การศึกษาคืออะไร?…ยุคสมัยและปรัชญาการศึกษาที่เปลี่ยนไป.
การศึกษาคือการเจริญงอกงาม ( Education is Growth )
การศึกษาคือการพัฒนามนุษย์ ( Education is Human development )
ปัจจุบันการศึกษาคือ…..การเปลี่ยนแปลง ( Education is Change )….และปฏิรูปการศึกษาใหม่ตามแนวปรัชญาการสร้างองค์ความรู้โดยผู้เรียน( Constructivisium )คือสังคมเป็นศูนย์กลางหรือนักเรียนสำคัญที่สุดย้ายอำนาจจากรัฐจัดการศึกษาเป็นการคืนการศึกษาแก่ประชาชนขณะที่การศึกษาที่เหมาะที่สุดในโลกยุคใหม่คือการศึกษาเพื่อการปลดปล่อย
ด้วยเหตุดังกล่าวการศึกษาจึงจำเป็นต้องความเอาใจใส่ดูแลฟูมฟักเสมือนหนึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเช่นกัน ดังคำกล่าวที่ว่า " การเรียนรู้คือพลัง ( Knowledge is Power) " การเรียนรู้โดยการกระทำ(Learning by Doing) หรือการเรียนรู้ตลอดชีวิต ( Lifelong Learning )
ผู้เรียน ( Students )
การจัดระบบการศึกษาต้องการให้ผู้เรียนรักการศึกษาค้นคว้า ใฝ่หาความรู้หรือบุคคลแห่ง การเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเองซึ่งจำเป็นต้องศึกษา สภาพปัจจุบัน สภาพปัญหาหรือสภาพความต้องการของสังคม ทั้งนี้การจัดสร้างโครงงานที่มีคุณภาพและสมบูรณ์นั้นผู้เรียนจะต้องศึกษาขอบเขตโครงงานให้ชัดเจนซึ่งประกอบด้วย หลักการโครงงาน แผนโครงงาน เทคนิค การดำเนินการและการนำเสนอเพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เรียนให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่าง มีความสุข โดยผู้เรียนจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน ดังนี้ ดังแผนภูมิ 1.4
1. สำรวจตนเอง ( Explore ) หมายถึง ผู้เรียนศึกษาความพร้อม ความถนัดและความสนใจตามสภาพความเป็นจริงประกอบด้วย ด้านการศึกษา ด้านอาชีพ ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม เรียกว่า “ ค้นพบตนเอง ”
2. สร้างองค์ความรู้ ( Research ) หมายถึง ผู้เรียนศึกษาค้นคว้ารูปแบบการเรียนรู้ตามระดับความสามารถ สร้างองค์ความรู้มุ่งสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ ข้อมูลเอกสาร ตำราจากแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น ห้องสมุด ชุมชน หรือแหล่งข้อมูลต่างๆ เรียกว่า “ เข้าใจตนเอง ”
3. คิดเป็น ( Systemic Thinking ) หมายถึง ผู้เรียนศึกษากระบวนการคิด กระบวนการ วางแผนอย่างมีระบบมีขั้นตอน คิดริเริ่ม คิดสร้างสรรค์ มีเหตุผล และหลักฐานอ้างอิงทางวิชาการได้อย่างชัดเจนถูกต้อง เรียกว่า “ คิดถูกต้อง ”
4. ทำเป็น ( Systemic Doing ) หมายถึง ผู้เรียนศึกษากระบวนการสร้างงานหรือกระบวนการแปรสภาพประกอบด้วยการดำเนินการบริหารและจัดการ วัสดุอุปกรณ์ การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีได้อย่างประหยัดและปลอดภัยเรียกว่า “ ทำถูกต้อง ”
5. แก้ปัญหาได้ ( Problem Solving ) หมายถึง ผู้เรียนศึกษาค้นคว้ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบสวนสอบสวน วิเคราะห์เหตุผล ประเมินผล ขอคำปรึกษาชี้แนะจากที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ควบคุมโครงงานอย่างต่อเนื่องจนเสร็จสิ้นโครงงานนำผลงานไปใช้ประโยชน์ในชีวิตและสังคมต่อไป เรียกว่า “ ภูมิใจตนเอง ”
ทั้งนี้ กระบวนการจัดสร้างโครงงานมีผลมาจากลักษณะการเชื่อมโยงประสบการณ์การเรียนรู้กับรูปแบบการสร้างงานเป็นการบูรณาการความหลากหลายทางวิชาการกับข้อมูลพื้นฐาน ที่นำมาสนับสนุนส่งเสริมการสร้างสรรค์โครงงานหรือหัวข้อกรณีศึกษาให้สอดคล้องกับภูมิปัญญาท้องถิ่นและความต้องการของสังคม
สรุป ( Conclusion )
การจัดการศึกษาของชาติได้กำหนดเป้าหมายการศึกษาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสังคมโลกที่หลากหลายโดยกำหนดหัวข้อสำคัญ 3 ประการคือ
หลักสูตร(Curriculum )หมายถึงเอกสารทางวิชาการหรือประมวลประสบการณ์ที่ใช้เป็น แนวทางในการจัดการศึกษาโดยยึดแนวปรัชญาการสร้างองค์ความรู้โดยผู้เรียน (Constructivisium) ขณะที่จุดมุ่งหมายต้องการให้ผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นได้สำรวจความพร้อมของตนเองและมัธยมศึกษาตอนปลายได้เตรียมการเข้าสู่อาชีพ
การจัดกิจกรรมการเรียน (Major Activities ) หมายถึงรูปแบบวิธีสอนการจัดกิจกรรมและ การประเมินผลตามหลักวิธีสอนที่ตอบสนองความพร้อมและศักยภาพของนักเรียนคือนักเรียนเป็นศูนย์กลาง (Child Center )หรือความต้องการของสังคมประกอบด้วยสาระความรู้ 3 ด้าน คือ ด้านการศึกษา(Education )ด้านทักษะอาชีพ( Occupation )และด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม(Social & Environment )
ผู้เรียน(Students)หมายถึงผู้เรียนจะต้องศึกษาแนวทางการจัดการศึกษาและปรับเปลี่ยน พฤติกรรมการเรียนรู้ซึ่งประกอบด้วย สำรวจตนเอง ( Explore ) สร้างองค์ความรู้ ( Research ) คิดเป็น ( Systemic Thinking ) ทำเป็น ( Systemic Doing )และ แก้ปัญหาได้ ( Problem Solving ) ตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ที่มุ่งให้ผู้เรียนเป็นคนดี คนมีปัญญา คนมีความสุขและรักความเป็นไทย
ด้วยหลักการและแนวทางดังกล่าวจึงต้องนำเสนอกระบวนการเรียนรู้และเพื่อชี้แนะผู้เรียนให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียน มีความคิด รู้อารมณ์ รู้สติ สามารถปรับตัวรับได้กับสิ่งที่คาดหวังและไม่คาดหวังให้เกิดขึ้น ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสังคมก้าวทันความเปลี่ยนแปลงทางด้านการศึกษา เทคโนโลยี อาชีพ สังคมและสภาพแวดล้อม
ดัง.." เลาซู " ปราชญ์ชาวจีนกล่าวว่า “ ถ้า….ฉันให้ปลาแก่ท่านหนึ่งตัว ฉันก็ช่วยให้ท่านได้รอดเพียงหนึ่งมื้อ แต่ถ้า…ฉันสอนวิธีจับปลาให้แก่ท่าน ฉันก็จะช่วยให้ท่านได้รอดไปตลอดชีวิต ” ความหมายเชิงอุปมาคือว่า……จงสอนวิธีจับปลาให้เขาแต่อย่าเอาปลาไปให้เขา…..เพราะเมื่อเขากินปลาหมดเขาจะอดตายคือการสอนให้ผู้เรียนรู้จักการแก้ปัญหาด้วยตนเอง
|
ไม่เห็นชอบ เพราะ ไม่มีความรู้มากต้องมีสาเหตุกว่าเดิม