KRUJOY (ครูจ่อย)
นาย ทรงศักดิ์ เสือ ภูเก้าแก้ว

ข้อคิดสำหรับครู


การสอนแบบพุทธวิธี

 

 

                อนุปุพพิกถา ธรรมสำหรับฟอกใจ

                                                                 ๑๓ พ.ค.๒๕๕๐ อภิชาติ พรสี่

        อนุปุพพิกถา เปรียบกับการซักผ้า

          การเปรียบเทียบขั้นตอนการแสดงอนุปุพพิกถากับขั้นตอนการซักผ้า จะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ขั้นแรกเป็นการโน้มน้าวใจผู้ฟังก่อน เมื่อสนใจแล้วจึงแสดงอนุปุพพิกถาและอริยสัจ๔ ขั้นแรกนี้เปรียบเหมือนกับต้องแช่ผ้าไว้ก่อนเพราะผ้ามีสิ่งสกปรกติดแน่นอยู่ เปรียบได้ว่า บางครั้งมีบุคคลบางพวกที่มีปัญหา คือยังไม่สนใจที่จะมานั่งฟังธรรมกับพระองค์ ฉะนั้นก่อนที่จะแสดงอนุปุพพิกถา พระองค์จะทรงโน้มน้าวใจ เพื่อสร้างศรัทธาให้อยากฟังธรรมก่อน เพราะบุคคลบางพวกมีสภาวะจิตใจที่ไม่พร้อมจะฟังธรรมจากพระองค์ เช่น ยังสงสัยในคำสอน ยังสงสัยในตัวผู้สอน ยังมีจิตที่เคร้าหมองอยู่ จะเห็นว่าปัญหาแรกที่พระพุทธเจ้าทรงเผชิญก็คือ ผู้ที่พระองค์จะทรงโปรดนั้น ยังไม่สนใจที่จะมานั่งฟังธรรมกับพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงโน้มน้าวใจในรูปแบบต่างๆ ตามความแตกต่างของปัญหาในแต่ละคน และก็ประสบผลสำเร็จเสมอมา คือ พระองค์สามารถสร้างศรัทธาเบื้องต้นให้บุคคลเหล่านั้นหันมาสนใจนั่งฟังธรรมกับพระองค์อย่างตั้งใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าศึกษาว่าพระพุทธเจ้าทรงแก้ไขปัญหานั้นอย่างไร เพื่อจะได้นำวิธีการนั้น ใช้เป็นแนวทางให้เกิดประโยชน์ในสมัยปัจจุบัน 

 

         อนุปุพพิกถา ในพระไตรปิฏก 

         ในการแสดงอนุปุพพิกถานั้น ในพระไตรปิฏกจะแสดงไว้ว่า เมื่อบุคคลที่พระพุทธเจ้าจะทรงโปรด สนใจเข้ามานั่งใกล้พร้อมที่จะฟังธรรมแล้ว พระองค์จึงทรงแสดง อนุปุพพิกถา อันประกอบด้วย ทานกถา สีลกถา สัคคกถา กามทีนวกถา เนกขัมมานิสัขกถา หลังจากฟังจนจบและเข้าใจแล้ว จิตผู้นั้นจะเป็นจิตที่ประณีตขึ้น เมื่อพระองค์ทราบดังนั้นจึงทรงแสดงอริยสัจ๔ ซึ่งเป็นธรรมขั้นปรมัตถ์ เป็นธรรมเพื่อให้เข้าถึงความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง เมื่อได้ฟังและรู้ธรรมแล้วบางคนก็บรรลุเป็นพระโสดาบัน บางคนก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ บางคนก็ขอถึงซึ่งพระรัตนตรัย เนื้อหาในพระไตรปิฏกก็มีเพียงแค่นี้ จะสังเกตุว่ารูปแบบและวิธีการแสดงอนุปุพพิกถานั้นไม่ได้แสดงไว้ บอกเพียงว่า อนุปุพพิกถา ประกอบด้วย ทานกถา สีลกถา สัคคกถา กามทีนวกถา เนกขัมมานิสัขกถา เมื่อพิจารณาในแต่ละหัวข้อธรรม เช่น ทานกถา พระพุทธเจ้าจะทรงสอนเรื่องทาน ไว้มากมาย ทำให้ไม่ทราบว่าในขณะที่พระองค์สอนอนุปุพพิกถาในเรื่องทานกถานั้นมีเนื้อหาและลีลาการเทศนาธรรมเป็นอย่างไร สัมพันธ์กับหัวข้อธรรมอื่น คือ สีลกถา สัคคกถา กามทีนวกถา เนกขัมมานิสัขกถา อย่างไร และอนุปุพพิกถาทำไมจะต้องมีหัวข้อธรรม ๕ ข้อ ดังกล่าวด้วย เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาและอุปสรรคของการแสดงอนุปุพพิกถาของคนในสมัยปัจจุบัน แต่ก็มีนักปราชญ์ได้อธิบายในหนังสือบรมธรรม ภาคปลาย ของท่านพุทธทาส ว่า ผู้แสดงอนุปุพพิกถา ต้องสามารถทำให้ผู้ฟังเข้าใจชนิดที่เรียกว่า ทำให้เกิดความเห็นแจ้งโดยอาศัย ประสบประการณ์ทางจิตวิญญาณที่มีอยู่ (spiritual experience) จึงจะเข้าใจและพัฒนาจิตใจให้ละเอียดประณีตขึ้นพร้อมที่จะเข้าใจในปรมัตถธรรม คืออริยสัจ๔ ต่อไป          
       

      ธรรมะ คือ ความจริงที่สอนไปตามลำดับโดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงสอนให้รู้แจ้งในสัจธรรม แต่การรู้แจ้งในธรรมะนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในทางตรงกันข้ามจะรู้แจ้งธรรมะได้นั้นต้องศึกษาปฎิบัติไปตามลำดับขั้นตอน ดังที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

"... ธรรมวินัยนี้มีการศึกษาไปตามลำดับ มีการบำเพ็ญไปตามลำดับ ไม่ใช่มีการบรรลุอรหัตตผลโดยทันที เหมือนมหาสมุทรต่ำไปโดยลำดับ ลาดไปโดยลำดับ ลึกลงไปโดยลำดับ ไม่ลึกชัน ดิ่งไปทันที..." 


        อีกตัวอย่างหนึ่งที่พระพุทธเจ้าทรงอธิบายขั้นตอนการบรรลุอรหัตตผล ซึ่งต้องมีการศึกษาปฏิบัติไปเป็นลำดับขั้นตอน ดังพุทธพจน์ที่ว่า 
" ภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าวการบรรลุอรหัตตผลด้วยขั้นเดียวเท่านั้น

แต่การบรรลุอรหัตตผล ย่อมมีได้ด้วยการบำเพ็ญสิกขาโดยลำดับ

ด้วยการบำเพ็ญกิริยาโดยลำดับ ด้วยการบำเพ็ญปฏิปทาโดยลำดับ

การบรรลุอรหัตตผล ย่อมมีได้ด้วยการบำเพ็ญสิกขาโดยลำดับ "


        ด้วยการบำเพ็ญกิริยาโดยลำดับ ด้วยการบำเพ็ญปฏิปทาโดยลำดับ เป็นอย่างไรคือ กุลบุตรในศาสนานี้ เกิดศรัทธาแล้วย่อมเข้าไปหา เมื่อเข้าไปหาย่อมนั่งใกล้ เมื่อนั่งใกล้ย่อมเงี่ยโสตลงสดับ เงี่ยโสตลงสดับแล้วย่อมฟังธรรม ครั้นฟังธรรมแล้วย่อมทรงจำไว้ ย่อมพิจารณาเนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้แล้ว เมื่อพิจารณาเนื้อความอยู่ ธรรมทั้งหลายย่อมควรเพ่งพินิจ เมื่อมีการเพ่งพินิจธรรมอยู่ ฉันทะย่อมเกิด กุลบุตรนั้นเกิดฉันทะแล้ว ย่อมอุตสาหะ ครั้นอุตสาหะแล้ว ย่อมไตร่ตรอง ครั้นไตร่ตรองแล้ว ย่อมอุทิศกายและใจ เมื่ออุทิศกายและใจแล้ว ย่อมทำให้แจ้งสัจจะอันยอดเยี่ยมด้วยนามกาย และเห็นแจ่มแจ้งสัจจะอันยอดเยี่ยมนั้นด้วยปัญญา

          ภิกษุทั้งหลาย ถ้าศรัทธาไม่มี การเข้าไปหา การนั่งใกล้ การเงี่ยโสตลงสดับการฟังธรรม การทรงจำธรรม การพิจารณาเนื้อความ ความเพ่งพินิจธรรม ฉันทะ อุตสาหะ การไตร่ตรอง และการอุทิศกายและใจก็ไม่มี เธอทั้งหลายเป็นผู้ปฏิบัติพลาด เป็นผู้ปฏิบัติผิด โมฆบุรุษเหล่านี้ได้ก้าวออกไปจากธรรมวินัยนี้ไกลเท่าไร  

             
         จากพุทธพจน์เบื้องต้น จะเห็นว่าแนวทางการปฏิบัติธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำคือการศึกษาและปฏิบัติไปตามลำดับขั้นตอน ซึ่งรูปแบบที่เห็นได้ชัดเจนและปรากฏบ่อยๆในพระไตรปิฏกซึ่งการปฏิบัติธรรมที่ตรงตามแนวทางนี้ก็คือ การศึกษาตามแนวอนุปุพพิกถา ซึ่งมีรูปแบบและวิธีการสอนไปตามลำดับขั้นตอน มีด้วยกัน ๖ ขั้นตอน คือ

ขั้นตอนที่ ๑ พรรณาถึงเรื่องทาน (ทานกถา

ขั้นตอนที่ ๒ พรรณาถึงเรื่องศีล (สีลกถา

ขั้นตอนที่ ๓ พรรณาถึงเรื่องสวรรค์ (สัคคกถา

ขั้นตอนที่๔ พรรณาถึงเรื่องโทษ ความต่ำทราม ความเศร้าหมองแห่งกาม(กามาทีนวกถา

ขั้นตอนที่๕ พรรณาถึงเรื่องอานิสงส์แห่งการออกจากกาม (เนกขัมมานิสังสกถา

ขั้นตอนที่ ๖ ประกาศสามุกกังสิกธรรมเทศ หรือ อริยสัจ ๔(จะแสดงก็ต่อเมื่อผู้ฟังมีจิตควรรับฟังอริยสัจ ๔ เท่านั้น 

       

        อนุปุพพิกถา ในปัจจุบัน 

       
 ปัจจุบันการเทศนาธรรมของพระสงฆ์ส่วนใหญ่ไม่เป็นไปตามแนวอนุปุพพิกถา กล่าวคือ ผู้เทศนา(ธรรมกถึก เทศนาตามใจผู้ฟัง บ้างก็แสดงธรรมขั้นสูงเกินไปจนทำให้ผู้ฟังส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ บ้างก็แสดงธรรมขั้นพื้นฐานอย่างเดียวโดยไม่พัฒนาให้สูงขึ้นตามลำดับ จากปัญหาเหล่านี้อาจเป็นไปได้ว่า การที่คนในสมัยปัจจุบัน ไม่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนได้ก็เพราะเหตุที่ว่าส่วนหนึ่งไม่ได้ฟังธรรมตามลำดับขั้น การเทศนาธรรมของนักเทศน์ในปัจจุบัน ถึงแม้ถึงแม้ผู้เทศน์จะไม่มีคุณสมบัติเหมือนพระพุทธองค์ก็ตาม แต่ก็ควรที่จะยึดแนวทางตามพุทธวิธี หรือรูปแบบการเทศนาธรรมอนุปุพพิกถาที่พระพุทธองค์แสดงไว้เป็นแบบอย่าง ปัจจุบันการเผยแผ่พระพุทธศาสนาจำเป็นจะต้องมีการประยุกต์ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำผิดเพี้ยนไปจากหลักการในพระพุทธศาสนาดั้งเดิมมากจนเกินไป ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาถึงหลักการต่างๆ ที่ใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในครั้งพุทธกาล เพื่อเป็นแนวทางในการประยุกต์ใช้ในสังคมปัจจุบัน...

               

คำสำคัญ (Tags): #การเรียนรู้
หมายเลขบันทึก: 358730เขียนเมื่อ 15 พฤษภาคม 2010 03:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 เมษายน 2012 06:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะคุณครู

อ่านธรรมยามเช้า จิตใจดีแต่เช้าค่ะ

ขอบคุณค่ะ

  • ขอบคุณมากๆครับคุณถาวร
  • สำหรับมิตรภาพที่มีให้กันเสมอมา

สวัสดีค่ะ

  • มาศึกษาเรื่องธรรมะที่น่าสนใจ
  • ขอขอบคุณที่ขยายความให้เข้าใจพุทธพจน์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

สวัสดีค่ะคุณครู ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆคะ

 

  • ขอบคุณครับคุณครูกรุณา
  • สำหรับมิตรภาพพร้อมดอกไม้สวยๆ
  • โชคดีเช่นกันนะครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท