ความท้าทายอย่างหนึ่งของนักปฏิบัติ AI Practitioner ทั่วไปคือ “ถามคำถามถูก ซักเป็น แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ” บางครั้งคนตอบก็บอกเรามาตรงๆ เลยว่า “เขาไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไร”
ครับตามประการณ์ของพวกเรา เราพบว่า ผู้ตอบส่วนใหญ่มีประสบการณ์ด้านบวกทุกคนครับ แต่ประสบการณ์ของเขาอาจไปกันไม่ได้กับโจทย์ของเรา เช่นเมื่อปีที่แล้ว เราต้องการใช้ AI เพื่อนำสู่การวางแผนชุมชนแบบ Strength-based planning คือแต่เดิมเท่าที่เราไปสัมภาษณ์มาในระยะแรกๆ กับฝ่ายแผนของหน่วยงานปกครองระดับท้องถิ่นนั้น การวางแผนชุมชนจำนวนมากมักเป็นประเภท “ดิน น้ำ ลม ไฟ” คือสร้างถนน สร้างบ่อน้ำ และต้องใช้เงินครับ โจทย์ของเราคือ เราต้องการเห็นการวางแผนที่ใช้ความสามารถ ในความคิดสร้างสรรค์ ใช้จุดแข็ง พลังของชุมชน ซึ่งบางครั้งไม่ต้อง “ใช้เงิน” เกิดขึ้นควบคู่กับแผนที่ทำกันเป็นปรกติอยู่แล้วครับ
ครับการลงพื้นที่ที่เราไม่รู้จัก ในระยะเวลาไม่นานนี่โอกาสในการทำ AI แล้วไม่ได้อะไรที่สูงครับ เราจึงใช้เทคนิคการวิจัยทางคุณภาพตัวหนึ่งมาช่วยคือการสุ่มตัวอย่างแบบ Snow Ball Sampling ครับตัวนี้จะเป็นตัวช่วยให้เรามีโอกาสเข้าถึงคนที่มีประสบการณ์ตรงกับโจทย์ของเรา Snow Ball Sampling ทำง่ายๆครับ เมื่อเราต้องการดึงคนที่มีอิทธิพลพอที่จะนำชาวบ้านมาทำกิจกรรมที่ต้องการการมีส่วนร่วมสูง เราก็ถามคนในพื้นที่ดูว่ารู้จักใครที่สามารถรวมใจชาวบ้านได้ดีที่สุด ก็ได้มาสองคนคือเจ้าอาวาสกับมักคทายก แต่เจ้าอาวาสจะยังไม่ตรงที่เราต้องการคือ ท่านไม่ชวนตรงๆ คือท่านจะทำอะไรที่เป็นงานใหญ่ท่านจะลงไปทำก่อน ชาวบ้านเห็นก็จะทำและชวนคนอื่นมาช่วย ไม่ใช่ Spec ที่เราต้องการ ในที่สุดเราก็เจอมัคทายก ครับที่รวมใจได้เร็วกว่า ได้คนมามีส่วนร่วมมากกว่า ท่านเคยเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดหนึ่ง แต่สึกออกมา มีความรู้เรื่องพิธีการ ที่ไหนไม่ว่าเป็นบ้าน โรงเรียน หน่วยงานที่นั่นจะคุ้นเคยและใช้บริการด้านพิธีกรรมกับท่านมานานครับ ว่าไปท่านเป็นคนกว้างขวาง มี Connection ดีที่สุด และได้รับความนับถือจากชาวบ้านมากที่สุด คนหนึ่งของที่นั่นเลยครับ
ในที่สุดจากการคุยกันเราก็สามารถดึงมัคทายก มาช่วยกับตำบลในการเชิญชนชาวบ้านมามีส่วนร่วมได้ แถมยังได้รับคำแนะนำที่ดีว่าใช้กระดาษแผ่นใหญ่ๆ มาเขียนไม่ work หรอกต้องกระดาษเล็กๆแล้วขีดเส้นให้ ยังไม่พอสถานที่ที่จะทำอย่างนี้ที่ดีที่สุดอยู่ที่วัดของเจ้าอาวาสรูปแรก เพราะถ้าเอาไปแขวนไว้ที่อื่นจะถูกฉีกทิ้งหมดครับ
เรายังใช้เทคนิคนี้ค้นหากลุ่มอาชีพที่เติบโตจนเป็น Otop ได้ทั้งที่ไม่ได้งบประมาณของรัฐช่วย ปรากฏว่าเราไปถามว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร จุดเปลี่ยนคืออะไรก็ได้มาว่าพวกเขาทำกลุ่มอาชีพเล็กๆอยู่แล้ว มีวันหนึ่งไปงานแต่งงาน แล้วกลุ่มไปเจอกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายแผนของอบต. เลยขอคำปรึกษาเรื่องการทำแผนแบบง่ายๆ นี่เองครับเขาบอกการได้รับความช่วยเหลือด้านความรู้ง่ายๆนี่แหละ เป็นจุดเปลี่ยนของเขา นี่เลยครับตรงเป้า เป็นอะไรที่ไม่ใช้เงินชัดๆ ใช้แค่ความเชี่ยวชาญของคนอีกคนในชุมชนเท่านั้น
ครับการทำ AI แบบนี้เน้นที่การพุ่งเป้าไปให้ตรงตัว ตรงกลุ่มเลย แล้วถามจุดเปลี่ยน ผู้ทำต้องค่อยๆวางเป้า กำหนด Spec คน กลุ่มที่เราต้องการครับ แล้วเข้าไปหา ไปถามหาจุดเปลี่ยน จากนั้นดึงเขาเข้ามามีบทบาทเวลาวางแผนชุมชนเลยครับ
มีนิดหนึ่งครับ ตอนนั้นเราตีความกันใหม่ ปรกติเราจะเห็นปราชญ์ชาวบ้านเป็นเกษตรกร เป็นผู้นำภูมิปัญญาต่างๆ แต่เราตีความกันใหม่ครับ ว่าปราชญ์ คือผู้รู้ ผู้รู้ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอพื้นบ้าน หรือเกษตรกรอย่างเดียว หากแต่อาจรู้และเชี่ยวชาญในมิติอื่นๆก็ได้ เราจึงได้ปราชญ์เพิ่มขึ้นเพียบจากมิติที่เราคุ้นๆกันอยู่ เช่นปราชญ์เลี้ยงลูกเก่ง ปราชญ์ด้านการขาย ปราชญ์ด้านการใช้ทรัพยากรแบบประหยัด ปราชญ์ด้านการเก็บเกี่ยว ปราชญ์ผู้นำกลุ่ม ครับยิ่งตีความมาก ค้นมาก ขยายนิยามมากขึ้นเท่าไร เราจะเจอคนเก่ง กลุ่มเก่งในมิติอื่นๆที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนชุมชนแบบที่เรานึกไม่ถึงเลยครับ
คนที่ทำโครงการนี้ชื่อคุณกิฟท์ครับ ใครสนใจทราบรายละเอียด วิธีการตั้งแต่ต้นจนจบ เขียน email มาหาผมได้ครับ ผมจะเป็นสื่อกลางติดต่อให้ ส่วน case คุณ Gift อยู่ที่ www.aithailand.org เข้าไปในหมวด KM จะชื่อ Curriculum Development ครับ
อ.โย หนูพยายามอยู่นะ สู้ๆ
สวัสดีครับ อ.โย
ผมมาศึกษากระบวนการเรียนรู้การแก้ไขปัญหาหรือการดำเนินงานพัฒนาของขบวนชุมชนท้องถิ่น เป็นการศึกษาท่ามกลางการปฏิบัติการจริงหรือการวิจัยเชิงปฏิบัติการนั่นเอง ประเด็นในการศึกษาและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน คือ
สำหรับแนวทางการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของสภาองค์กรชุมชนตำบลวังยางเท่าที่มีการปรึกษาหารือกันในเบื้องต้นพอจะสรุปได้ดังนี้
วิธีการดำเนินงานที่สำคัญคือ การประยุกต์ใช้AI ค้นหาประสบการณ์ที่ดีๆ หาสิ่งเห็นร่วมกันว่ามัน Workแล้วนำมา ลปรร. ทดลองปฏิบัติการขยายผล สรุปการเรียนรู้เป็นองค์ความรู้ สื่อสารสาธารณะต่อไปครับ
ประทับใจกับผู้คนที่นี่ มีมิตรไมตรี ประทับใจกับการได้ลปรร.ครับ
ขอบคุณครับ
คุณ Hanako งานเขียนของคุณโดดเด่นมากนะ
คุณสุเทพครับ ผมว่านี่เป้น Strenght-based planning ครับ น่าสนใจและน่าเอาเป็นตัวอย่างเมื่อทำจบแล้วครับ เห็นคุณเขียนเรื่อง ลปรล ผมจะเขียนต่อในตอนต่อไปครับ
Curriculum Development
เหมือนกับการพัฒนาด้วยวิธีมององค์ประกอบโดยรวมมั้ยคะ อาจารย์
jw