สวัสดีครับ
หลังจากบันทึกที่แล้วได้บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางที่มหาวิทยาลัย บันทึกนี้ก็คงจะบันทึกเรื่องราวการทำงานในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นครับ
วันแรกที่มาถึง Professor ก็ได้มอบหมายให้ผู้ช่วย นำผมไปเดินชมบริเวณต่างๆ ในภาควิชา ทั้งห้องปฏิบัติการ ห้องสมุดสำหรับค้นคว้าเอกสาร ห้องเครื่องมือทางสเปกโทรสโคปี ห้องเครื่องชั่ง ห้องเครื่องมือเฉพาะ รวมทั้งห้องครัวและห้องพักผ่อน นอกจากนี้ท่านก็ได้พาผมไปแนะนำกับสมาชิกในกลุ่มวิจัย จะเห็นได้ว่ากลุ่มวิจัยทีนี่ค่อนข้างจะนานาชาติ มีทั้ง เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส แคนาดา ญี่ปุ่น จีน และคนไทยอีกสามคน (รวมผมด้วย) วันแรกของการทำงานเป็นการค้นค้วาข้อมูลเพื่อเตรียมพร้อมการทำแล็บ
ตั้งปฏิกิริยาแรก
วันต่อมามีการสัมมนา Seminar Exercise เป็นการประชุมเพื่อแสดงความคิดเห็น โดยอาจารย์จะมีโจทย์ให้แล้วให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น การประชุมที่นี่น่าสนุกดี เพราะทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดกว้าง ไม่ต้องสนถูกผิด บางทีถ้าพูดแบบนี้ที่ไทยอาจจะโดนอาจารย์แซวว่า This is your rough idea, but that is not problem. แบบที่ผมเคยเจอในไทยก็ได้ 55+
ทำงานในห้องแล็บ
วันเริ่มทำแล็บ เป็นวันที่ผมตื่นเต้นมาก จัดเตรียมตั้งอุปกรณ์ต่างๆเพื่อทำปฏิกิริยา ดูแล้วน่าสนุกดี เพราะเป็นการทำงานด้านการสังเคาระห์ครั้งแรกของผม หลังจากที่เคยทำกับสารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติอย่างเดียว ปฏิกิริยานี้ต้องทำข้ามคืน (Overnight) เลยทีเดียว
วันต่อมา ก็ทำการเช็กการเกิดปฏิกิริยา แล้วแยกเอาสารผลิตภัณฑ์ออกมา ตอนนี้ผมกำลังนั่งรอการตกลึกของสารครับ นอกจากนั้น ระหว่างวันก็มีโอกาสได้ไปฟังบรรยายจาก Dr. Richaed Stepenson จาก University of East Angilia ด้วย และวันนี้ช่วงบ่าย(ตามเวลาที่นี่ผมจะได้เข้าร่วมการสัมมนาซึ่งผมต้องนำเสนอแนะนำตัวเอง โครงการของผม และงานวิจัยที่จะทำที่นี่ด้วย ตื่นเต้นดีจัง)
เรื่องเป็นการเป็นงานก็จบไปแล้วครับ แต่มีเรื่องราวมากมายที่น่าประทับอยากบอกเล่าคือ คนที่นี่ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะใจดี โดยเฉพาะเพื่อนๆ(รุ่นพี่) ในกลุ่มวิจัย ทุคนที่นี่เป็นนักศึกษาปริญญาเอกเป็นส่วนใหญ่ มีผมที่เป็น ป.ตรี แถมยังเรียนแพทย์ ไม่ใช่นักเคมีโดยตรงอีกต่างหาก แต่ทุกๆคนก็ช่วยเหลือผมอย่างดีมาก พาไปเดินหาสารเคมี เบิกอุปกรณ์เครื่องแก้ว และอื่นๆอีกมากมาย
บ้านหลังใหม่ที่ยย้ายเข้า
ถนนแถวบ้านหลังใหม่ ที่ไปผิด --'
ส่วนสังคมในเมือง เนื่องจากเมืองนี้ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวของเบลเยี่ยม จึงหาคนพูดภาษาอังกฤษในเมืองได้ยากมาก ผู้คนจะพูดภาษาฝรั่งเศสกัน ตามอาคารบ้านช่อง ป้ายต่างๆ ก็จะเป็นภาษาฝรั่งเศส พอเดิยออกจากมหาวิทยาลัยก็แทบจะใบ้เลยทีเดียว อันเป็นที่มาของการเดินหลงทางเป็นประจำในเมืองนี้ เนื่องจากมหาวิทยาลัยที่นี่ไม่มีรั้วและอยู่ติดกับเมือง การเดินเล่นในเมืองอยู่ดีๆก็เจออาคารของมหาวิทยาลัยซะงั้น ทำเอาผมงงไปเลย บางทีเดินวนเวียนอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ฮ่าๆ แต่ที่เด็ดสุด คือวันย้ายจากที่พักชั่วคราวเข้าบ้านหลังใหม่ พอย้ายของเสร็จผมก็เดินออกไปซื้อของที่ซูเปอร์มาเก็ตมาทำกิน พอขากลับเข้าผิดถนน เดินไปไขกุญแจผิดบ้าน เจ้าของบ้านเป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว ดูตกใจมาก เธอเปิดหน้าต่างบนหลังคา พร้อมกับพูดภาษาฝรั่งเศส(ที่ผมไม่รู้เรื่อง) ผมก็เลยแนะนำตัวไปว่าเป็นนักเรียนของ UCL กำลังเดินหาบ้าน จำบ้านไม่ได้ เธอก็เลยชี้ไปที่บ้านข้างๆ ผมจึงเดินไปไขอีกครั้ง ปรากฏว่า ไม่ใช่อีก แต่เจ้าของบ้านหลังนี้พูดภาษาอังกฤษได้ เดินออกมาพร้อมสามี คาดว่าน่าจะป้องกันตัวเผื่อผมเป็นโจร(ฮา) เธอบอกว่าย่านถนนนี้ไม่มีที่พักสำหรับนักเรียน สงสัยผมจะมาผิด อ่าว ซวยแล้วเรา หลังจากคิด และวนเวียนอยู่นานจึงตัดสินใจเดินไปหาพี่คนไทยที่อยู่ในกลุ่มวิจัยให้พี่เขาพาเดินหา สุดท้ายก็มาเจอจนได้ เฮ่อออ ขอบคุณพี่มากๆครับ
เรื่องราวนี้ก็สอนให้รู้ว่า สติสำคัญนะแจ๊ค ดูดีๆด้วย คราวนี้เป็นประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้จริงๆ สงสัยต้องเริ่มฝึกภาษาฝรั่งเศสซะแล้วว
เดี๋ยวมาอัพรูปครับ
เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพื่อสร้างสรรค์สังคมไทย
สวัสดีค่ะ
มาให้กำลังใจคนเก่งค่ะ
สู้ๆนะคะ
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทาย สุขสันต์วันปีใหม่ไทย คิดถึงสงกรานต์บ้านเรา ที่เมือง Ribeirao Preto , Brazil ธรรมชาติสวยมาก ไร่กาแฟ และอ้อย รอบเมืองสวยงามมาก ดอกไม้ก็สวยค่ะ ผู้คนเป็นมิตรดี ช่วยเหลือ เป็นปันเอง ชอบสนุกสนานรื่นเริง คล้ายบ้านเรา แต่อาหารที่นี่จะเน้นเนื้อ และนมค่ะ