ครูกระดาษทราย
นางสาว ปัญชรีย์ ปิ่น วชิรถาวรชัย

เรื่องเล่าจากครูชนบท ครูมือใหม่หัดสอน


เรื่องเล่าจากครูชนบท
สวัสดีค่ะ นักเรียนทุกคน เสียงสั่นๆ จากปากของ คนที่ไม่เคยจับชอล์ก
ยืนอยู่หน้าห้องเรียนมาก่อน เอ่ยขึ้นเบาๆ ครูชื่อ......... จะมาสอนนักเรียนเป็นวันแรกนะคะ.....
ดิฉัน ครูกระดาษทราย เพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีมาสดๆร้อนๆ และไม่ได้จบสายครูมาด้วย วันนี้เป็นวันแรกที่ต้องมายืนอยู่หน้าชั้นเรียน ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง
ฉันเข้ามาที่นี่เพื่อจะมาเป็นครูธุรการ  แต่ด้วยความจำเป็นที่โรงเรียนแห่งนี้มีครูไม่เพียงพอต่อชั้นการเรียน โรงเรียนแห่งนี้เปิดสอนในระดับชั้น อนุบาลจนถึงชั้นป.6
ในเช้าวันจันทร์ ฉันได้ติดตามผู้ปกครองมาช่วยงานธุรการไปพลางๆ ระหว่างรอหางานใหม่อยู่ วันแรกที่ไปถึง คุณครูชั้นป. 2 ควบ 3 ได้ขอร้องให้ฉันไปทำการสอนแทนท่าน
ฉันจึงต้องกลายมาเป็นคุณครูจำเป็นของนักเรียนด้วยประการฉะนี้....
.....
ผอ. โรงเรียนได้พาฉันไปยังห้องเรียนและแนะนำฉันกับเด็กนักเรียนชั้น ป.2 และ ป.3
"นักเรียนทำความเคารพ..."  "สวัสดีค่ะ-ครับ คุณครู...."
ฉันเริ่มเขียนชื่อของตัวเองลงบนกระดานดำ ก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวเองด้วยเสียงที่เบา แบบคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ ความรู้สึกตอนแรกที่นักเรียนตัวน้อยๆ
เรียกฉันว่า "คุณครู" นั้น ทำให้ฉันรู้สึกเสียววาบที่หัวใจ เป็นความรู้สึกแปลกๆ ตื้นตัน บอกไม่ถูก...ฉันก็เริ่มแนะนำตัวเองว่า จบการศึกษามาจากไหน แววตาของเด็กๆที่จับจ้องมาที่ฉันนั้น ใสซื่อ ยินดีในตัวคุณครูมือใหม่เป็นอย่างมาก
 ฉันคิดในใจว่า จะเริ่มสอนจากอะไรก่อนดีนะ?  วิชาแรกเป็นวิชาคณิตศาสตร์
เด็กนักเรียนเริ่มคุยกันเสียงดัง ฉันหยิบหนังสือ คณิตศาตร์ชั้น ป.3 มาเปิดดู และถามเด็ก ป.3 ว่า "เรียนถึงบทไหนแล้วคะ?"  ส่วนเด็กชั้น ป.2ก็เริ่มส่งเสียงดังแข่งกับครูมากขึ้น
ฉันจึงหันไปบอกให้เงียบๆก่อน เด็กบางคนเริ่มเรียกร้องความสนใจด้วยการ ตะโกนพูดกันกับครู เมื่อฉันจัดการกับเด็กป.3 เสร็จแล้วจึงหันไปสนใจเด็กป.2 บ้าง และเริ่มให้งานที่ คุณครูประจำชั้นตัวจริงฝากงานไว้ ฉันมองดูเด็กๆที่กำลังตั้งใจทำแบบฝึกหัดอยู่
เด็กชั้นป.2 มี 6 คน หญิง 3 ชาย 3  ในนี้มีเด็กพิเศษอยู่ 1 คน เป็นผู้ชาย
ชั้น ป.3 มี 3 คน หญิง 1 ชาย 2  จากการสังเกตของฉันเด็กหญิงมีความตั้งใจเรียนสูงกว่าเด็กชายและสนใจเรียนมากกว่า การทำแบบฝึกหัดดำเนินไปอย่างเรียบร้อย (ความจริงแล้วเราเป็นเด็กต้องลุกไปถามนะคะ ถ้าเรียกครูมาหาที่โต๊ะจะดูไม่ค่อยสุภาพ)
เด็กนักเีรียนหญิง เริ่มเข้ามาซักถามฉันเกี่ยวกับบทเรียน ฉันก็ได้อธิบายไป แต่ดูเหมือนว่าเด็กๆจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ฉันจึงเดินไปหยิบที่นับจำนวนคล้ายๆ ลูกคิด เรียกไม่ถูกค่ะว่ามันชื่ออะไร มาสอนนักเรียนถึงการบวก การลบ  เด็กๆตั้งใจฟังกันเป็นอย่างดี
สายตาของเด็กๆจับจ้องใบหน้าของฉันอยู่ตลอดเวลา เป็นสายตาที่บริสุทธิ์และแสดงอาการอยากรู้อยากเห็น พอถูกจ้องมากๆเข้าฉันชักจะเขินๆซะแล้วสิ..ในใจฉันเริ่มคิดว่า ....นักเรียนคะจะจ้องครูอะไรกันมากมายเนี่ย.... การเรียนการสอนวันแรกดำเนินไปด้วยดี จนกระทั่งเวลา 11.30 ที่เป้นเวลาเข้าแถวพักรับประทานอาหารกลางวันของ โรงเรียนแห่งนี้  ฉันเริ่มกวาดสายตามองดูเด็กๆที่ทำแบบฝึกหัดเสร็จแล้วกำลังเล่นกันเพื่อรอเวลาพักอยู่ นักเรียนชายคนหนึ่งก็บอกว่า "ครูครับปล่อยพวกผมได้หรือยังครับ" ฉันคิดในใจ วิ่งซนกันวุ่นวายซะขนาดนี้ปล่อยออกไปข้างนอกมีหวังฉันโดนครูท่านอื่นดุแน่ๆว่าคุมเด็กในชั้นไม่ได้  ฉันจึงให้ทุกคนนั่งสมาธิ เพื่อดูความพร้อมก่อนปล่อยออกไปทีละคน
ในนี้มีเด็กชายชั้น ป.2 คนหนึ่งเรียบร้อยมากๆ  จนฉันนึกเอ็นดู และคิดว่า พ่อแม่เขาคงจะสอนมาดี ลูกถึงได้เป็นเด็กที่เรียบร้อยและว่าง่ายขนาดนี้  และแน่นอนว่า เด็กชายคนนี้ได้ออกไปจากห้องเรียนเป็นคนแรก นอกนั้นก็มีบางคนที่ยังยุกยิกอยู่ ฉันเลยบอกว่า
"ถ้านั่งนิ่งๆสัก 3 นาทีไม่ได้ก็ไม่ต้องกินข้าวนะคะ"  เท่าั้นั้นแหละค่ะได้ผลเลย ทุกคนพร้อมใจกันนั่งนิ่งจนฉันพอใจ แม้ว่าจะมีบางคนที่แอบเหล่ตามองครูอยู่บ้าง
พอปล่อยเด็กออกไปจนหมดแล้วฉันก็เดินไปสมทบกับพวกคุณครูที่ห้องอาหาร ก็โต๊ะที่อยู่ใกล้ๆกับโต๊ะอาหารของนักเรียนนั่นแหละค่ะ  ระหว่างที่กำลังรอนักเรียนชั้นอื่นๆลงมาเข้าแถวหน้าห้องเพื่อดูความเรียบร้อย บรรดาเด็กๆก็เริ่มวุ่นวายกันอีกครั้ง.....จนคุณครูบางท่านที่กำลังช่วยแม่ครัวตักอาหารอยู่ต้องออกมาดุเป็นครั้งคราว โรงเรียนนี้มีเด็ก
นักเีรียนทั้งหมดประมาณ60 กว่าคนเท่านั้น  โดยมีพี่ๆชั้นป.6 คอยดูแลน้องๆอีกทีนึง
เมื่อนักเรียนทุกคนมาถึงแล้ว เด็กพิเศษชั้น ป.3 ก็จะเป็นคนเดียวที่มีปัญหาเรื่องอาหารการกิน วันนี้แม่ครัวทำอาหารอะไรบ้าง ถ้าเขาไม่ชอบก็จะไม่กิน และเป็นเด็กที่พูดจาด้วยไม่ค่อยจะรู้เรื่อง...ก็เด็กพิเศษ ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าเด็กดับเบิ้ลพิเศษ การเรียนก็ไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ แม่ของเด็กชายคนนี้ไม่ยอมย้ายลูกชายไปเรียนที่โรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษ เพราะให้เหตุผลว่า เรียนที่ไหนๆก็เหมือนกันและไม่อยากให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองแปลกประหลาดด้วย  ฉันก็เลยได้แต่นั่งมองพฤติกรรมของแกอยู่อย่างเงียบๆ
เมื่อพวกเพื่อนๆคนอื่นๆเข้าห้องอาหารกันหมดแล้ว ก็เหลือแต่แกคนเดียว แกจึงไปซื้อขนมและคุยกับแม่ค้าไปตามประสา....
เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วก็เป็นเวลาพัก ฉันจึงไปนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ในห้องพักครู
ก็มีนักเรียนชั้นป.6    2-3 คนเข้ามาดูฉันจึงพูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเอง แต่พอคุณครูท่านอื่นเดินเข้ามาในห้องพักครูพวกนักเรียนบางคนก็รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเวลา 12.30 ก็กดออดเพื่อให้นักเรียนมารวมตัวกันเพื่อแปรงฟันหลังอาหาร
และสวดมนต์ โดยพี่ๆชั้น ป.6 จะเป็นผู้ควบคุมน้องๆ ในการทำกิจกรรมต่างๆ
ขณะที่กำลังนั่งรอเพื่อดูความเรียบร้อยอยู่นั้น นักเรียนชั้นโตก็ชอบแกล้งและแหย่น้องๆชั้นป.1 -2 อาจจจะด้วยความเอ็นดูหรือหมั่นไส้ก็ไม่ทราบ ทำให้น้องร้องไห้โวยวาย ซะใหญ่โต ต้องมีน้ำตากันก่อนสวดมนต์ถึงจะสนุก จะได้เข้าถึงรสพระธรรมอย่างลึกซึ้งสินะ
ระหว่างที่สวดมนต์ ท่องสรภัญญะ อยู่นั้น ก็มีนักเรียนป.5 ผู้ชายที่วุ่นวายไม่แพ้กัน ทำเสียงประหลาดขึ้นมา บังเอิญมีคุณครูอยู่ในห้องพักครู จึงออกมาจัดการถือไม้ควบคุมทันที ฉันคิดว่า กระทรวงศึกษาธิการน่าจะมีโครงการ "คืนไม้เรียวให้คุณครู"นะคะ
เพราะมันได้ผลจริงๆค่ะ ไม้เรียวสร้างคนให้เต็มคนมานักต่อนักแล้วนะึคะ
สมัยนี้จิตวิทยาอะไร จะมีจิตวิทยาครูหรือจิตวิทยาเด็กสูงส่งมากแค่ไหน
มาเจอเด็กนักเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้รับรอง....ฟิวส์ขาดแน่ๆเลยค่ะ ขนาดฉันเองไม่ใช่คนดุและไม่ชอบตีเด็กแล้วนะคะ ยังอดไม่ได้เลย ต้องเตรียมเหลาไม้เรียวไว้หลายอัน(จะใครที่ทำมาให้ก็นักเรียนนั่นแหละทำมาให้ครู) โรงเรียนนี้มีครูอยู่ 5 คน เป็นชาย 1 หญิง 4 รวมทั้ง ผู้อำนวยการด้วย ครูพี่เลี้ยง 1 คน แม่ครัว 1 คนภารโรง 1 คน และก็ฉันอีก 1 คนที่มาทำหน้าที่ครูธุรการ เด็กสมัยนี้ทั้งดื้อ ทั้งสอนยากจริงๆค่ะ


หมายเลขบันทึก: 349672เขียนเมื่อ 5 เมษายน 2010 00:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 13:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท