ถอดคำประพันธ์ เรื่องลิลิตพระลอ (บทที่ ๕๐๒-๕๕๔)


เนื้อหาที่ถอดความนี้อยู่ในช่วงของบทอัศจรรย์ ระหว่างพระลอกับพระเพื่อน พระแพง

            502 นางทั้งสองกล่าวชมมิได้หยุดปาก   ส่วนสองนายผู้มีความเชี่ยวชาญก็ค่อยหมอบคลานเข้าไปนั่งถวายบังคมสามกษัตริย์   อยู่ห่าง ๆ ขณะประนมมือถวายบังคมอยู่อย่างเรียบร้อยนั้น   ก็ชมพระโฉมสามกษัตริย์เห็นงามติดตาติดใจคิดว่าในแผ่นดินใต้ฟ้านี้ก็มีแต่พระราชา   และสองพระธิดาเท่านั้น  ที่งามยิ่งดังนี้

            503 ( สองนายชมพลางนึกในใจว่า ) ทั้งสามพระองค์งามอย่างยิ่ง   ราวกับเทวดาได้มาแต่งขึ้น   พระโฉมงามจับตาของคนทั้งโลก   ทั้งสามพระองค์ช่างงามสมกันแท้ ๆ พระโฉมนั้นดูสดชื่น   เห็นแล้วพาให้ชุ่มชื่นใจจริง ๆ

            504 ครั้นแล้วพี่เลี้ยงทั้งสี่ก็ถวายบังคมกราบทูลเชิญบาทบงกชแก้วอันอยู่เหนือหัว   คือสามกษัตริย์ว่า   ทั้งสามพระองค์คงจะรู้สึกเหนื่อยพระวรกายขอเชิญเสด็จเข้าที่บรรทมเถิด

            505 พระลอก็เสด็จดำเนินงามสง่าเพียงฟ้าดินจะหวั่นไหว   ส่วนพระนางทั้งสองก็งามเปล่งปลั่งในแผ่นดิน   สามกษัตริย์ทอดพระกรดำเนิน   ดูสง่างดงาม   พิศพระรูปโฉมราวกับดวงเดือน   และดาวลอยขึ้นส่องฟ้า

            506 นางรื่นและนางโรยล้างเช็ดพระบาทสามกษัตริย์แล้วเชิญเสด็จเข้าสู่ที่บรรทม   ให้ทรงพระสำราญ   และให้สองพระธิดาผู้โฉมงามดังสาวสวรรค์เฝ้าอยู่งาน

            507 แล้วพี่เลี้ยงก็ปิดม่าน   และกล่าวคำรับขวัญสองพระธิดาว่าขวัญอ่อนอย่าได้ไปไกลจากขวัญของท้าวเธอ   ขอให้ขวัญของสองพระนางจงเป็นเหมือนเครือวัลย์รัดรอบพระองค์ไว้   ขอให้ขวัญของท้าวเธอจงเป็นเหมือนต้นไม้ทอง   ที่มีเครือเถาพาดพันอยู่

            508 ครั้นแล้วนางพี่เลี้ยงทั้งสองก็กราบถวายบังคมลาออกมาข้างนอกและปิดประตูห้องพระบรรทม   ปิดปรูแล้วก็มิปล่อยให้เวลาให้ล่วงไป   พากันรีบมาหาสองนาย   ที่นั่งรออยู่แต่ไกลด้วยความรักอันร้อนรนราวกับไฟไหม้

            509 ( สองนางรำพึงว่า ) อันความรัญจวนใจที่จะร่วมรักนั้นได้กลั้นไว้ตั้งหมื่นครั้ง   ที่ยังอดใจอยู่ได้ดังนี้   ก็เพราะมีความจงรักภัคดีมั่นคง

            510 การที่ตัวเองรู้จักการอายนี้   จะทำความชั่วลงไปยากจริง ๆ ถ้าไม่รู้จักละอายใจ   จะทำความชั่วได้ง่ายเหลือเกิน

            511 ต่างก็เตือนกันว่า   ที่จะร้อนรนหาความสำราญกัน  ณ  เรือนนี้เป็นการไม่สมควร  ไม่อับอายกันหรือ

            512 เขาทั้งหลาย ( คือสี่พี่เลี้ยง ) พูดแก่กันให้เห็นความชั่วดีและถ้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้   คิดแต่จะรุกร้นทำการไม่ดี   ก็คงจะมีเหตุร้ายไม่ต้องสงสัย

            ( บท 511 กับ 512 นี้ เข้าใจยากที่สุด  ที่ถอดนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะถูก )

            513 การรู้จักครั้งแรกนี้   ทำให้เกิดความปรารถนาร้อนแรงยิ่งกว่าเปลวไฟตั้งหมื่นมาเผา   แต่ว่าพระมนเทียรแห่งราชานั้นเป็นที่เคารพ   ต้องบังคับข่มใจไว้   เพื่อจะตั้งอยู่ในความภักดี

            514 เรานี้สืบมาในตระกูลผู้ที่มีความจงรักภักดี   ความผิดแม้จะเพียงเม็ดฝุ่นก็มีความเกลียดกลัวไม่ยินดีเข้าใกล้หากทำผิดแม้จะเพียงกึ่งเส้นผม   ก็จะยอมตายเสียดีกว่า  ดีกว่าจะอยู่เป็นคนให้เขาติเตียนภายหลังว่า  เป็นคนขาดความภักดี

            515 ทั้งสี่คนมีความเห็นชอบตามคำที่ได้พูดกัน   พลางค่อยกล่าวตักเตือนกัน   จนความร้อนรนในความใคร่จางหายไป

            516 ฝ่ายกษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ทั้งสามพระองค์นั้น   ต่างทรงตระกองกอดแนบข้างกัน  ด้วยความเพลิดเพลินพระทัย

            517 เชยชมชูปากป้อน   แสนอมฤตรสข้อน   สวาทเคล้าคลึงสมร

            518 กรเกี้ยวกรกอดเกื้อ   เนื้อแนบเนื้อโอ่เนื้อ   อ่อนเนื้อเอาใจ

            519 พักตราใสใหม่หม้า   หน้าแนบหน้าโอ่หน้า   หนุ่มหน้าสะสม

            520 นมแนบนมนิ่มน้อง   ท้องแนบท้องโอ่ท้อง   อ่อนท้องทรวงสมร

            521 สมเสน่ห์อรใหม่หมั้ว   กลั้วรสกลั้วกลิ่นกลั้ว   เกลศกลั้วสงสาร

            522 บุษยาบานคลี่คล้อย   สร้อยและสร้อยซ้อนสร้อย   เสียดสร้อยสระศรี

            523 ภุมรีคลึงคู่เคล้า   กลางกมลยันเย้า   ยั่วร้องขานขัน

            524 สรงสระสวรรค์ไป่เพี้ยง   สระพระนุชเนื้อเกลี้ยง   อาบโอ้เอาใจ

            525 แสนสนุกในสระน้อง   ปลาชมชื่นเต้นต้อง   ดอกไม้บัวบาน

            526 ตระกาลฝั่งสระแก้ว   หมดเผ้าผงผ่องแผ้ว   โคกฟ้าฤาปูน

            527 บุญมีมาจึ่งได้   ชมเต้าทองน้องไท้   พี่เอ้ยวานชมหนึ่งเรา

            528 พระเพื่อนสมสมรแล้ว   ลอราชเชยชมแก้ว   แก่นไท้แพงทอง

            529 ละบองบรรพหลากเหล้น   บเหนื่อยบได้เว้น   เหิ่มชู้สมสมร

            530 ดุจอัศดรหื่นห้า   แรงเร่งเริงฤทธ์กล้า   เร่งเร้าฤาเยาว์

            531 ดุจสามเมามันบ้า   งาไล่แทงงวงคว้า   อยู่เคล้าคลุกเอา

            532 ประเล้าประโลมอ่อนไท้   แก้วี่เอยเรียมได้   ยากด้วยเยาวมาลย์

            533 เอ็นดูวานอย่างพร้อง   เชิญพระนุชนิ่มน้อง   อดพี่ไว้เอาบุญก่อนเทอญ

            534 ( สองนางตรัสว่า ) พระคุณของเจ้าพี่นั้นสุดที่จะคณนาได้ขอพระพี่จงทรงเมตตาแก่น้องบ้าง   ด้วยน้องนี้ไม่เดียงสาแม้สักหน่อยหนึ่งพระพี่จงเอาบุญค่อยถนอมน้องไว้ด้วยเถิด

            535 ( พระลอตรัสว่า ) น้องของพี่อย่าสงสัยอันใดเลย   พี่รักพระน้องยิ่งกว่าบ้านเมือง   ยิ่งกว่าท้องฟ้า   พี่จะสงวนพระน้องไว้ยิ่งกว่าสงวนตัวของพี่เอง   หากพี่ไม่ได้เห็นหน้าพระน้องเพียงยามเดียว   พี่ก็คงจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้

            536 อันว่าความรักความใคร่นั้นยังไม่เสื่อม   ยังแรงฤทธิ์อยู่สองนางระทดระทวยองค์ลง   ด้วยความละห้อยละเหี่ยแห่งความรัก   และความรักนั้นก็เหมือนน้ำทิพย์   ที่อาบชโลมกายให้กลับสดชื่น   สองพระนางนั้น   ประเดี๋ยวสร้อยเศร้า   ประเดี๋ยวก็กลับสดใส

            537 อันความรักนั้นทำให้ท้องฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่น   ดังไปถึงสวรรค์พื้นแผ่นดินก็อ่อนไหวระริก   ในมหาสมุทรคลื่นก็ซัดเป็นฟอง   ดังอึงคะนึงมองไปทุกทิศเห็นบรรดาต้นไม้ต้นไร่โยกเยก   โอนเอียงน่าอัศจรรย์

            538 ประดาสัตว์ทั้งหลาย   มีพระยาราชสีห์คลึงเคล้าอยู่กับนางสิงห์   ช้างสารก็แนบชมนางช้าง  พวกเนื้อทรายก็พากันเดินชื่นชมคู่กระทั่งพวกกระต่ายกระแตก็เต้นตามหาคู่ของมัน

            539 ดวงตะวันสาดแสงสัมผัสดอกบัว   แต่ว่าดอกบัวไม่กล้าเผยกลีบ   ด้วยกลัวแมลงภู่จะมาย้ำเกสร   ส่วนพวกแมลงภู่นั้นมีความมึนเมาในกลิ่นบัว   ก็ได้ซอกซอนเข้าไปในกลีบ   คลุกเคล้าเอาเกสรจนได้

            540 ( แมลงภู่ ) ไม่จากไปเลย  และไม่หยุดยั้งที่จะคลุกเคล้าเกสรความใคร่ที่จะโต้ตอบกันในเชิงความรักนั้นมิได้หมดไปเลย   จนกระทั่งน่าสงสารดอกบัวอันน่าชวนชื่นชมนั้น   ที่ดอกต้องหุบลงเสียแล้ว   มิอาจบานอยู่กับบัวสัตตบรรณได้

            541 ครั้นดวงตะวันจะคล้อยลงขอบฟ้า   สองพี่น้องก็ทูลไปจากข้างนอกว่า   บัดนี้จวนจะค่ำแล้ว

            542 พระลอได้ฟัง   ก็ทรงเผยม่านออก   แล้วตรัสเรียกพี่เลี้ยงทั้งสี่เข้าไปข้างใน

            543 ( ตรัสว่า ) การครั้งนี้เป็นความลับ   ขอให้ทำอุบายซ้อนเร้นอย่าให้ผู้ใดล่วงรู้ได้  ( บทนี้สงสัย  อ่านเข้าใจยากเต็มที )

            544 ( พี่เลี้ยง ) ก็ถวายบังคม   รับพระราชเสาวนีย์ไว้เหนือเกล้า

            545 ( พี่เลี้ยงทูลว่า ) เชิญพระองค์เข้าที่สรงให้คลายร้อนในอ่างทองกับพระน้องทั้งสองเถิด

            546 ( ในอ่างทองนั้น ) ดอกไม้ก็ได้เสียดสีกัน   และทรงหยอกเย้ากันบ้าง   พอเป็นที่เจริญพระทัย

            547 ครั้นสรงเสร็จ   ก็เสด็จไปยังพระแท่น   ทรงแต่งองค์งดงามแล้วมาประทับแนบข้างพระน้องนาง

            548 พี่เลี้ยงยกมือถวายบังคมเหนือเกล้า   และเตรียมเครื่องถวาย

            549 สองพระน้องนางก็น้อมไหว้   ทูลเตือนพระลอให้เสวย

            550 ( พระลอ ) เชยคางและพัตร์อันงามของพระน้องนางแล้วก็ตรัสว่า   เชิญอ่อนท้าวทั้งสองเสวยด้วยกันเถิด

            551 ( ตรัสต่อไปว่า ) ของเสวยเหล่านี้ของทิพย์ก็ไม่ปานเพราะพระน้องผู้ทรงฉวีผ่องใสนั่งแนบอยู่ขณะเสวย

            552พระน้องที่รักเอย   ของที่พระน้องป้อนให้นั้น   มีรสยิ่งกว่าของทิพย์   ทำให้พี่มีความเสน่หาให้พระน้องยิ่งขึ้น

            553ครั้นเสวยเสด็จเป็นที่สำราญพระทัย   พระพี่เลี้ยงผู้ฉลาดทั้งสอง   จึงถวายบังคมทูลเตือนว่า

            554 ตะวันจวนจะลับฟ้าลงไปแล้ว   อย่าได้ชักช้าเลย   ถึงเวลาควรเสด็จกลับแล้ว   

หมายเลขบันทึก: 336866เขียนเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2010 22:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 21:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

มีถอดบท 389 ไหมคะ

รอยรูปอินทรหยาดฟ้า มาอ่าองค์ในหล้าแหล่งให้คนชม แลฤๅ ฯ ๑๒ พระองค์กลมกล้องแกล้ง เอวอ่อนอรอรรแถ้งถ้วนแห่งเจ้ากูงาม บารนี ฯ ๑๓ โฉมผจญสามแผ่นแพ้ งามเลิศงามล้วนแล้รูปต้องติดใจ บารนี ฯ ๑๔ ฦๅขจรในแหล่งหล้า ทุกทั่วคนเที่ยวค้าเล่าล้วนยอโฉม ท่านแล ฯ ๑๕ เดือนจรัสโพยมแจ่มฟ้า ผิบได้เห็นหน้าลอราชไซร้ดูเดือน ดุจแล ฯ ๑๖ ตาเหมือนตามฤคมาศ พิศคิ้วพระลอราชประดุจแก้วเกาทัณฑ์ ก่งนา ฯ ๑๗ พิศกรรณงามเพริศแพร้ว กลกลีบบงกชแก้วอีกแก้มปรางทอง เทียบนา ฯ ๑๘ ทำนองนาสิกไท้ คือเทพนฤมิตไว้เปรียบด้วยขอกาม ฯ ๑๙ พระโอษฐ์งามยิ่งแต้ม ศศิอยู่เยียวยะแย้มพระโอษฐ์โอ้งามตรู บารนี ฯ

สวัสดีค่ะลุงคนแต่ง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท