ข่าวอุตรดิตถ์


ข่าววันที่ 2 เมษายน 2553 

พ่อเมืองอุตรดิตถ์หนุน ขรก.ห่อข้าวมากินที่ทำงาน สนองศก.พอเพียง

นายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า จังหวัดมีนโยบายสำคัญ 2 ด้านที่ให้ข้าราชการทุกคนปฏิบัติตามคือ นโยบายประหยัดพลังงาน โดยร่วมใจประหยัดน้ำประปาประหยัดกระแสไฟฟ้า และร่วมใจประหยัดเชื้อเพลิงรถยนต์ทางราชการ และนโยบายสนองพระราชดำริองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยรณรงค์ให้ข้าราชการ ลูกจ้างห่อข้าวมารับประทานมื้อเที่ยง เพื่อประหยัดเงินด้วย

"ผมสนับสนุนเต็มที่สำหรับข้าราชการลูกจ้างที่นำอาหารมาร่วมรับประทานกันในหน่วยงาน เพราะนอกจากจะให้บริการประชาชนช่วงพักกลางวันแล้ว ยังเป็นการสร้างความผูกพันความสามัคคีในหน่วยงานของตัวเอง มีหัวหน้าส่วนราชการบางหน่วยงานที่ห้ามไม่ให้ห่อข้าวมารับประทาน ถือว่าขัดนโยบายของผม และทราบแล้วว่าเป็นหน่วยงานได จะเรียกมาสอบถามและให้ไปทำความเข้าใจกับผู้บังคับบัญชาใหม่ พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยสนองนโยบายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด" นายโยธินศร์ กล่าว

ข่าววันที่ 22 เมษายน 2553

เสื้อหลากสีอุตรดิตถ์กว่า300คน รวมตัวปกป้องสถาบัน

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 เมษายน ชาวอุตรดิตถ์กว่า 300 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพ่อค้าใน จ.อุตรดิตถ์ ประชาชนและข้าราชการ ในนามกลุ่มประชาชนอุตรดิตถ์ รักประชาธิปไตย นำโดยนายพนัส ใจภักดี อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อุตรดิตถ์ พรรคพลังธรรม สวมเสื้อหลากสี รวมตัวกันที่บริเวณหอนาฬิกา เขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ถือธงชาติและธงสีเหลืองโบกสะบัดไปมา พร้อมทั้งนำพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและชูป้ายเชิดชูปกป้องสถาบัน

 นอกจากนี้ยังพร้อมใจกันอ่านแถลงการณ์ 6 ข้อ คือ 1.ขอให้รัฐบาลบังคับใช้อำนาจรัฐตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ให้มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจของประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งประเทศ 2.เชิญชวนประชาชนทั่วไปเข้าร่วมแสดงออกต่อต้านผู้ละเมิดกฎหมาย และทำหน้าที่ในฐานะประชาชนคนไทยที่เคารพกฎหมาย 3.กลุ่มประชาชนอุตรดิตถ์ รักประชาธิปไตย จะยืนยันและยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันหลักสูงสุดเท่านั้น 4. กลุ่มประชาชนอุตรดิตถ์ รักประชาธิปไตยขอแสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่ทหารที่เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ 5. กลุ่มประชาชนอุตรดิตถ์ รักประชาธิปไตย ขอให้กำลังใจข้าราชการทั่วไป และผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงทหาร และตำรวจ ให้ยึดมั่นไว้ ซึ่งกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ และ 6.กลุ่มประชาชนอุตรดิตถ์ รักประชาธิปไตยขอยื่นหนังสือแถลงการณ์แสดงเจตจำนงต่อ 4 หน่วยงานหลักของประเทศ ผู้ว่าฯ ศาล ทหาร และตำรวจ


                                                           ข่าววันที่ 24 เมษายน 2553

                    พบแก๊สธรรมชาติพวยพุ่งจากปากท่อขณะขุดเจาะบ่อบาดาลหาน้ำสู้ภัยแล้ง ที่บ้านเลขที่ 22 / 4 หมู่ 1 บ้านบุ่งวังงิ้ว ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นบ้านของนายธนู โตเย็น อายุ 57 ปี บ่อบาดาลอยู่บริเวณหน้าบ้าน ห่างจากตัวบ้านประมาณ 10 เมตร มีท่อเหล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว โผล่ขึ้นเหนือพื้นดินประมาณ 1 ฟุต และยังคงมีอุปกรณ์ในการเจาะบ่อบาดาล กระจัดจายอยู่โดยรอบ
จากนั้นนายธนู ได้นำไฟแช็กจุดปากท่อพบว่ามีเปลวไฟพุ่งออกมาจากภายในท่อ เมื่อนำกระดาษซึ่งเป็นเชื้อเพลิงไปวางไว้ที่ปากท่อก็เกิดการลุกไหม้อย่างรวดเร็ว สร้างความประหลาดใจให้กับชาวบ้านที่มามุ่งดูเป็นอย่างยิ่งทั้งนี้ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินทำการเกษตรมาตั้งแต่สมัครบรรพบุรุษ หลังพบเรื่องประหลาด ไม่มั่นใจว่าลึกลงไปใต้ดินจะมีแหล่งแก๊สธรรมชาติหรือไม่ เพราะไม่มีความรู้ แต่ก็ไม่อนุญาตให้เพื่อนบ้านหรือใครเข้าไปใกล้หากไม่จำเป็น ประกอบกับอากาศร้อนจัดเกรงอันตราย ได้แจ้งไปยังผู้นำหมู่บ้านให้แจ้งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ นายเรืองชัย สงสำเภา พลังงานจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานการพบแก๊สจากการเจาะบ่อบาดาลที่ ต.ป่าเซา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นได้มอบหมายเจ้าหน้าที่พลังงานจังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบ เบื้องต้นให้สำรวจบริเวณโดยล้อมว่าอยู่ใกล้สถานีบริการเชื้อเพลิงหรือไม่ หากไม่มี ให้สำรวจประมาณของการเกิดแก๊สธรรมชาติดังกล่าวว่ามีมากน้อยเพียงใด 

                                                          ข่าววันที่ 27 เมษายน 2553 

ม็อบข้าวเปลือกปิดถ.สายเอเซียที่11พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย จี้"พรทิวา"แก้ปัญหา

                    เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 27 เมษายน นายนิ่ม  พรมทอง  นายยวง   อยู่มา และนายอิทธิรัตน์  บุญคง ตัวแทนเกษตรกรจังหวัดอุตรดิตถ์พร้อมด้วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปลัง จากพื้นที่ อ.ตรอน อ.พิชัย อ.ทองแสนขันและอ.ลับแล จำนวนกว่า 1,000 คน พร้อมด้วยรถอีแต๋น จำนวน 415 คัน ปิดถนนสายเอเซียที่ 11 บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 81-82 ถนนสายพิษณุโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย สี่แยกบ้าน้ำอ่าง ต.น้ำอ่าง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ โดยมีการนำรถติดตั้งเครื่องขยายเสียงกล่าวโจมตีภาครัฐบาลที่ไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาราคาข้าวเปลือกให้กับกลุ่มชาวนาผู้ปลูกข้าวนาปลัง ซึ่งในช่วงระยะ 15 วันที่ผ่านมา ราคาข้าวเปลือกซื้อขายจริงอยู่ที่ 5,500-5,700 บาทต่อตัน ในความชื่นที่ 23-27 %  แต่ราคากลางในการอ้างอิงในรอบสัปดาห์ ข้าวเปลือกจ้าวราคา 9,142 บาทต่อตัน ได้รับส่วนต่างชดเชย 858 บาทต่อตัน บวกแล้วชาวนาขายข้าวได้ไม่ถึง 7,000 บาท ในขณะที่ค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นทุกวัน ปุ๋ยแพง ยาแพงและราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้นทุกวันชาวนาจะอยู่กันอย่างไรชาวนาทุกคนที่มาประท้วงนี้ ไม่ได้สังกัดกลุ่มสีอะไร แต่มาเพราะความเดือดร้อนในเรื่องของราคาข้าวเปลือกตกต่ำ

                     ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรได้มีการเรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของราคาข้าวเปลือกที่โรงสีรับซื้อไม่ตรงกับความเป็นจริง ต้องการให้มีการขยายเปิดจุดรับซ์อข้าวเปลือกเพิ่มเติมอีก 7 จุด ใน 3 อำเภอรวมถึงเงินชดเชยประกันรายได้ที่ชาวนาได้รับต้องไม่ต่ำกว่า 2,500 บาทต่อตันและให้มีการจ่ายเงินชดเชย จำนวน2,500 บาทต่อตัน ตามที่เรียกร้องย้อนหลังไปตั้งแต่เริ่มโครงการในวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ประการสุดท้ายให้มีการขยายปริมาณการประกันรายได้ จำนวน 40 ตันต่อราย สิ่งที่สำคัญการแก้ไขปัญหาเรื่องข้าวในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไม่ต้องการรับฟังการแก้ปัญหาจากภาครัฐในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เนื่องจากไม่มีอำนาจในการแก้ไขปัญหาราคาข้าวให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปลังในจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ แต่ต้องการให้ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ขึ้นเครื่องบินมาลงที่อุตรดิตถ์ เพื่อชี้แจงให้กับเกษตรกรโดยตรงหาไม่แล้วจะทำการปิดถนนอยู่อย่างนี้ทุกวัน

                    ต่อมา นายศุภชัย  เหลืองแสงทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ นายวิฑูรย์  ศิริบูลย์  ภักดี ปลัดจังหวัดอุตรดิตถ์ พล.ต.ต .พิเชษฐ์ วัฒนลักษณ์ ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์ เข้าร่วมเจรจากับตัวแทนของกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อให้มีการเปิดถนนโดยให้เหตุผลว่า การชดเชยเงิตามที่เกษตรกรเรียกร้องไม่มีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่ให้มีการเปิดจุดรับซื้อทั้งหมด 7 จุด ในพื้นที่ อ.พิชัย อ.ตรอนและ อ.ทองแสนขัน ไม่สามารถทำได้เนื่องจากเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และคณะกรรมการข้าวโดยตรง สิ่งที่สำคัญโรงสีที่จะเข้าร่วมโครงการไม่มี  ในส่วนเรื่องของการขยายปริมาณการประกันรายได้ภาครัฐสามารถดำเนินการให้เกษตรกรได้เพียงแค่ 25 ตันต่อรายไม่สามารถขยายได้ถึง 40 ตันต่อรายตามที่เกาษตรกรเรียกร้อง เพราะเป็นมติจากส่วนกลาง การเจรจาครั้งนี้จึงไม่เป็นสำเร็จ เนื่องจากกลุ่มเกษตรกรไม่รับฟังการแก้ปัญหาจากภาครัฐในพื้นที่ และยืยยันจะทำการปิดถนนไปจนกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะลงมาแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรโดยตรงจึงจะยอมเปิดเส้นทางให้รถวิ่งตามปกติได้

                    พ.ต.อ.สมศักดิ์  อู่ตุ้ม ผกก.สภ.ตรอน กล่าวว่า ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรพร้อมป้ายบอกเส้นทางเลี่ยงม็อบปิดถนนของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปลังโดยให้ใช้เส้นทางสายรอง ตั้งแต่ป้อมป่าคาย ด่านช่างน้ำหนักไร่ห้วยพี้ ต.ป่าคาย เข้าพื้นที่เขตเทศบาลตำบลทองแสนขัน ผ่านไปถึงเส้นทางบ้านหนองกวาง ต.บ่อทอง อ.ทองแสนขันออกทะลุถนนสาย 11 ซึ่งรถยนต์ทุกชนิดสามารถวิ่งผ่านทั้งขาขึ้นและขาล่องได้ตลอดแม้นว่าม็อบจะปิดนานถึงสัปดาห์ทั้งนี้ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 นาย ดูแลให้ความปลอดภัยกับกลุ่มเกษตรกรในครั้งนี้ด้วย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  หลังจากการเจรจาระหว่างภาครัฐในจังหวัดอุตรดิตถ์ไม่เป็นผล และทราบข่าวว่านางพรธิวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะไม่ลงมาพูดคุยหรือเจรจาด้วยตนเองที่อุตรดิตถ์ แต่จะให้ตัวแทนเกษตกรและภาครัฐในจังหวัดอุตรดิตถ์ร่วมวงเจรจาที่กรุงเทพ ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปลังทั้งหมดไม่พอใจ จึงได้เตรียมรถอีแต๋นอีกจำนวนกว่า 200 คัน ไปปิดถนนที่บริเวณสี่แยกวังสีสูบ หมู่ 1 บ้านงิ้วงาม ต.งิ้วงาม อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เพิ่มในช่วงตอนบ่ายวันนี้

ข่าววันที่ 28 เมษายน 2553 

ชาวนาอุตรดิตถ์นำอีแต๋นปิดถนน จี้ รบ.แก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ

 

 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

28 เมษายน 2553 09:52 น.

 

 

 

 

       เกษตรกรทยอยนำรถอีแต๋นไปปิดถนนอุตรดิตถ์-พิษณุโลก บริเวณสี่แยกวังสีสูบ ต.งิ้วงาม อ.เมืองอุตรดิตถ์ เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ส่งผลให้การจราจรเข้าสู่ภาคเหนือ และภาคกลางได้รับผลกระทบ ซึ่งผู้ใช้รถต้องเลี่ยงไปใช้ถนนเลี่ยงเมือง
        แกนนำเกษตรยื่นข้อเรียกร้อง 4 ข้อ ให้กระทรวงพาณิชย์แก้ปัญหา ประกอบไปด้วย การเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือก อ.พิชัย ตรอน และทองแสงขัน รวม 7 จุด ให้รัฐบาลรับประกันรายได้ไม่ต่ำกว่า 2,500 บาทต่อตัน และจ่ายเงินย้อนหลังตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ รวมทั้งให้ขยายปริมาณการประกันรายได้ จาก 25 ตันต่อราย เป็น 40 ตันต่อราย หากภายใน 12.00 น.วันนี้ ไม่มีคำตอบจากกระทรวงพาณิชย์ จะยกระดับการชุมนุมขึ้นอีก โดยการปิดการจราจร
        นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนกุล อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแก้ปัญหา เนื่องจากราคาข้าวในประเทศมีราคาตกต่ำ สวนทางกับราคาข้าวของตลาดโลก

 

                                                    28 เมษา. 2553 11:28 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีกลุ่มเกษตรทำนาปรังจังหวัดอุตรดิตถ์ ชุมนุมประท้วงนำรถไทยแลนด์กว่า 400 คันจากอำเภอพิชัย ตรอน ลับและ และทองแสนขัน ปิดเส้นทางการจารจรที่ทางหลวงหมายเลข 11 อุตรดิตถ์-พิษณุโลก บริเวณสี่แยกวังสีสูบ หมู่ 2 ต.งิ้วงาม อ.เมืองอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการชุมนุม ซึ่งบรรยากาศตั้งแต่เช้าเกษตรกรเริ่มทยอยนำรถไทยแลนด์เดินทางมาสมทบตั้งแต่เช้าเพื่อปิดเส้นทางให้หนาแน่นมากขึ้น ส่งผลให้การสัญจรสู่จังหวัดภาคเหนือและภาคกลางยังคงได้รับผลกระทบ และผู้ใช้รถใช้ถนนต้องใช้ทางเลี่ยงเมืองแทน
นายสมชาย เกลื่อนเมฆ ตัวแทนเกษตรกร กล่าวว่า แกนนำได้ประชุมโดยมีมติเตรียมยกระดับการชุมนุมให้สูงขึ้นจากเดิม หากเวลา 12.00 น.วันนี้ยังไม่มีคำตอบหรือเอกสารยืนยันจากกระทรวงพาณิชย์ตามข้อเรียกร้อง 4 ข้อ ประกอบด้วย ให้เปิดจุดรับซื้อในเขตอำเภอพิชัย ตรอน และทองแสนขันรวม 7 จุด เพราะปัจจุบันมีโรงสีเปิดเข้าร่วมโครงการประกันรายได้เพียง 2 แห่งและอยู่ที่อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบในการขนข้าวส่งขายไกลกว่า 50 กิโลเมตร ให้รัฐบาลชดเชยเงินประกันรายได้ไม่ต่ำกว่าตันละ 2500 บาทและจ่ายย้อนหลังตั้งแต่เริ่มต้นโครงการคือวันที่ 1 มีนาคม และสุดท้ายให้ขยายปริมาณการประกันรายได้ 40 ตันต่อราย จากที่ปัจจุบัน 25 ต่อราย
โดยวันนี้(28 เมษายน)จะมีเกษตรกรอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ที่ได้รับผลกระทบเดินทางมาสมทบซึ่งจะทำให้การชุมนุมเข้มข้นมากขึ้น แต่ยืนยันว่าการชุมนุมไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มเสื้อสีใดๆทั้งสิ้น แต่ชาวนามาเพราะเดือดร้อน เบื้องต้นหลังเที่ยงวันหากไม่มีคำตอบที่ชัดเจนการยกระดับยังเป็นการปิดเส้นทางจารจรทางหลวงหมายเลข 11 แต่จะย้ายจุดซึ่งไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นจุดใด จึงเรียกร้องไปยังนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์พิจารณาความเดือดร้อนของชาวนาจังหวัดอุตรดิตถ์ด้วย

 

     

                                                    ข่าววันที่ 4 พฤษภาคม 2553

ปชช.เห็นด้วยโรดแมปปรองดอง5ข้อ มองเลือกตั้ง14พ.ย.เหมาะ

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัย “เอแบคเรียลไทม์โพลล์” เรื่อง ความสุขของประชาชน หลังทราบข่าว กลุ่ม นปช. รับแนวทางสร้างความปรองดอง 5 ข้อ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้ที่พักอาศัยอยู่ใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี กาญจนบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ ขอนแก่น ศรีสะเกษ สกลนคร หนองบัวลำภู ระนอง พัทลุง และสุราษฎร์ธานี จำนวนทั้งสิ้น 1,123 ครัวเรือน ดำเนินโครงการในวันที่ 4 พฤษภาคม 2553 พบว่า ประชาชนร้อยละ 60.5 ค่อนข้างเห็นด้วยถึงเห็นด้วยอย่างยิ่งต่อแนวทางเพื่อสร้างความปรองดอง 5 ข้อของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยร้อยละ 54.3 เชื่อมั่นต่อการปกป้อง เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ให้ถูกดึงเข้าสู่ประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง แต่ร้อยละ 14.2 ไม่เชื่อมั่น และร้อยละ 31.5 ไม่มีความเห็น ในขณะที่ร้อยละ 55.4 เชื่อมั่นต่อการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ต่างๆ แต่ร้อยละ 22.3 ไม่เชื่อมั่น และร้อยละ 22.3 เช่นกันไม่มีความเห็น

 

ที่น่าเป็นห่วงคือ ร้อยละ 39.8 เชื่อมั่นต่อการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างชัดเจน แต่ร้อยละ 38.9 ไม่เชื่อมั่น และร้อยละ 21.3 ไม่มีความเห็น นอกจากนี้ ไม่ถึงครึ่งหรือร้อยละ 44.9 เชื่อมั่นต่อการสนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างสร้างสรรค์ของสื่อมวลชน และเกือบครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 49.6 ที่เชื่อมั่นต่อการตั้งกฎกติกาทางการเมืองที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

 

อย่างไรก็ตาม  ร้อยละ 55.6 มองว่าการจัดการเลือกตั้งในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้ว แต่ร้อยละ 16.1 มองว่าช้าเกินไป และร้อยละ 28.3 มองว่าเร็วเกินไป

 

ขณะที่ ความสุขของประชาชนสูงถึง 6.72 จากระดับความสุขเต็มที่ 10.00 คะแนน หลังทราบข่าวกลุ่ม นปช. ประกาศรับแนวทางการปรองดอง 5 ข้อ อย่างไรก็ตาม ประชาชนก้ำกึ่งกันคือประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.2 เท่านั้นที่เลือกที่จะหวังและก้าวต่อไปข้างหน้า ในขณะที่ร้อยละ 49.8 ที่ยังคงกังวลและหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ข้างหน้าของประเทศไทย



หลากสีอุตรดิตถ์พาเด็กร่วมป้องสถาบันปลูกฝังให้รัก"ในหลวง"

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. นายกิติพงษ์ วิรุฬห์ศรี อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อดีตเลขานุการสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อุตรดิตถ์ และแกนนำคนสวมเสื้อหลากสี จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ทุกเย็นตั้งแต่เวลา 17.00 น.ของทุกวัน ชาวอุตรดิตถ์พร้อมใจกันสวมเสื้อหลากสี แม้แต่ชาวอุตรดิตถ์ที่สวมเสื้อสีแดงเพราะเราไม่แบ่งแยกว่าสีไดก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมร้องเพลิงชาติไทยที่บริเวณหอนาฬิกา เขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ เพื่อแสดงออกว่าชาวอุตรดิตถ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นที่เคารพของคนไทยทุกคน แต่วันนี้กลับมีนักการเมืองระดับชาติกลุ่มหนึ่ง นปช. และเสื้อแดง พยายามจะทำลายลง เราคนอุตรดิตถ์ยอมไม่ได้กับเรื่องนี้ จึงต้องแสดงออกด้วยความสงบดังกล่าว

 

 “เป็นที่น่าชื่นชมที่ผู้ปกครองหลายคนนำลูกหลานลุกเล็กเด็กแดงมาร่วมแสดงพลังเงียบด้วย ซึ่งทุกคนที่นำบุตรหลานมาเนื่องจากเป็นการปลูกฝังให้เด็กเล็กได้รักและซึมซับว่า ทำไมวันนี้คนไทยส่วนใหญ่และคนอุตรดิตถ์ทำไมถึงรักเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และทุกวันจะมีเด็ก ๆจำนวนมากมาร่วมยืนโบกสะบัดธงชาติไทยและธงตราสัญญาลักษณ์ของในหลวง ดังนั้นนักการเมือง นปช.และเสื้อแดงที่คิดจ้องทำลายสถาบันถึงจะรู้หรือไม่ก็ก็ตามควรมียางอายเด็กอุตรดิตถ์บ้างที่ยังรักและเคารพในหลวงด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์จริง ๆ” นายกิติพงษ์ กล่าว

 

ข่าววันที่ 10 พฤษภาคม 2553

ถล่มเอ็ม79ใส่กู้ภัยมูลนิธิอุตรดิตถ์สงเคราะห์ ปมแย่งคนป่วยนำส่งรพ.

เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 10 พฤษภาคม ร.ต.ท.จิตติพงษ์   จินาเคียน พงส.สบ.1 สภ.เมืองอุตรดิตถ์ รับแจ้งเหตุยิง M 79 เข้าใส่ที่ศาลหลวงปู่ไต้ฮงกง เลขที่ 146 หมู่ 8 บ้านบุ่งวังงิ้ว ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ บริเวณสี่แยก ช้าง ม้า วัว ควาย ขาออกเมืองอุตรดิตถ์จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบและรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐ วัฒนลักษณ์  ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์  พ.ต.อ.ศิรินทร์   จันทวานิช  รอง ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์  พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ   ภาคภูมิ ผกก.กลุ่มงานสืบสวน ภ.จว.อุตรดิตถ์  พ.ต.อ.นิคม   เอี่ยมสำอางค์ ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ และ พ.ต.ท.สมเกียรติ  เสวกมหารี นวท.(สบ.3) หน.วท.จ.อุตรดิตถ์  


ที่เกิดเหตุเป็นที่ตั้งของศาลหลวงปู่ไต้ฮงกงและเป็นที่ตั้งของสำนักงานสมาคมกู้ภัยมูลนิธิอุตรดิตถ์สงเคราะห์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรอยกระจกแตกเป็นรูจำนวนมาก ที่บริเวณด้านขวามุมสุดหน้าห้องซึ่งเป็นโต๊ะทำงานของนายทองอยู่  ล้อมวลีรักษ์ นายกสมคมกู้ภัยมูลนิธิอุตรดิตถ์สงเคราะห์ ที่บริเวณม้าหินอ่อนด้านนอกห้องและผนังคานปูนที่นั่งหลังม้าหินอ่อน เสาตัวอาคารของศาลหลวงปู่ไต้ฮงกง มีร่องรอยกระเทาะแตกออกเป็นชิ้นโดยมีเศษปูนตกเกลื่อนบนพื้นและยังพบเศษวัตถุคล้ายหัวกระสุนปืนตกอยู่ ส่วนที่บริเวณด้านหน้าติดกับถนนสายเอเซีย พิษณุโลก-เด่นชัย ซึ่งเป็นซุ้ม
ประตูทางเข้าศาล บริเวณแผ่นป้ายบอกชื่อศาลหลวงปู่ไต้ฮงกง สูงประมาณ 15 เมตร พบร่องรอยกระสุนปืนกระแทรกทำให้ปูนบนป้ายแตกเล็กน้อย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบหัวกระสุนปืน M79 ที่ยังไม่ถูกระเบิดออกหรือไม่ทำงานตกอยู่กลางพื้นถนนทางเข้าศาล จำนวน 1 ลูก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว


จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิอุตรดิตถ์สงเคราะห์ รับแจ้งเหตุคนถูกทำร้ายร่างกายเหตุเกิดที่บริเวณวัดแนวคีรี ในเขตเทศบาลตำบลท่าเสา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ จึงรีบรุดไปรับผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลอุตรดิตถ์เพื่อทำการรักษา ขณะเดียวกันได้เกิดมีปากเสียงโต้แย้งกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยแห่งหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งเพิ่งเริ่มก่อตั้งใหม่ในเรื่องของการนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล เพื่อหวังในเรื่องของค่าตอบแทนจากภาครัฐ มีการข่มขู่อาฆาตกันเอาไว้ จนกระทั่งมีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกพยานในที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อมมาทำการสอบปากแล้วจำนวนกว่า 10 ปาก เพื่อหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมออกหมายเรียกนายวัลลภ  พิธีพรม อายุ 25 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลท่าเสา มาทำการสอบปากคำเพื่อขยายผลต่อไป



ข่าววันที่ 11 พฤษภาคม 2553

ออกหมายจับการ์ดแดงบึ้มมูลนิธิอุตรดิตถ์สงเคราะห์ เผยหนีเข้ากรุงร่วมม็อบ


เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พล.ต.ต.พิเชษฐ วัฒนลักษณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) อุตรดิตถ์ กล่าวถึง ความคืบหน้ากรณีคนร้ายยิงเอ็ม 79 ใส่สำนักงานกู้ภัยมูลนิธิอุตรดิตถ์สงเคราะห์ เมื่อเช้าวันที่ 10 พฤษภาคม ว่าสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อม กว่า 10 ปาก ทำให้ทราบความคืบหน้าคดี เชื่อว่าการยิงหวังเอาชีวิต ไม่ใช้การยิงเพื่อข่มขู่ สาเหตุมาจากการแย่งผู้ป่วยนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนออกหมายจับ นายวัลลภ พิธีพรม อายุ 25 ปี อยู่ที่ 119 ถนนสำราญรื่น ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ และนายชลทิศ โพธิ์แย้ม อายุ 24 ปี อยู่ที่ 104 หมู่ 3 ต.ในเมือง อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ทั้งคู่เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลตำบลท่าเสา และเป็นการ์ดให้กลุ่มเสื้อแดงอุตรดิตถ์ หลังเกิดเหตุทั้งคู่ หลบหนีเข้าไปอยู่กรุงเทพฯกับกลุ่มเสื้อแดง คงต้องรอให้กลุ่มเสื้อแดงสลายการชุมนุมก่อน จึงจะจับกุมข้อหาพยายามฆ่าและมีอาวุธปืนสงครามไว้ในครอบครอง


หมายเลขบันทึก: 359085เขียนเมื่อ 16 พฤษภาคม 2010 10:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 15:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท