หมวกสีขาว หมายถึง ข้อมูลข่าวสาร
หมวกสีแดง หมายถึง อารมณ์ความรู้สึก
หมวก สีดำ หมายถึง การตั้งคำถาม หรือตั้งข้อสงสัย
หมวกสีเหลือง หมายถึง การมองใน แง่ดีเต็มไปด้วยความหวัง
หมวกสีเขียว หมายถึง การคิดอย่างสร้างสรรค์
หมวกสีฟ้า หมายถึง การสามารถควบคุมความ คิดทั้งหมด
วันก่อนฟังรายการวิทยุชุมชนแห่ง หนึ่ง มีการพูดถึง "วิธีคิดแบบหมวก 6 ใบ"
หากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือการกำหนดรูปแบบของความคิดพิจารณาสิ่งๆเดียวกัน ในหลายๆมุมมองนั่นเองครับ
ผมเห็นว่าน่าสนใจดีเลยจะย่อยให้สั้นๆ แล้วลองอ่านกันดูนะครับ
การคิดแบบ Six Thinking Hats หรือ การคิดแบบหมวก 6 ใบ นั้น คิดขึ้นโดย
ดร.เอ็ดเวิร์ด เดอ โบ โน เป็นปรมาจารย์ทางด้านการคิดชาวอังกฤษ
เขาเห็นว่า คนส่วนใหญ่นั้น มักจะเอาข้อเท็จจริง อารมณ์ หรือเหตุผลส่วนตัว มาปะปนกันในการถกเถียงเพื่อหวังเป็นผู้ชนะ
ซึ่งวิธีการคิด การหาเหตุผลดังกล่าวข้างต้นเป็นวิธีที่ผิดและเสียเวลา ดังนั้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 1970 เขาจึงเสนอวิธีคิดแบบ การคิดแบบหมวก 6 ใบขึ้น โดยแยกกรอบความคิดออกเป็นด้านๆ อย่างชัดเจน จากนั้นจึงวิเคราะห์หา เหตุผลภายในกรอบความคิดนั้นๆ อันจะช่วยพิจารณาสิ่งต่างๆ ได้ครอบคลุม และมีคุณภาพมากขึ้น แทนที่จะคิดทุกด้านในเวลาเดียวกัน ซึ่งมักก่อให้เกิดความสับสน
เรามาลองดุกันว่า หมวกทั้ง 6 ใบ มีวิธีใช้ยังไงกันบ้างนะครับ
โดยผมจะจำลองสถานการณ์ในห้องเรียนแห่งหนึ่ง มีอาจารย์กำลังสอนอยุ่ โดยมีนักเรียนยิงมุขแข่งขึ้นมา ในชั้นระหว่างการเรียนการสอน
หมวกสีขาว - หมวกสีขาวนี้จะให้เราคิดถึงข้อมูลเท่านั้น เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นล้วนๆ
หาก คิดโดยใช้หมวกสีขาวก้จะเข้าใจเพียงแค่ อาจารย์สอนหนังสือในห้องและมีนักเรียนคุยกันเท่านั้น
หมวกสีแดง - หมวกสีแดงนั้นตรงกันข้ามกับสีขาว คือไม่สนใจ ข้อมูล แต่จะเน้นด้านอารมณ์และความรู้สึกเท่านั้น
เมื่อใช้หมวกสีแดงในการมองสถาณการณ์ข้างต้น เราจะมองได้ว่า อาจาร์ยโมโห เพราะรู้สึกว่าเด็กกำลังคุกคามและไม่ให้เกียรติในการสอน นักเรียนก็หงุดหงิด เรียนไม่รู้เรื่อง เพราะเพื่อนคุยแข่งกับอาจารย์
หมวกสีดำ - หมวกดำจะเน้น การคิดโดยโจมตีจุดอ่อน หรือข้อเสีย ในเรื่องนั้น ผู้คิดตั้งข้อสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ประโยชน์ของหมวกดำจะทำให้เราเข้าใจจุดอ่อนของสิ่งๆนั้น(หรือตนเอง) เพื่อมองเห็นปัญหาได้
ในชั้นเรียนที่มีเด็กคุยแข่งกับอาจาร์ยนั้น เมื่อมองผ่านหมวกสีดำ เราจะเห็นว่า ชั้นเรียนนนั้นเราไม่ได้อะไรเลย เสียเวลา
อาจารย์ก็ไม่ได้สอน เด็กก็ไม่ได้ความรู้ อาจารย์ขาดความน่าเชื่อถือ หรือเด็กไม่มีความตั้งใจที่จะเรียน
หมวกสีเหลือง - จะมองไปในด้านดีของสิ่งที่เราจะคิด พยายามหาสิ่งดีๆในสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงจะต้องขุดกันก็เถอะ
หากเรามองแบบหมวกสีเหลือง การที่เด็กคุยกันก็เหมือนกับการแบ่งโอกาสในการพูดอย่างเสมอภาค เด็กก็มีสิทธิจะคุยได้ด้วย หรือไม่ก็ เด็กคุยกันก็แสดงว่ามีเรื่องที่น่าจะสนุกสนาน บรรยากาศในห้องก็ไม่ตึงเครียด นักเรียนที่คุยน่าจะเป็นคนมีอัธยาศัยดี
หมวกสีเขียว - คือความคิดที่สร้างสรรค์ นำมาซึ่งทางเลือกใหม่และ วิธีแก้ปัญหาใหม่ เราต้องไม่ตัดสิน แต่ต้องตั้งข้อเสนอแนะความคิด ไอเดีย หรือมุมมองใหม่ๆขึ้นมา
ในเหตุการณ์ ที่นักเรียนคุยกัน ครูอาจจะมองเห็นจุดอ่อนของตัวเอง แล้วกลับไปตีโจทย์ว่าทำไมเด็กไม่ตั้งใจเรียนแล้วหาวิธีการสอนใหม่ๆ หรือ อาจารย์อาจจะถือโอกาสพุดคุยกับเด็กบ้าง ถือโอกาสสร้างสัมพันธ์ให้เกิดขึ้น
หมวกสีฟ้า - เป็นหมวกคิดของการวางแผน การจัดลำดับขั้นตอน หมวกสีฟ้าจะเป็นเหมือนประธานของที่ประชุมเป็นผู้บอกว่า เมื่อไรควรสวม หมวกสีใดหรือเปลี่ยนสวมหมวกสีใด
การคิดแบบหมวกสีฟ้าอาจครอบคลุม ประเด็นต่างๆ อาทิ ถึงตอนนี้เรากำลังคิดแบบใดอยู่ และคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว อะไรคือข้อสรุปที่ได้จากการทบทวนหลายรูปแบบ (หลายหมวกความคิด) และมีข้อน่าสังเกตหรือข้อท้วงติงใดบ้าง (เช่น กำลังหลงประเด็นอยู่หรือไม่ หรือใช้ความคิดแบบหมวกสีแดง มากไปหรือไม่)
ถ้ายังมึนๆแต่สนใจลองเข้าไปอ่านที่นี่ครับ
http://ccsmail.sut.ac.th/e-ru/student/sendfile/file325.doc
http://library.uru.ac.th/webdb/images/thedu16.htm
หรืออยากฟังก็ที่นี่ครับ (เริ่มที่เวลา 01:00:00)
สุดท้ายสิ่งที่ผมหวังจากเอนทรีนี้คือ อยากให้ผู้อ่านหลังจากรับ ข้อเท็จจริงในเรื่องต่างๆแล้ว
ลองมองสิ่งนั้นในหลายๆมุมมอง ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเราเองแล้ว การมองด้วยหมวกหลายๆ ใบ
จะทำให้อคติต่อสิ่งต่างๆ ลดลง และมองสิ่งๆนั้นตามความเป้นจริงได้มากขึ้นนะครับ
ขอบคุณที่มาข้อมูล http://siolence.exteen.com/20080401/entry
ที่มาภาพ http://spectrumeducation.com/
สวัสดีค่ะ ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้ทำให้ได้บทเรียนดีๆมากเลยค่ะ ครูแมวดีใจค่ะที่ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้ โอกาสหน้าจะขอเชิญไปทำกิจกรรมกับเด็กและครูที่ลำปางนะคะ เชิญพบพวกเราที่www.klskl.org ค่ะ
ขอบคุณค่ะ ครูแมว
ยินดีไปช่วยกิจกรรมที่ลำปางนะคะ ^^
ขอบคุณค่ะ..หากองค์กรสร้างวัฒนธรรมการประชุมตามแนวคิดนี้..ย่อมสร้างการมีส่วนร่วมของการทำงานเป็นทีมที่เข้มแข็งนะคะ..
สวัสดีค่ะ คุณป้านงนาท
ถ้าจัดประชุมลักษณะแบบนี้ได้ก็ดีค่ะ แต่ต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรในเรื่องการยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง การเคารพผู้อื่น ให้เกียรติผู้อื่น (หมายถึง ยอมที่จะรอฟังให้เพื่อนพูดให้จบก่อน แล้วค่อยแสดงความคิดเห็นอื่นๆ ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือคัดค้าน เคารพแม้ว่า จะอายุมากกว่าหรือน้อยกว่า การศึกษามากกว่าหรือน้อยกว่าเรา หรือเพศที่แตกต่าง หรือชาติที่แตกต่าง) บริหารความขัดแย้งแบบนี้ให้ได้ รับรองว่าจะได้ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ นวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายค่ะ