แต่ก่อนที่จะเล่าเหตุที่ทำให้ประหลาดใจก็ขอย้อนเหตุการณ์นิดหนึ่งค่ะ
บายศรีที่คุณครูวิรัตน์ทำมานั้นเหมือนบายศรีปากชาม
ตัวแม่มี 5 ลูก จำนวน 3 ด้าน
แต่ไม่มีไข่ต้ม ครูวิบอกว่าเธอตั้งใจนำมากราบไหว้พระอาจารย์
ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ในการปฏิบัติธรรมครั้งนี้
ฉันรู้สึกชื่นชมเธอมาก และรู้สึกว่าตัวเองนี่ไม่เอาไหนเลย ห่างวัด ห่างวา
จึงต้องอาศัยเธอเป็นเพื่อนชี้แนะ เรียกว่างานนี้ฉันมีคู่หูปฏิบัติก็แล้วกันนะคะ
แม้บายศรีจะเป็นเครื่องบูชาของพราหมณ์ก็ตาม
แต่ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ และเจตนาแสดงความเคารพต่อพระอาจารย์แล้ว
ฉันก็เห็นคล้อยตามเธอ
ด้วยทุกประการที่จะได้บูชาครูอาจารย์
เธอใช้ดอกบัวตูมสีขาวเสียบยอดกรวยของบายศรี
ฉันทำตามเธอแนะนำ ได้มีโอกาสใช้น้ำมันทาจนทั่วองค์บายศรี
ขณะทาใจก็คิดถึงความงดงามของจิตใจคนเรา
หากได้ทาถูๆด้วยข้อปฏิบัติธรรมบ่อยๆ
ก็คงจะงดงามเป็นเงาวาว
ไม่แพ้บายศรีของครูวิแน่เลย
ฉันเองไม่สันทัดเรื่องนี้เลย
ได้มาเรียนรู้แบบสบายๆในบรรยากาศของกัลยาณมิตรดีๆก็สุขใจโขทีเดียวค่ะ
เชิญอ่านความรู้เรื่องบายศรีเพิ่มเติมที่เว็บข้างล่างนี้นะคะ
http://www.mai95.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=99288&Ntype=2
และพานบายศรีสู่ขวัญที่นี่ค่ะ
http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/sakolnakorn/niwait-s/sec03p01.html
เรื่องของพิธีบายศรีสู่ขวัญค่ะ
มาเล่นเกมสนุก ทายกันว่าคนไหนคือคุณครูวิรัตน์ ผู้มีฝีมือในการทำบายศรีชุดนี้ค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ต้อยติ่ง ชอบภาพนี้ค่ะ ทำบายสีเก่งจังค่ะ
ครูต้อย
กราบนมัสการพระคุณเจ้า เจ้าค่ะ
สาระสำคัญหลักประการหนึ่ง คือ การเติมเต็มกำลังใจ รวมไปถึงการสร้างขวัญและกำลัังใจที่ดี
อนุโมทนาค่ะ
งั้นเป็นกุศลจิตและเป็นพลังบวก.....
ครูต้อยมีประสบการณ์การทำบายศรี..เล็กน้อย
หากระหว่างที่ได้ใช้น้ำมันมะกอกทาใบตองนั้น
ครูต้อยรับรู้ว่าใจสงบ และสมาธิอยู่ที่การทาน้ำมัน
อีกทั้งได้พินิจ พิจารณาการพับใบตองประกอบเป็นลูกบายศรี
และเมื่อได้ประกอบบายศรีในชาม
กลับรู้สึกว่ามันไม่ง่ายจนเกินไป แต่ต้องมีสมาธิ
ความตั้งใจที่แน่วแน่ประคองและจัดไม่ให้บายศรีล้มลงมา
แล้วก็นึกต่อไปอีกว่าผู้ที่ทำบายศรีนั้นต้องเป็นผู้ที่มีความชำนาญ
ช่างสังเกต และจดจำ เพื่อประโยชน์ในการทำบายศรีครั้งต่อไป
เหมือนตอนที่เริ่มฝึกทำเข็มกลัดเสื้อด้วยข้าวเปลือก
เอาข้าวเปลือกมาเรียงเม็ดให้มีขนาดเท่ากัน
หันหน้าข้าวเปลือกไปทางเดียวกัน
อันนี้ต้องมีความสังเกต และจดจำลักษณะของข้าวเปลือก
ว่าข้าวเปลือกจะกลับหลังหันชนกันหรือเรียงตามกันไป
การวางระยะของข้าวเปลือกก็ต้องรู้จักผ่อนและตึงระยะให้พอเหมาะ
เพื่อให้เมล็ดที่เรียงมาบรรจบครบ 1 รอบ
แล้วจะขึ้นแถวใหม่ได้อย่างไรจึงจะพอเหมาะมองดูแล้วสวยงาม
เป็นสิ่งที่สันทัดมากกว่าการทำบายศรี
แต่ก็เข้าใจว่าไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องมีความตั้งใจที่จะทำให้สำเร็จ
และจะให้สำเร็จแบบไหน ก็ต้องใช้การสังเกต จดจำ จนเป็นนิสัย
เป็นความชำนาญ อันนี้คงต้องรวมอารมณ์สุนทรีย์เข้าไปด้วยมั๊งคะ
ผลงานการประดิษฐ์จึงจะดูมีชีวิตชีวา
กราบนมัสการขอบพระคุณเจ้าค่ะ
สวัสดีค่ะครูพี่ต้อย ... บายศรี งาม ประณีตมากๆ ค่ะ
เคยลองทำช่วงอยู่อิสานแล้วแบบ กว่าจะได้สักชิ้น ยากค่ะ
.. เอาน้ำมันมะกอกทาด้วย ว้าว ว่าทำไมแวว สวยจังค่ะ
น้องPooคะ
พี่ขอโทษด้วยค่ะที่แจ้งข่าวผิด
ขอแก้ไขจากกระพังงาเป็นกระบี่นะน้อง
ขอโทษๆๆๆค่ะ
สงสัยตัวไปกระบี่
แต่ใจอยู่พังงาเสียแล้วละมั๊ง อิอิ
สำหรับการทาน้ำมันให้บายศรี นั้น
น้องครูวิบอกว่าจะช่วยให้ใบตองสด
และไม่เหี่ยวเร็วเกินไป
เป็นจริงด้วยค่ะ
เพราะตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติธรรมนั้น
พี่สังเกตบายศรีไม่เหี่ยวเลยเป็นเวลา 7 วัน
ยกเว้นดอกบัวเท่านั้นที่เหี่ยวเร็วกว่ากำหนด
อาจเป็นเพราะไม่ได้น้ำ
เลยคิดต่อไปว่าถ้าจะให้ดอกบัวไม่เหี่ยวเร็ว
จะทำอย่างไร
ขอบคุณค่ะ