1. วัตถุประสงค์
เพื่อให้นักเรียนพัฒนาทักษะการใช้โครงสร้างประโยค Present Simple Tense ได้อย่าง
ถูกต้อง เพื่อให้นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อวิชาภาษาอังกฤษ
2. กระบวนการการผลิต
ผู้จัดทำได้ออกแบบนวัตกรรมการศึกษา เรื่อง Present Simple Tense สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เพื่อปรับปรุงและพัฒนาทักษะด้านการใช้โครงสร้างประโยค Present Simple ผู้จัดทำได้ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการวางแผนดำเนินงานโดยศึกษาหาความรู้จากเอกสารต่างๆ ดังนี้
- หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 คู่มือครูหนังสือเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ)
- หนังสือการสร้างบทเรียนสำเร็จรูป หนังสือนวัตกรรมการศึกษาชุด บทเรียนสำเร็จรูป
- สื่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ป.5 ช่วงชั้นที่ 2 กลุ่มสาระเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2544
- เก่งไวยากรณ์สอนใช้อังกฤษ.
- ตัวอย่างบทเรียนสำเร็จรูปจาก WWW.SAHAVICHA.COM
ในการจัดทำบทเรียนสำเร็จรูปเรื่อง Present Simple Tense เพื่อแก้ไขปัญหาเด็กนักเรียนไม่ค่อยชอบเรียนภาษาอังกฤษ เนื่องจากไวยากรณ์หรือโครงสร้างภาษาอังกฤษ ซับซ้อน และมีการท่องจำมาก เพราะภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่มีความสำคัญต่อการนำไปประกอบอาชีพและนำไปสื่อสารในชีวิตประจำวันได้ จึงต้องมีการจัดทำบทเรียนสำเร็จรูปขึ้นมา เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ไวยากรณ์หรือโครงสร้างภาษาอังกฤษ โดยการอธิบายในรูปแบบที่เข้าใจง่ายๆ และจะทำให้เด็กนักเรียนพัฒนาความรู้ทางด้านไวยากรณ์ เพื่อเป็นพื้นฐานในการอ่าน เขียน ภาษาอังกฤษให้เก่ง และสามารถนำไปใช้ได้ และทักษะด้านการใช้โครงสร้างประโยค Present Simple Tense นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้ดำเนินการ ดังนี้
1. ศึกษาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 คู่มือครู หนังสือเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) เพื่อกำหนดขอบเขต และเนื้อหาของบทเรียน รวมทั้งกำหนดผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
2. ศึกษารายละเอียด วิธีการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปจากหนังสือการสร้างบทเรียนสำเร็จรูป และหนังสือนวัตกรรมการศึกษาชุด บทเรียนสำเร็จรูป เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดเนื้อหา การวางรูปแบบ ซึ่งการสร้างบทเรียนสำเร็จรูปในครั้งนี้ เป็นแบบเส้นตรง (Linear Programme) เป็นบทเรียนที่นำเสนอเนื้อหาทีละน้อย บรรจุลงในกรอบหรือเฟรมต่อเนื่องกันตามลำดับ จากกรอบที่หนึ่งไปยังกรอบที่สอง จนถึงกรอบสุดท้ายตามลำดับ โดยเรียงลำดับเนื้อหาจากง่าย ไปหายาก ผู้เรียนจะต้องเรียนตามลำดับทีละกรอบต่อเนื่องกันไปตั้งแต่กรอบแรกจนถึงกรอบสุดท้าย โดยไม่ข้ามกรอบใดกรอบหนึ่ง ในแต่ละกรอบจะถามคำถาม และชนิดของคำถาม จากกรอบแรกไปสู่กรอบต่อไปนั้นจะแตกต่างกัน ในทุกกรอบจะมีเฉลยคำถามที่ถูกต้อง เพื่อให้ผู้เรียนสามารถตรวจคำตอบด้วยตนเอง
ส่วนประกอบของบทเรียนสำเร็จรูป
ส่วนประกอบของบทเรียนสำเร็จรูป ประกอบด้วย
1. คำนำ/คำชี้แจง/คำแนะนำสำหรับครู/คำแนะนำสำหรับนักเรียน
2. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
3. วัตถุประสงค์ปลายทาง และจุดประสงค์นำทาง
4. เนื้อหาเรียงลำดับจากง่ายไปยาก
5. แบบฝึกหัด/คำถาม เพื่อทบทวนความเข้าใจในเนื้อหาที่ได้ศึกษา พร้อมเฉลย
6. แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน
7. เฉลยแบบทดสอบ
กระบวนการผลิตและพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป
1. ขั้นวางแผน
2. ขั้นการผลิต
3. ขั้นการทดลองต้นฉบับ
4. ขั้นทดลองใช้จริง
ขั้นวางแผน
- ศึกษาหลักสูตร เพื่อให้ทราบถึงเนื้อหาสาระที่จะนำมาจัดทำเป็นบทเรียนสำเร็จรูป
- กำหนดเนื้อหาเรื่อง Present Simple Tense เพื่อที่จะทำบทเรียนสำเร็จรูป
- จุดประสงค์นำทาง จุดประสงค์ปลายทาง
- ผลการเรียนรู้ที่คาดหวังว่า เมื่อผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้จบแล้ว ผู้เรียนได้เรียนรู้อะไรบ้าง
- วิเคราะห์ความยาก-ง่ายของเนื้อหา
- เตรียมสร้างแบบทดสอบทั้งก่อนและหลังเรียนในแต่ละกรอบสาระการเรียนรู้ ให้ครอบคลุม
ขั้นการผลิต
1) เขียนบทเรียนสำเร็จรูปประกอบด้วย
- คำนำ คำชี้แจง คำแนะนำสำหรับครู คำแนะนำสำหรับนักเรียน ผลการเรียนรู้
ที่คาดหวัง
- จุดประสงค์ปลายทาง และจุดประสงค์นำทาง
- ข้อทดสอบก่อนและหลังเรียน
- กิจกรรมการเรียนรู้ในแต่ละกรอบ
2) สร้าง
- ศึกษาบทเรียนสำเร็จรูป
- เขียนเนื้อหาให้ตรงกับจุดประสงค์
- นำแผนการเรียนรู้ให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพ 3 ท่าน
- ปรับปรุงแก้ไข ตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ
-ให้นักเรียนลองทำบทเรียนสำเร็จรูป 3 คน
ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการผลิต และการแก้ไขปัญหา
1. เป็นเรื่องของเวลา เวลาที่ทำการผลิตบทเรียนสำเร็จรูปนี้ขึ้นมามีน้อยเกินไป
2. ต้องมีการปรับปรุงเนื้อหาอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะทำให้บทเรียนสำเร็จรูปที่สร้างขึ้นมา
สมบูรณ์ที่สุด
3. ต้องมีการวิเคราะห์เนื้อหาให้ตรงกับจุดประสงค์ ต้องทำความเข้าใจกับบทเรียนสำเร็จรูป
ให้ดีก่อนที่จะทำการวิเคราะห์
4.จากการที่นำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบต้องมีการปรับปรุงแก้ไข เพื่อที่จะนำไปให้เด็กนักเรียนทดลองทำ
การตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน
ข้อเสนอแนะ/ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญคนที่ 1 นางมัทราวรรณ ภิระลัย (ครู คศ.2)
1. จุดประสงค์นำทาง และจุดประสงค์ปลายทางควรสอดคล้องกัน
2. แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนควรคลอบคลุมจุดประสงค์ปลายทาง
3. กิจกรรมและเนื้อหาไม่ครอบคลุมและไม่ครบตามจุดประสงค์ เช่น จุดประสงค์นำทางข้อที่ 5 นักเรียนสามารถตอบคำถามประโยค Present Simple Tense ได้ แต่ในบทเรียนยังขาดเนื้อหา ของการตอบคำถามประโยค
ข้อเสนอแนะ/ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญคนที่ 2 นางชลาลัย แก้วกิริยา (ครู ชำนาญการ)
1. แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนควรจะสลับข้อกัน เพื่อป้องกันนักเรียนจำคำตอบ และประธานของประโยคควรจะมีหลากหลายไม่ซ้ำกัน
2. กรอบเนื้อหาควรจะมีการเรียงลำดับความยากง่ายของเนื้อหา เช่น ควรนำเอาเรื่อง Verb to be, Verb to have ให้นักเรียนเรียนก่อน
3. ตัวอย่างประโยคในแต่ละกรอบมีน้อยเกินไป จะทำให้การเรียนของนักเรียนไม่บรรลุผล
ข้อเสนอแนะ/ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญคนที่ 3 นางศรีมุกข์ ประคำสาย (ครู วิทยฐานะ
ชำนาญการ)
1. เอกสารทางวิชาการ ให้ระวังการใช้ภาษา ทั้งภาษาพูด ภาษาเขียน แยกให้ออก ไม่ใช้คำซ้ำๆ ในประโยคเดียวกัน คำซ้อน การเว้นวรรค หลักการพิมพ์ เอกสารทางวิชาการให้เช็คให้ละเอียดก่อนพิมพ์
2. ยกตัวอย่างให้ชัดเจน ละเอียดกว่านี้ นักเรียนที่เรียนอ่อนจะได้เข้าใจ
3. ตัวอย่างน้อยเกินไป คำกิริยาวิเศษณ์ไม่ปรากฏในประโยคให้นักเรียนได้ศึกษาเลย
ทั้งนี้ ผู้จัดทำจึงได้นำมาปรับปรุงแก้ไขจากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่านแล้วเพื่อให้บทเรียนสำเร็จรูปสมบูรณ์ที่สุด
ค่าดัชนีความสอดคล้อง( IOC)ที่เกิดขึ้น
การตรวจสอบเบื้องต้น เป็นการนำบทเรียนที่สร้างขึ้นไปให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องที่ทำบทเรียนโดยตรง อย่างน้อย 3 คน ตรวจสอบถ้าผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน มีความเห็นสอดคล้องกัน 2 ใน 3 ท่าน แสดงว่าเนื้อหาและรูปแบบมีความถูกต้อง เที่ยงตรง และคลอบคลุมจุดมุ่งหมายที่กำหนด ซึ่งการตรวจสอบความสมบูรณ์ถูกต้อง
สรุปผล
จากการหาประสิทธิภาพ ค่าดัชนีความสอดคล้องที่ยอมรับได้ต้องมีค่าตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป
ซึ่งในบทเรียนนี้ ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ที่ ( IOC) = 10.6
การทดลองใช้แบบ 1:1 จำนวน 3 คน
ผลปรากฏว่า ในการทำแบบทดสอบระหว่างเรียน นักเรียนทั้ง 3 คนสามารถทำแบบฝึกหัดระหว่างเรียน ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ได้
เกณฑ์ที่ยอมรับว่าบทเรียนสำเร็จรูปมีประสิทธิภาพ นั่นคือความรู้ ความจำ E1/E2 จะต้องมีค่า 80/80 ขึ้นไปส่วนด้านปฎิบัติ E1/E2 จะต้องมีค่า 70/70 ขึ้นไป โดยที่ค่า E1/E2 ต้องไม่ต่างกันร้อยละ 5
สรุปผล
จากการหาประสิทธิภาพ ที่ตั้งไว้ ผลการทดลองใช้นวัตกรรมได้ 79.11/86.66
สรุปได้ว่า ประสิทธิภาพของนวัตกรรมใกล้เคียงเกณฑ์ที่ตั้งไว้ แสดงว่า สื่อนวัตกรรมการศึกษา เรื่อง Present Simple Tense สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพสามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอนได้
ไม่มีความเห็น