะครับ หรือถ้าขี้เกียจก็หารูปในอินเทอร์เน็ตเอา 

ปัจจุบันมีการค้นพบซีลาแคนท์ที่ยังมีชีวิตอยู่ 2 ชนิด  ชนิดแรกคือ Latimeria chalumnae หรือชนิดที่ศาสตราจารย์สมิทพบ ชนิดนี้อาศัยอยู่รอบๆ หมู่เกาะโคโมรอส หรือทะเลแถวแอฟริกาใต้ ไปจนถึงโมซัมบิก  ส่วนอีกชนิดดันไปอยู่ตั้งแถวอินโดนีเซียนู้น ซึ่งเป็นชนิด Latimeria menadoensis  ชนิด นี้มีสีน้ำตาล อาศัยอยู่รอบๆ หมู่เกาะซุลาเวสี  แม้ทั้งสองชนิดจะมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับซีลาแคนท์ในอดีต แต่ก็ไม่ได้เป็นชนิดเดียวกับที่พบเป็นฟอสซิล

 

ซีลาแคนท์จากอินโดนีเซีย

อืม ย่อหน้าที่ผ่านมาดูจริงจังมากเลย  ผมว่าถ้าเล่าให้ฟังกันแบบนี้ มันจะพาลน่าเบื่อเอานะ ขนาดผมเองยังเบื่อจนขี้เกียจเขียนเลย  งั้นผมว่าเราไปให้เจ้าตัวเล่าให้ฟังน่าจะดีกว่า  ตามผมไปที่มหาสมุทรอินเดีย แถบหมู่เกาะโคโมรอสกันเลย

 “ตู้ม ซ่า บุ๋ง บุ๋ง บุ๋ง”
ผม ดำดิ่งลงไปในน้ำลึกว่า 200 เมตร  ทะเลที่นี่ช่างเย็นและมืดมิดเหลือเกิน  ผมว่ายน้ำไปเรื่อยๆ และพยายามสอดส่องสายตาหาซีลาแคนท์สักตัว  

นั้นไงครับ ที่พื้นทะเลด้านล่าง มีซีลาแคนท์ตัวหนึ่งว่ายน้ำอยู่อย่างเชื่องช้า  มันดูสวยงามน่าทึ่งมากเลย  ผมรีบว่ายไปหามันทันที

“เอ่อ สวัสดีครับ คุณซีลาแคนท์” ผมทักทาย

“สวัสดี” ซีลาแคนท์พูดช้าๆ เนิบๆ ดูท่าทางไม่ตกใจกับการปรากฏตัวของผม

ซีลาแคนท์ว่ายน้ำอยู่ที่ก้นทะเล

“ช่วยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวคุณให้ฟังหน่อยสิครับ” ผมถามดื้อๆ

“เจ้า อยากรู้เรื่องราวของข้าหรือ  อืม อุตส่าห์เดินทางมาแต่ไกล  เอาสิ ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง” มันพูดด้วยภาษาโบราณสมกับที่เป็นซีลาแคนท์

“อะ แฮ่ม ซีลาแคนท์แบบข้า เป็นปลาขนาดใหญ่ ตัวผู้มีความยาวเฉลี่ยประมาณ 3.4 ศอก ส่วนตัวเมียนั้นใหญ่กว่า  พวกข้ามีอายุเฉลี่ยราว 48 ปี ตัวข้าเองปีนี้ครบ 2 รอบพอดี  แต่ซีลาแคนท์บางตัวมีอายุยืนยาวถึง 100 ปีเชียวนะ แบบแม่เฒ่าในถ้ำตรงนู้นนะ นางอายุตั้ง 101 ปีแล้ว”  ซีลาแคนท์พยักหน้าไปทางถ้ำเล็กๆ ข้างหน้า

(หมายเหตุสำหรับผู้อ่าน 1 ศอกเท่ากับ 0.5 เมตร ดังนั้น 3.4 ศอกก็เท่ากับ 1.7 เมตร)

“อายุยืนจังนะครับ แล้วเรื่องการดำรงชีวิตของท่านล่ะครับ เป็นอย่างไรบ้าง” ผมว่ายน้ำช้าๆ ตามซีลาแคนท์ตัวนั้นไป

“ชีวิต ข้ามันบัดซบ เอ๊ย ไม่ใช่ ซีลาแคนท์แบบข้าน่ะมีชีวิตลึกลับ มืดมิด และสงบนิ่ง  ข้าเป็นปลาน้ำลึก อาศัยอยู่ในช่วงความลึก 3-8  เส้น  ข้าอยู่ในน้ำตื้นมิได้  ซึ่งพวกข้าเองก็มิได้หลงแสงสีเบื้องบน  ข้าพอใจกับก้นทะเลที่ลึกและมืดมิดมากกว่า 

(หมายเหตุสำหรับผู้อ่าน 1 เส้น เท่ากับ 40  เมตร ดังนั้น 3-8  เส้น  ก็เท่ากับ 120-320 เมตร)

ซีลาแคนท์อาศัยอยู่ในถ้ำใต้น้ำ อาจอยู่ร่วมกันหลายตัว

“พวก ข้าเป็นปลาราตรี  มิได้หมายถึงชอบเที่ยวกลางคืนนะ ข้าชอบออกหากินเวลากลางคืน และพักผ่อนในถ้ำช่วงกลางวัน  อาหารโปรดของข้ามีหลายอย่าง เช่น ปลาขนาดเล็กหลายชนิด ปลาไหล ฉลาม หรือหมึก ซึ่งล้วนแต่เลิศรสถูกปากทั้งนั้น”

 “ขอโทษนะครับ” ผมขัดขึ้นมาด้วยความสงสัย “ท่านดูเชื่องช้าแบบนี้ จับเหยื่อได้ยังไงครับ”

“หึ หึ ถึงข้าจะช้า แต่เวลาจับเหยื่อ ข้าไวมากนะ ขอบอก  ข้ามีปากที่อ้าได้กว้างมากด้วย ดูนี่สิ”  เจ้าซีลาแคนท์อ้าปากให้ผมดู มันกว้างจนงับหัวผมเข้าไปได้เลย

“อ๋อ บนหัวข้ายังมีอวัยวะพิเศษไว้รับกระแสไฟฟ้าด้วย ข้าใช้อวัยวะนี้ตรวจจับกระแสไฟฟ้าจากตัวเหยื่อ มันมีชื่อภาษาปะกิตว่า electrosensory rostral organ ทำให้ข้าหาเหยื่อในน้ำมืดๆ ได้  ที่เจ้าเห็นข้าว่ายน้ำแล้วเอาหัวปักลงพื้น หรือตีลังกาว่ายน่ะ ข้าไม่ได้บ้าดอกนะ ข้ากำลังใช้อวัยวะนี้หากระแสไฟฟ้าจากเหยื่ออยู่”

“โอ้โฮ ถึงจะดูโบราณแต่ก็รู้จักไฟฟ้าด้วย” ผมชม “แล้ว เรื่องชีวิตครอบครัวของท่านละครับ”

“ครอบ ครัวข้าน่ะหรือ เมียข้าสวยนะ ตอนนี้นางกำลังตั้งท้องอยู่  เชื่อไหมว่า พวกข้าเป็นปลาที่ฟักไข่ในท้องและออกลูกมาเป็นตัว ครอกนึงก็ประมาณ 5-29 ตัว ใช้เวลาตั้งท้องนานมากถึง 13 เดือน นานกว่ามนุษย์อย่างเจ้าอีก ตอนนี้เมียข้าตั้งท้องมา 9 เดือนแล้ว ช่วงนี้นางชอบกินมะขาม เอ๊ย ฉลามมากเป็นพิเศษ”

“พวกท่านออกลูกเป็นตัวหรือ ไม่น่าเชื่อเลย” ผมไม่คิดมาก่อน

“ใช่แล้ว แต่ลูกข้าไม่ได้รับสารอาหารจากแม่แบบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนะ พวกเขาได้รับอาหารจากไข่แดง” ซีลาแคนท์อธิบาย

 

ครีบอกของซีลาแคนท์มีลักษณะเป็นเนื้อยื่นออกมาจากโคนครีบ


“แล้วเรื่องครีบของท่านละครับ มันดูคล้ายแขนขาของผมเลย ท่านช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม”

“ครีบหรือ ครีบข้ามันก็แปลกมิใช่เล่น  ครีบอกและครีบก้นของข้ายื่นออกมาคล้ายขาของสัตว์สี่เท้า” ซีลาแคนท์โบกครีบทั้งสี่โชว์

“ขณะ ว่ายน้ำ ครีบจะโบกคล้ายกับการวิ่งเหยาะๆ ของม้า  ด้วยเหตุนี้ทำให้มนุษย์นักวิทยาศาสตร์คิดว่า พวกข้าอาจเป็นบรรพบุรุษของพวกเขาหรือของสัตว์บกสี่เท้า  ฮ่า ฮ่า ข้าอยากจะหัวเราะให้เกล็ดหลุด ข้าน่ะไม่ใช่ทวดของพวกเจ้าดอก”

“งั้นหรือครับ ข้าคิดว่าเจ้า เอ๊ย ผมคิดว่าท่านเป็นบรรพบุรุษของเราซะอีก เห็นหน้าตามนุษย์บางคนดูคล้ายๆ ท่านนะ”

“ไม่ หรอก ข้าหล่อกว่าเยอะ ซีลาแคนท์ไม่ได้เป็นบรรพบุรุษของสัตว์สี่เท้าแต่อย่างใด พวกข้ากับเจ้าเพียงแต่มีบรรพบุรุษร่วมกันเท่านั้น หมายความว่าเราเป็นญาติห่างกันมากๆ แต่ก็ยังถือว่าข้าเป็นญาติใกล้ชิดกับเจ้ามากกว่าปลาอื่นๆ นะ”

“งั้นหรือครับ ผมก็โล่งไปที่ไม่ได้มีบรรพบุรุษหล่อๆ แบบท่าน” 

“อ๋อ ลักษณะอีกอย่างที่ทำให้ข้าดูโบราณ ก็คือเกล็ดแบบคอสมอยด์ (cosmoid) ที่ใหญ่และหยาบขรุขระ กว่าปลาปัจจุบัน เกล็ดแบบข้านี้พบในปลาที่สูญพันธุ์ไปแล้ว  อ้อ ลืมบอกไป ว่าข้าเป็นปลากระดูกแข็งนะ ไม่ใช่ปลากระดูกอ่อนแบบฉลามหรือกระเบน”
 
“ท่าน นี่ย้อนยุคจริงๆ เลยนะครับ สมัยนี้กำลังนิยมอะไรที่มันเก่าๆ มะๆ ซะด้วย” ผมพูด “อืม ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมสงสัยครับ ทำไมท่านถึงมีชีวิตอยู่รอดมาได้นับล้านๆ ปีโดยที่ไม่รูปร่างไม่ต่างจากบรรพบุรุษเลยครับ”

“เพราะข้าอึดมากน่ะสิ อึดกว่าพวกนักการเมืองที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิดบางคนเสียอีก อ๊ะ ลืมไปว่าปลาอย่างข้าไม่ยุ่งเรื่องการเมือง” ซีลาแคนท์ทำหน้าเบื่อหน่าย

“ความ สำเร็จของข้าคือการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เก่ง  เจ้าลองมองรอบๆ สิ ในน้ำมืดๆ เย็นๆ มีออกซิเจนต่ำ และมีเหยื่อน้อยแบบที่นี่ เจ้าคิดว่าจะมีปลาตัวใหญ่เท่าข้าอาศัยอยู่ได้หรือ”

ผมมองไปรอบๆ ที่นี่มืดมิด อึดอัด มองดูแทบจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ เลย

ซีลาแคนท์อาศัยอยู่ใน้ำลึกที่มืดมิด

“ไม่ มีปลาใหญ่ที่ไหนทำได้ มีแต่ข้าเท่านั้น  ข้ามีอัตราการเมแทบอลิซึมต่ำมาก และมีพฤติกรรมเฉื่อยชาเพื่อรักษาพลังงาน  เจ้าปลากระดูกแข็งสมัยนี้ที่ตัวเท่าข้าจะมีอัตราการเมแทบอลิซึมที่สูงกว่า มาก ทำให้พวกมันอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้มิได้  เมื่อก่อนพวกข้าอยู่ในน้ำตื้นกว่านี้  แต่เพราะขี้เกียจไปแข่งกับปลาอวดดีพวกนั้น จึงย้ายลงมาลึกกว่าเดิม”

 “ดัง นั้นข้าจึงไม่มีคู่แข่งในการล่าเหยื่อ รวมทั้งไม่มีผู้ล่าด้วยเช่นกัน  การปรับตัวดังกล่าวล้วนเป็นกลไกแห่งความสำเร็จของการอยู่รอดในสภาพแวดล้อม ที่โหดร้ายเช่นนี้  ดู ยู อันเดอร์สแตน”

“เยส” ผมตอบ

“อืม แต่ข้าก็ค่อนข้างมีโชคเล็กน้อย ในอดีตนั้น สิ่งมีชีวิตจำนวนมากต่างสูญพันธุ์ เนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม  แต่พวกข้าโชคดี ข้ามิได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้  ข้าอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แทบไม่เปลี่ยนไปจากอดีตเลย หุบเขาใต้ทะเลอันมืดมิดแบบนี้ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเท่าใดนัก ไม่เหมือนบนแผ่นดินที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ  เหล่านี้ล้วนทำให้ข้าดำรงชีวิตอยู่ได้แม้เวลาจะผ่านไปหลายร้อยล้านปี”

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง แสดงว่าท่านก็ไม่ได้เก่งอะไรนัก เพราะโชคช่วยนี่เอง”

“บังอาจ!  กล้าดีอย่างไรมาว่าข้าไม่เก่ง” ซีลาแคนท์ตะโกน “เจ้าเป็นแค่มนุษย์มีชีวิตมาไม่กี่แสนปี มีสิทธิ์อะไรมาลบหลู่ซีลาแคนท์ที่มีชิวิตยืนนานกว่าร้อยล้านปี”

 “ผ...ผมขอโทษ” ผมรีบยกมือไหว้ ซีลาแคนท์ “ผมไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น”

“เจ้ายังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก” มันดูโมโห “มนุษย์อย่างพวกเจ้าทำอะไรไว้บ้างรู้ไหม  พวกเจ้าทำให้เราลดจำนวนลงไปมากเหลือเกิน”

“จริงหรือครับ”

“ข้า จะโกหกเจ้าทำอะไรล่ะ  พวกข้าเหลืออยู่เพียงไม่ถึงพันตัว  สาเหตุของการลดจำนวนเกิดจากมนุษย์นี่แหละ  ไม่ว่าพวกเจ้าจะตั้งใจหรือไม่  มันก็ส่งผลทั้งนั้น แห อวน หรืออะไรที่พวกเจ้าสร้างไว้จับปลา มันคือเครื่องทำลายล้างซีลาแคนท์ชัดๆ”

“ข้ายังจำได้ดี  ตอนเด็กๆ ที่ข้ากับพี่ชายว่ายน้ำเล่นไล่จับกันอยู่  พี่ชายก็ถูกเจ้าอวนนั่นลากขึ้นไปต่อหน้าต่อตาข้า แม้พวกชาวประมงจะไม่ได้ตั้งใจจับเขา แต่กว่าเขาจะปล่อยพี่ข้าลงมา มันก็สายไปแล้ว พี่ข้าขาดออกซิเจนตาย”

 “น้าของข้าเองก็ถูกจับไปเข้า คอลเลกชันสัตว์แปลกๆ ของพวกเศรษฐี  ลุงข้าก็ถูกจับเพื่อเอาเกล็ดไปทำเครื่องประดับ และเอาไปใช้แทนกระดาษทราย  มันน่าโมโหไหมละ  นี่ไม่นับที่พวกเจ้าทำลายที่อยู่ของข้าอีกนะ” ซีลาแคนท์พูดด้วยความขมขื่น

“หลังจากพวกเจ้ารู้จักข้า จำนวนของข้าก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เวลาไม่ถึง 100 ปีที่ผ่านมานี้ คือหายนะของชาวซีลาแคนท์โดยแท้”


ผมมองหน้าซีลาแคนท์ “ท่านพูดเหมือนพวกเราไม่ดีเลย มีพวกเราหลายคนที่ช่วยอนุรักษ์ท่านนะ”

ในอนาคต อาจเหลือเพียงซากซีลาแคนท์ให้เราดู...

“ข้า รู้ว่าพวกเจ้าหลายคนศึกษาเรื่องราวของข้า เพื่อจะได้เข้าใจข้าและอนุรักษ์ข้าได้  ข้าก็ขอขอบใจ  แต่เรื่องนี้ก็เป็นดาบสองคมเช่นกัน เพราะการเผยแพร่เรื่องของข้า ทำให้คนส่วนหนึ่งสนใจ  ข้ากลายเป็นปลาประหลาดที่หายาก มีราคาแพง พวกเขาจับข้าไปเป็นของสะสม เอาชิ้นส่วนไปทำเครื่องประดับ นี่ยังดีนะ ที่ไม่นิยมเอาเนื้อข้าไปทำแป๊ะซะหรือนึ่งมะนาว ไม่งั้นพวกข้าคงสูญพันธุ์ไปแล้ว” มันประชด

“แม้พวกเจ้าจะออกกฎหมาย ห้ามจับข้า และขึ้นบัญชีให้ข้าเป็น endanger species ก็ตาม มันก็ช่วยอะไรได้ไม่มากหรอก ถ้าทุกคนไม่ช่วยกันจริงๆ”

เมื่อได้ยินเจ้าปลาดึกดำบรรพ์พูดเช่นนี้ ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ นอกจากอยากขอโทษพวกมันแทนมนุษย์ทุกคน

“ข้า ก็ไม่หวังอะไรหรอก ขอแค่มีชีวิตสงบสุขเหมือนในอดีตก็พอ” ซีลาแคนท์มองหน้าผม “ซึ่งเจ้าคงช่วยอะไรข้าไม่ได้หรอก”  มันหันหลังกลับ ว่ายจากไปอย่างเชื่องช้า  หายลับเข้าไปในความมืดมิดของทะเล...

เป็นไง บ้างครับ เรื่องราวของเจ้าปลาดึกดำบรรพ์พวกนี้ น่าเศร้านะครับที่สัตว์ซึ่งเอาชนะพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติมา 400 ล้านปี กลับต้องมาพ่ายแพ้น้ำมือมนุษย์ภายในเวลาไม่ถึงร้อยปี

ผมก็ ไม่รู้เหมือนกันว่ามนุษย์เข้าไปยุ่งกับชีวิตของมันมากไปหรือเปล่า  เรากำลังช่วยหรือเรากำลังทำลายมันทางอ้อม  ในอดีต ซีลาแคนท์กุมชะตาชีวิตของมันไว้ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้อนาคตของมันกลับอยู่ในมือมนุษย์ ซึ่งดูแล้วน่าเป็นห่วงอย่างมาก ถ้าเรายังคงไม่ทำอะไรสักอย่าง....

ขอบคุณที่มา: http://www.oknation.net/blog/print.php?id=214975

 


หมายเลขบันทึก: 363193เขียนเมื่อ 2 มิถุนายน 2010 15:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม 2012 20:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท