ดูดี...ทำได้ไม่ต้องเดี๋ยว


ดูดี...ทำได้ไม่ต้องเดี๋ยว

ดูดี...ทำได้ไม่ต้องเดี๋ยว 

หลายคนอาจยังไม่เห็นคุณค่าของการพัฒนาบุคลิกภาพ ...

ต่อไปนี้เป็นคำถามที่จะช่วยทำให้เข้าใจ และเห็นได้ว่าบุคลิกภาพมีประโยชน์ต่อการพัฒนาความน่ามอง ความดูดี และความมีราคาของคนทุกคน ช่วยให้เป็นคนที่น่าคบ มีประสิทธิภาพ และมีความสุข ซึ่งทุกคนสามารถลงมือทำได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องผัดผ่อน แล้วความดูดีจะปรากฏขึ้นในบัดดล

บุคลิกภาพสำคัญอย่างไร

บุคลิกภาพเป็นสิ่งที่ทำให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว เป็นวิถีแทนความคิดและการกระทำ สามารถสร้างความรู้สึกต่อผู้พบเห็นว่าชอบหรือไม่ชอบ หรือเกิดความรู้สึกต่อคนคนนั้นอย่างไร ทำให้คนเกิดความรู้สึกทางใจ หรืออารมณ์ โดยไม่ต้องใช้ความคิด สติปัญญา หรือการตัดสินใจที่ต้องใช้เหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น บุคลิกภาพที่ดีจึงเป็นทั้งเสน่ห์และอำนาจ และเป็นที่ชื่นชอบของคนโดยทั่วไป ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น

บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงได้ไหม

บุคลิกภาพเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้เสมอ ยิ่งในยุคโลกาภิวัตน์ที่ทุกคนต้องเข้าสู่สังคมโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การปรับบุคลิกภาพให้ได้มาตรฐานสากลจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ดังนั้นทำอย่างไรเราจึงจะเป็นบุคคลที่เป็นที่น่าเชื่อถือ ไว้วางใจ สง่างาม สดใส ทันสมัย และดูจริงใจ ก่อนอื่นเราต้องตระหนักว่าทุกสิ่งที่เราต้องการข้างต้นนั้นต้องเริ่มมาจากภายใน นั่นคือ ความคิด เมื่อคิดแล้วก็จะเกิดการแสดงออกผ่านทางภาพลักษณ์และน้ำเสียงที่ดี จนถ่ายทอดเป็นการกระทำที่ประทับใจ ต้องท่องไว้เสมอว่า ฉันจะเติมแต่งชีวิตให้มีความสุขทุกวัน

เคล็ดลับในการสร้างความน่าเชื่อถือ

ต้องมาจากภาพลักษณ์ คือ เสื้อผ้าหน้าผมที่ดี ของใช้ที่เหมาะสม ภูมิฐาน ตลอดจนกิริยาในแต่ละอิริยาบถ ท่านั่ง ท่าเดิน ท่ายืน การไหว้ที่ดูดี ซึ่งจะเป็นดั่งเกราะที่ดึงดูดใจผู้พบเห็น นั่นคือมีมาดที่ดี เมื่อมาดดีย่อมทำให้เกิดความสง่างาม รู้สึกน่าไว้วางใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความสดใสด้วยสีหน้าที่มีชีวิตชีวา เทคนิคคือให้คิดว่าบนหน้าผากของคนที่เราพูดคุยด้วยมีคำว่า “ช่วยทำให้ฉันเป็นคนพิเศษหน่อยสิ” ติดอยู่

ส่วนเรื่องทันสมัยนั้น หมายถึง เราต้องเป็นคนทันโลก ทันเหตุการณ์ มีเรื่องราวเชิงบวกในการสนทนา ปัจจุบันใน 1 วัน หนึ่งในสี่ของระบบความคิดของคนจะคิดแต่เรื่องลบ เพราะฉะนั้นต้องสรรหาเรื่องที่น่าสนใจและสร้างสรรค์มาเป็นหัวข้อการพูดคุย ตลอดจนการแต่งกายก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนลุค เช่น อย่าไว้ผมทรงเดิมตลอด อย่าแต่งชุดโทนสีเดิมตลอด เป็นต้น

เราจะสื่อสารความจริงใจให้คนอื่นรู้ได้อย่างไร

สามารถแสดงออกผ่านการพูดที่ให้เกียรติ ใช้สรรพนามและคำลงท้ายที่สุภาพ อ่อนหวานโดยต้องใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยน ท้ายประโยคมีการทอดเสียงไม่กระชาก ห้วน หรือเสียงแข็ง อีกทั้งไม่ควรพูดแบบอวดรู้ เช่น อยากจะแนะนำอะไรสักอย่างก็ให้ใช้คำว่าขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติมแทน เป็นต้น พร้อมใช้สายตาหรือ Eye Contact โดยแนะนำให้มองตาข้างใดข้างหนึ่งของคู่สนทนา เพื่อแสดงความใส่ใจและทำให้สายตาดูอ่อนลงไม่เป็นการจ้องหน้ามากเกินไป อีกเรื่องที่สำคัญคือระยะห่าง ไม่ควรเข้าไปใกล้เกิน 1 ช่วงแขนในกรณีที่ไม่สนิท เพราะระยะนั้นเป็นระยะพื้นที่ส่วนตัว ถ้าจำเป็นให้ขออนุญาตด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ

มีองค์ประกอบอะไรบ้างที่เราต้องสร้างและพัฒนา  ขอแนะนำสัก 7 ประการนะคะ

1.ความคิด : เป็นรากฐานสำคัญของความเป็นคนคนหนึ่ง บุคลิกภาพงอกงามออกมาจากความคิดค่ะ เช่น คิดว่าจะอยู่แบบพอเพียงเรียบง่าย เขาก็จะแสดงออกผ่านการแต่งกาย การซื้อข้าวซื้อของ เครื่องประดับ บ้านช่องห้องหับ และวิถีชีวิตแบบพอเพียง แต่ถ้าคิดอยากเด่นอยากดัง ก็จะต้องแต่งเนื้อแต่งตัวอีกแบบหนึ่ง พาตัวเองไปอยู่ในวงสังคมอีกแบบหนึ่ง ใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง ซึ่งต้องชัดเจนในตัวเองเสียก่อน ว่าเรามีความคิดแบบใด คำแนะนำของดิฉันก็คือ “นกน้อยทำรังแต่พอตัว” จึงต้องมองเห็นตัวเองแล้วกำหนดความคิดว่า เราควรจะมีชีวิตและดำเนินชีวิตแบบใด

2.เสื้อผ้า : ก่อนที่เสื้อผ้าจะช่วยเสริมความดูดี คนคนนั้นต้องมีรูปร่างที่ดีเสียก่อน ดังนั้นต้องดูแลรูปร่างให้กระชับ สมส่วน จากนั้นจึงหาเสื้อผ้าที่ส่งเสริมรูปร่างและผิวพรรณมาสวมใส่ ช่วยให้ดูสดใส สวยงามสมวัย แม้รูปร่างไม่เพอร์เฟกต์ แต่เสื้อผ้าก็ช่วยลดจุดด้อยในตัวได้ เช่น ปิดบังสะโพกที่ใหญ่เกินไป แก้ไขเรื่องเอวที่ไม่มี ก้นที่แบน ขาที่ใหญ่ แขนที่อวบ คอที่สั้นหรือยาว ฯลฯ โดยเลือกแบบและลวดลายที่เหมาะสม คือไม่เน้นส่วนด้อยให้ยิ่งโดดเด่น เช่น ไม่สวมกางเกงหรือกระโปรงรัดรูปจนบั้นท้ายมหึมายิ่งตำตาผู้คน ไม่สวมกางเกงหรือกระโปรงสั้น จนขาติดมันของคุณเป็นที่หัวเราะ

3.ทรงผม : เลือกทรงผมที่ส่งเสริมความโดดเด่นของใบหน้า และแก้ปัญหาส่วนด้อยไปด้วย เช่น หน้าผากกว้าง กรามใหญ่ ตาเล็ก คางสั้น ฯลฯ ขณะเดียวกันทรงผมก็ควรทันสมัย เสริมบุคลิกให้โดดเด่น น่ามอง และน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

4.เครื่องประดับ : อย่าให้รกรุงรัง จนดูเหมือนหุ่นตั้งเครื่องประดับในร้าน เลือกเครื่องประดับที่ทันสมัย แบบจะหวือหวาหรือเรียบง่ายก็ดูจากชุดที่สวมใส่ สถานที่ และงานที่เรากำลังจะไป

5.รอยยิ้ม : เป็นเสน่ห์ที่ไม่ต้องลงทุนซื้อหา ใครที่มีรอยยิ้มประดับใบหน้า บ่งบอกว่ามีความเป็นมิตร เป็นคนอารมณ์แจ่มใส ผิดกับคนหน้าตาบูดบึ้งหรือเฉยชา ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เพราะไม่ชวนให้รู้สึกวางใจหรือประทับใจ จึงไม่อยากคบค้าหรือติดต่อประสานงานด้วย

6.คำพูด : พูดจาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร เต็มใจพูด แจ่มใส จะทำให้คนที่เราพูดด้วยรู้สึกดี และสะท้อนความดูดีของตัวเราเอง ทุกครั้งที่พูดจงเต็มใจพูด พูดให้ไพเราะ สุภาพ น่าฟัง มีสาระ ใช้ถ้อยคำที่เข้าใจง่าย และให้เกียรติแก่ผู้ฟังด้วย

7.จิตใจ : จิตใจที่ดีจะเป็นความดูดีที่ถาวรและเป็นเสน่ห์ที่ยั่งยืนมาก เราทุกคนอยากรู้จักคบหากับคนที่จิตใจดี จิตใจที่ดีต้องมองโลกในแง่ดี มองคนในแง่ดี และมีทัศนคติที่ดีต่อชีวิต มีความหวัง รู้จักให้ รู้จักแบ่งปัน มีคุณธรรมนำทาง ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร ไม่ให้ร้าย และไม่คิดร้ายกับใครทั้งสิ้น

หมายเลขบันทึก: 355307เขียนเมื่อ 1 พฤษภาคม 2010 13:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 13:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท