เยือนจีน…ถิ่นมังกร...ปี 2010..ผ่านมุมมอง KM


…ความยิ่งใหญ่...ที่น่าทึ่ง...ภายใต้มุมมองที่หลากหลาย 22-28 เม.ย 53 เซี่ยงไฮ้-หังโจ-ปักกิ่ง

            การได้มีโอกาสไปเยือนจีนเมื่อปลายเมษายนที่ผ่านมา ทำให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่...ที่น่าทึ่งมากมาย ในฐานะที่เรียนKM มาผึ้งงานก็อดไม่ได้ที่จะเก็บข้อมูลมาเล่าสู่กันฟัง โดยผ่านมุมมองของ KM

          ประเทศจีนเป็นประเทศที่กว้างใหญ่มีประชากรมากและมีสิ่งที่ทั้งเจริญก้าวหน้าและสิ่งที่ล้าหลังอยู่ปะปนกันไปในแต่ละส่วนของประเทศ เมืองเซี่ยงไฮ้-หังโจ-ปักกิ่ง ก็เป็นเมืองที่มีความเจริญเติบโตของชุมชนเมืองอย่างรวดเร็ว ทำให้เปลี่ยนสภาพการเป็นอยู่ไปด้วย ดังนั้นจึงดูแปลกตาและทันสมัย บ้านเรือนของเดิมๆก็ยังมีอนุรักษ์อยู่บ้าง(ใช้คำว่าอนุรักษ์ เนื่องจากว่าชุมชนเมืองทำให้สิ่งก่อสร้างต่างๆก็รองรับความเจริญไปด้วย จึงจงใจละเว้นบริเวณนี้ไว้เพื่อให้คงอยู่) ส่วนบริเวณอื่นๆโดยรอบก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นตึกสูงๆเกือบหมด

 

 

          ครั้งนี้ได้มีโอกาสไปเยือนเมืองเซี่ยงไฮ้-หังโจและปักกิ่ง ซึ่งแต่ละเมืองมีความเจริญรุ่งเรืองคนละแบบกัน ทั้งศิลปวัฒนธรรมมีหลากหลายชนเผ่า แต่ก็อยู่ร่วมกันได้แบบลงตัวอย่างเมืองที่เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจคือเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเมื่อได้มาเยือนต้องทึ่งแผนผังเมืองตึกสูง40-50 ชั้นนั้นไม่ต้องนับเพราะนับไม่ไหวเยอะมาก ตึกที่พอจะนับได้ต้องต้องตึกที่สูงมากกว่าร้อยชั้นขึ้นไปเป็นหลายพันหลัง ความทันสมัย (แต่มีความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยมากจะเห็นว่ามีอาคารที่ก่อสร้างขึ้นล้วนมีรูปทรงเพื่อปรับฮวงจุ้ยจำนวนมาก รูปทรงก็จะแปลกตาสุดๆ) เป็นศูนย์กลางด้านการค้ารวมทั้งความเจริญมากมาย ได้มีโอกาสขึ้นหอไข่มุกซึ่งเป็นอาคารส่งสัญญาณทีวีที่สูงที่สุด มีจุดชมวิวชั้นบนสุดเป็นกระจกโดยรอบสามารถมองดูวิวได้รอบเมือง

 

 

          อีกทั้งมีโซนวัดใจอีกด้วยจะเป็นบริเวณที่พื้นทำด้วยกระจกหนา ยื่นออกไปจากตัวอาคารกว้างประมาณเมตรครึ่งโดยรอบอาคารอีกชั้นที่ถัดลงมาจากจุดชมวิว เมื่อไปยืนบนกระจกก็จะมองทะลุข้างล่างให้วัดใจกัน ขาสั่นเล่นๆหวาดเสียวเหมือนกัน เสียดายถ่ายรูปไม่เห็นชัดเจนเนื่องจากอากาศข้างล่างไม่ค่อยแจ่มใสนักเป็นหมอกมัวเลยไม่มีภาพน่าหวาดเสียวมาฝากกัน

 

 

          ส่วนเมืองปักกิ่ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองและเป็นเมืองหลวงของจีนและแหล่งรวมอารยธรรมสิ่งก่อสร้างโบราณมากมายเช่น พระราชวังกู้กง พระราชวังฤดูร้อนของพระนางซูสีไทเฮา หอฟ้าเทียนถาน กำแพงเมืองจีน วัดลามะ ประตูชัยชนะ จตุรัสเทียนอันเหมินซึ่งเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้การปกครองของจีน สนามกีฬารังนกที่มีผู้คนแวะเวียนมาเยือน มีถนนแบ่งเป็นวงแหวนรอบในรอบนอกเป็นชั้นๆ เป็นเขตบังคับระบบโรงงานอุตสาหกรรมให้อยู่ในวงแหวนรอบนอก ปั้มน้ำมัน(วงแหวนรอบในเป็นที่อยู่อาศัยจะไม่มีปั้มน้ำมันให้เห็นเลย ซึ่งปั้มน้ำมันจะอยู่ในวงแหวนที่สามและถัดอกไป) ในการคับคั่งของความเจริญก็ยังมองเห็นจักรยานวิ่งขวักไขว่มากมายในเมืองหลวง ซึ่งรัฐบาลจะจัดให้มีช่องทางเดินโดยเฉพาะของจักรยาน ซึ่งดูแล้วปลอดภัย

 

 

          เมืองหังโจ เป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่งดงามมาก อากาศก็ดี ซึ่งพระนางซูสีไทเฮาเลือกที่จะมาอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน และที่สำคัญเป็นเมืองแห่งสาวงามซึ่งผิวสวยจริงๆ มีทะเลสาบซีหูที่งดงาม ซึ่งมีผู้คนมาล่องเรือชมวิวและความงามของเมืองนี้กันมาก รวมถึงตำนานเรื่องเล่าขานอีกมากมาย

 

          เมื่อมองจีน...ผ่านมุมมอง KM …(โดยใช้ SWOT)

          การมองจีนผ่านมุมมอง KMนี้ ผึ้งงานเองเขียนขึ้นจากสิ่งที่พบเห็นจากการไปเยือนจีนครั้งนี้ แล้วเลยลองนำมาวิเคราะห์ดูในสิ่งที่มองเห็นซึ่งมีมุมมองที่แตกต่างและหลากหลายดังนี้

 

จุดแข็ง (Strengths)

          1) การปลูกฝังในเรื่องความรักชาติหรือชาตินิยม คนจีนจะขานรับนโยบายของผู้นำจีนอย่างแข็งขันและนำมาถ่ายทอดแล้วปฏิบัติตาม เช่นกฏระเบียบ การมีลูกคนเดียว การลดโลกร้อนซึ่งไปซื้อของจะไม่มีถุงใส่ให้ (ถ้าอยากได้คุณต้องจ่าย 3 หยวน) ควบคุมการปิดเปิดแอร์ ซึ่งแอร์จะไม่เปิดถ้าอุณหภูมิไม่ถึงที่ทางการกำหนดไว้ และกำลังจะลดการติดแอร์โดยมีนโยบายให้เปิดหน้าต่างแทน การใช้จักรยานและมีช่องทางจักรยานให้โดยเฉพาะทำให้ได้ออกกำลังกายไปในตัว ทำให้ประชาชนก็แข็งแรงและลดโลกร้อนด้วย

          2) สาธารณูปโภคหรือหน่วยงานที่สำคัญๆนั้นจะเป็นของรัฐบาลทั้งหมด ผลประโยชน์ที่ได้ก็นำมาสร้างความสะดวกสบายให้กับประชาชน เช่นสร้างถนน รถโดยสารประจำทาง รถไฟบนดิน ใต้ดิน และกำลังก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงอยู่ในขณะนี้ ทันสมัยมากๆ สวนสาธารณะพร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกาย ที่พักอาศัยจัดระเบียบผังเมืองสวยงาม การศึกษาฟรี ค่ารถโดยสารที่ถูก สวัสดิการคนชราและเด็กเป็นต้น

 

 

          3) ส่งเสริมสินค้าซึ่งเป็นของรัฐบาลขายสำหรับนักท่องเที่ยวเก็บรายได้เข้ารัฐ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมขององค์กร(ไกด์บอก) ที่ต้องปฏิบัติตามโดยที่ต้องพานักท่องเที่ยวไปแวะร้านเหล่านี้คือ ร้านหยก ร้านไข่มุก ร้านชา ร้านผ้าไหม บัวหิมะและร้านสมุนไพรจีน เป็นไฟล์บังคับ(วัฒนธรรมองค์กร)ต้องพาไปแวะหนึ่งสถานที่ต่อหนึ่งวัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าทำให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อสินค้าเหล่านั้น เหมือนขายตรงครบทุกกลุ่มเป้าหมาย(เป็นกลยุทธ์ทางการค้าที่เยี่ยมยอดจริงๆ) ทั้งๆที่ไม่ได้มีในรายการท่องเที่ยวแต่ต้องแวะทุกทัวร์ที่ไปจีนจะต้องได้แวะชมสินค้าเหล่านี้ (มีใคร? หลงกล...กลยุทธ์นี้บ้างเอ่ย...เห็นแต่ละคนบอกไม่ซื้อๆไม่อยากแวะด้วยซ้ำไป แต่พอแวะจริงๆแล้วก็เห็นซื้อได้ทุกที่ คนไทยได้ชื่อว่า...ยอดนักช็อปซื้อได้ทุกที่จริงๆ)

 

 

 

 

 

          4) การให้ข้อมูลของไกด์...รัฐบาลจะป้อนข้อมูลที่เป็นแบบเดียวกันในการบรรยาย เรื่องภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ของจีน (ต่างกันตรงลีลาการเล่าเท่านั้น) ข้อมูลแน่นมากและก็เป๊ะเลย ถ้าใครที่ศึกษาข้อมูลเพิ่มมากกว่าคนอื่นก็จะทำให้คนฟังมีอรรถรสในการฟังมากขึ้น ไกด์จะต้องสอบผ่านการอบรมในแต่ละเมืองซึ่งข้อมูลต้องถูกต้องตามที่กำหนด แต่ละคนจะรู้ลึกรู้ละเอียดในแต่ละสถานที่มากๆและคนจีนมีความกระตือรือร้นในการศึกษาเรียนรู้มาก จะใช้เวลากับการศึกษาเป็นหนอนหนังสือทีเดียว

 

 

          ไกด์เล่าว่าเมื่อครั้งที่สมเด็จพระเทพฯท่านเสด็จมาเรียนภาษาจีนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งและได้พักที่ในมหาวิทยาลัยว่า มีคืนหนึ่งท่านนอนไม่หลับ ก็คิดว่าจะหาหนังสือที่หอสมุดมาอ่านสักเล่ม มองเห็นไฟเปิดอยู่ยังไม่ปิดซึ่งเวลานั้นตีหนึ่งกว่าแล้ว พอเข้าไปในห้องสมุดซึ่งเงียบมาก ท่านก็ตกใจที่มองเห็นนักศึกษานั่งอ่านหนังสือกันอยู่เต็มห้องสมุด....เงียบมาก...ต่างคนต่างอ่าน...นักศึกษาจีนขยันมาก พระเทพฯท่านบอกว่าเป็นสิ่งที่รู้สึกประทับใจมากที่สุดเมื่อมาเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งและคนจีนจำนวนมากต่างก็ชื่นชมพระบารมีและพระปรีชาสามารถของท่านมาก ซึ่งมีการเล่าขานไม่รู้จบ เช่นกัน

          5) ส่งเสริมด้านการศึกษา รัฐบาลเห็นความสำคัญด้านการศึกษาของประชากรมาก นักศึกษาจีนจะขยันมากๆ ไขว่คว้าหาโอกาสให้กับตัวเอง การที่รัฐบาลส่งเสริมให้มีลูกคนเดียวนั้นเนื่องจากประเทศจีนมีประชากรจำนวนมาก จากนโยบายที่จำกัดการมีลูกหนึ่งคนต่อหนึ่งครอบครัวนั้นทำให้การเป็นอยู่ของผู้คนดีขึ้น คุณภาพชีวิตด้านอื่นๆก็ดีขึ้นด้วย การศึกษานั้นรัฐบาลออกให้ทั้งหมด ดังนั้นจึงมีการแข่งขันการสอบเข้าโรงเรียนดีๆ เพื่อชีวิตที่ดีในอนาคต

          6) แผนผังในการพัฒนาประเทศที่เป็นระเบียบ โดยมีการเวนคืนที่ดินเพื่อใช้ทำประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งประชาชนให้การร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่มีข้อขัดแย้งกันเลย เนื่องจากรัฐบาลจ่ายผลตอบแทนให้คุ้มค่า จึงทำให้แผนผังในการพัฒนาประเทศดูสวยงามและเนื่องจากประชาชนเห็นประโยชน์ที่จะได้รับกลับมาถึงประชาชนอย่างชัดเจน

          7) คุณค่าทางอารยธรรม  แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเป็นมรดกโลก

 

จุดอ่อน (Weaknesses)

          1) ห้องน้ำ มาเยือนจีนไม่มีใครจะไม่พูดถึงห้องน้ำ... ถ้าอยู่ในเมืองใหญ่ๆห้องน้ำจะถูกพัฒนาขึ้นจากไม่มีประตูก็มีประตูปิด แต่มีกลอนบ้างไม่มีบ้าง สถานที่ดูโชว์บางแห่งหรือแหล่งช้อปปิ้ง ยังเป็นแบบรางยาวมีประตูบ้างไม่มีบ้างถ้ามีก็สูงครึ่งเดียว ส่วนน้ำนั้นจะจ่ายมาเป็นรอบๆ แต่เมืองใหญ่ก็ดีขึ้นเยอะ ยกเว้น ออกนอกเมืองเมื่อไหร่ จะต้องมีเรื่องเล่าขาน...ไม่รู้จบ...

          อีกอย่างคนจีนไม่ชอบกดน้ำเมื่อทำธุระเสร็จแล้วและ...ไม่ชอบล็อคประตู อาจจะเป็นความเคยชิน เมื่อคนไทยเปิดไปเจอ!!!!...คนที่ร้องเสียงหลงและตกใจกับสิ่งที่เห็นนั้นคือคนเปิด...ส่วนคนถูกเห็นก็หันมามองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (เรื่องธรรมดาของฉันจ๊ะ...)

          2) นโยบายการมีบุตรคนเดียว ตอนนี้กำลังจะเป็นปัญหาแล้ว เนื่องจากอัตาการเกิดต่ำและมีประชากรในวัยทำงานมากขึ้นซึ่งอนาคตคนชราก็จะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประชากรไมสมดุลย์ จะทำให้ช่วงต่อไปจะขาดคนวัยทำงาน เนื่องจากวัยเด็กมีน้อยและคนรุ่นใหม่ก็ไม่นิยมมีลูกหลายคนแม้รัฐบาลจะผ่อนผันให้แล้วก็ตาม ทำให้เป็นปัญหาในอนาคต

          3) คนสูงอายุหว้าเว่  ไม่มีโอกาสได้ดูแลลูกหลานและขาดการดูแลจากบุตรหลาน พอแต่งงานก็แยกไปอยู่กันเอง เนื่องจากการมีบุตรคนเดียวพ่อแม่ก็หวงไม่ให้ดูแล คนแก่จึงมารวมกันที่สวนสาธารณะมาออกกำลังกายและคุยกันคลายเหงา

          4) มีกฎระเบียบที่เข้มงวดมากมายและจุกจิก จนบางเรื่องก็เป็นอุปสรรค์ต่อการพัฒนา กฏบางอย่างประเทศอื่นทั่วไปทำได้แต่ประเทศจีนผิดกฏหมายทำไม่ได้ การเลี้ยงสุนัขสักตัวในเมืองปักกิ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก รายจ่ายสูงต้องรวยมากจึงจะเลี้ยงได้ จึงทำให้แทบจะไม่เห็นสนุขเลยในปักกิ่ง (บางคนอาจคิดว่า...??? ...แต่ไม่ใช่อย่างที่คิดหรอก...เพราะว่ามันคงเป็นอาหารจานที่แพงมากๆ) การใช้เวลาในแต่ละวัน ต้องมีกำหนดการใช้เวลาเช่นนอนไม่เกินกี่ชั่วโมง ต้องออกกำลังกายกี่ชั่วโมง ต้องอ่านหนังสือกี่ชั่วโมง เล่นเน็ตได้ไม่เกินกี่ชั่วโมง เป็นต้น การดำเนินชีวิตจะมีระเบียบอื่นๆปลีกย่อยจำนวนมาก

          5) ภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร  สำหรับประเทศที่กำลังเข้าสู่การเป็นประเทศในยุคทองนี้ในการติดต่อสื่อสารซื้อขาย การทำธุรกิจเสรี ในภูมิภาคนี้และเวทีโลกถูกจับตามอง ภาษามีความจำเป็นมาก สำหรับนักท่องเที่ยวแล้วเป็นปัญหามากเนื่องจากคนจีนที่พูดภาษาอังฤกษได้มีน้อยและคนจีนก็ประกอบด้วยชนเผ่าต่างๆมารวมกันจำนวนมาก (อย่าว่าแต่ภาษาจีนกลางที่ใช้สื่อสารกันเองเลย ภาษาประจำชนเผ่าก็มีเอกลักษณ์ของตนเองมากมาย ซึ่งก็เป็นปัญหาภายในเช่นกัน)

 

โอกาสพัฒนา (Opportunity)

          1) การติดต่อสื่อสาร  เนื่องจากจีนได้เปิดประเทศแล้วและเมื่อมีผู้คนหลั่งไหลมาเยื่อนมากมาย แต่ยังมีปัญหาในด้านการติดติ่สื่อสาร พูดกันไม่รู้เรื่อง ต้องใช้ภาษากาย(ใบ้) บ้างไกด์บ้างล่ามบ้าง คนรู้ภาษาจึงได้เปรียบในการทำการค้าและธุรกิจ ซึ่งรัฐบาลต้องส่งเสริมในเรื่องภาษาให้กว้างขวางขึ้น

          2) การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการใช้ห้องน้ำของประชากร   เช่นการปิดประตูเวลาเข้าห้องน้ำ การกดน้ำเมื่อทำธุระเสร็จ เป็นต้น

          3) การเลียนแบบสินค้าเก่งมาก  ความฉลาดในเรื่องนี้น่าจะส่งเสริมให้สร้างแบรด์ของตัวเองให้โดดเด่นไปเลยเพราะมีความสามารถพิเศษอยู่แล้ว ไม่ต้องไปเลียนแบบใครให้ผิดกฏหมาย

ภัยคุกคาม (Threats)

          1) ด้านการปกครอง  การมีพื้นที่ของประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาล มีประชากรหลายชนเผ่า ก็ทำให้เกิดปัญหาในการดูแลอีกทั้งความยากจนของประชากรในชนบทยังมีอยู่มากและการพัฒนาไม่ทั่วถึง

          2) ภัยธรรมชาติ  ที่เกิดขึ้ยบ่อยและปัญหาการสร้างเขื่อนในลำน้ำโขงกับประเทศข้างเคียงที่ได้รับผลกระทบ

          3) จำนวนประชากร  ที่มากและการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้สภาพการเป็นอยู่ต้องมีการปรับตัวอย่างมาก ค่าครองชีพแพง

          4) ภาวะโลกร้อนคุกคาม  ทั้งภัยธรรมชาติที่เกิดจากภาวะโลกร้อนและการถูกกดดันจากประเทศอื่นในเรื่องนี้

          5) การขาดประชากรในช่วงวัยที่สมดุลย์  ซึ่งเป็นปัญหาในอนาคต

 

 

ฉายาคนไทย...แช๊ะ – ฉี่ – ช้อป...

แช๊ะ...พอถึงสถานที่ไหน?...ก็จะวิ่งไปยืนเต๊ะท่าถ่ายรูป แช๊ะ..ๆๆๆ..ไม่ฟังไกด์บรรยายเลยว่าความเป็นมาของสถานที่เป็นอย่างไร? สำคัญด้านไหน? จะเอาแต่ถ่ายรูปว่า....ฉันมาถึงที่นี่แล้วนะ...(เรื่องนี้...ไกด์..เป็นคนบ่นให้ฟัง...ดังๆ อย่างน้อยใจที่ไม่มีใครฟังเธอบรรยาย...)

ฉี่....ห้องน้ำอยู่ไหน?....ทุกที่ที่ไปเที่ยวจะต้องพบคำถามนี้เสมอ...(แถมอีกนิด...หนาวอย่างไร? คนไทยก็ถามหาน้ำแข็งเวลาทานข้าวเสมอ...ไกด์บอกแปลกจัง...คนไทย)

ช้อป... คนไทยเรื่องช้อปปิ้ง...สู้ตาย!!!!....ชอบมาก...ไม่เหนื่อย...ขอให้ได้ซื้อของเยอะๆ...ถูกๆ ขอให้ได้ต่อราคา ขนาดคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง...แต่เรื่องต่อของนี่แม่ค้าต้องขอร้องว่าต่อไม่ได้อีกแล้ว...ยอมคนไทยเลยทีเดียว...ร้านไหนถูกใจ...เมื่อนำมาเล่าต่อ...ร้านนั้นจะถูกถล่มสินค้าหมดร้านเลย..5555...รู้จักคนไทยน้อยไป...

 

 

 

          ถึงอย่างไรคนจีนก็น่ารักและอัธยาศรัยดีและประเทศจีนก็เป็นเมืองที่น่าเที่ยว เนื่องจากมีมรดกโลก ธรรมชาติที่งดงาม วัฒนธรรมที่น่าศึกษาประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและแหล่งซื้อของที่คนไทยชอบซึ่งอยู่ไม่ไกลจากไทย ประชาชนก็มีความรู้สึกที่ดีๆต่อกัน บ้านเมืองของจีนส่วนที่ด้อยกว่าเราก็มี...ส่วนที่เจริญมากกว่าไทยก็มีเยอะมากๆ...คนไทยมัวแต่ทะเลาะกัน...จีนนำไทยไป...ไกล...แล้ว...จนมองไม่เห็นฝุ่น..........

หมายเลขบันทึก: 362346เขียนเมื่อ 30 พฤษภาคม 2010 00:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท