ในทุกวันนี้สภาพสังคมที่บีบคั้นทำให้เราต้องดิ้นรนเพื่อ "แสวงหา" การโหยหาต่อสิ่งต่าง ๆ นั้นทำให้จิตใจของเรานั้น "รุ่มร้อน" ความทุกข์ ความร้อนจึงเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน
แต่ก็ยังดีที่มีวันหนึ่งในรอบหนึ่งปีของใครหลายคน
แต่ก็ยังดีที่มีวันหนึ่งในรอบหนึ่งเดือนของใครอีกหลายคน
และก็ยังดีที่มีวันหนึ่งในรอบสัปดาห์หนึ่งของใครบางคนที่สามารถเดินออกจากกองไฟที่สุมไว้เพื่อสร้างความเร่าร้อนจากฤทธิ์แห่งความ "โหยหา" เดินออกไปสู่สายธาราที่อันฉ่ำเย็นด้วย "การให้ (Give)"
การให้ทานเป็นการกระทำที่นำความชุ่มเย็นมาสู่จิตใจ
และการให้ครั้งหนึ่งนั้นมิใช่เพียงแต่ได้ความเย็นเฉพาะเวลานั้น ความเย็นสามารถแทรกซึมเข้ามาในชีวิตตั้งแต่เราเริ่มคิดที่จะให้ ก่อนให้ ขณะที่ให้ และหลังจากที่ให้แล้วถ้าเราหวนคิดแล้ว "อิ่มใจ" เราก็จะมีความสุขจากการที่ได้ "ให้" ตลอดเวลา
แต่ทว่า การให้นั้นมิจำเป็นจะต้องไปที่วัดหรือต่อหน้าคณะสงฆ์เท่านั้น เราสามารถสร้างจิต สร้างใจของ "ผู้ให้" ให้เกิดขึ้นได้ในทุกวัน ทุกเวลา
ในวันนี้หากเราเป็นเจ้านายใคร ก็ขอให้เป็นเจ้านายที่ดี ถ้าหากเป็นลูกน้องก็ขอให้เป็นลูกน้องที่ดี เป็นเพื่อนร่วมงานก็ขอให้เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม เป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ทำหน้าที่ทุกหน้าที่ให้ดี เราก็สามารถ "ให้ความดี" นี้ ซึ่งกันและกัน
จิตใจของผู้ให้ย่อมเปี่ยมสุขเสมอทุกครั้งที่คิดจะให้ เพราะไม่ว่าจะให้สิ่งใด ให้ทาน หรือให้อภัย ย่อมนำความสุขใจมาถึงผู้ให้ได้ชั่วนิรันดร์
หากใครคิดที่จะเริ่มให้ในวันนี้ก็ยังไม่สาย เพราะตราบใดที่ชีวิตนี้ยังมีลมหายใจ เราสามารถ "ให้" ซึ่งกันและกันได้ตลอดเวลา...
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆครับ...