สีบำบัด
โดย
นายแพทย์สมเกียรติ ศรไพศาล
สำนักการแพทย์ทางเลือก
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
กระทรวงสาธารณสุข
สารบัญ
บทที่ 1 ศิลปะบำบัด หน้า3
บทที่ 2 สีและประโยชน์ของสี หน้า 5
บทที่ 3 การบำบัดด้วยสีกับจักกระทั้งเจ็ด หน้า 16
บทที่ 4 พลังแห่งสี หน้า 20
บทที่ 5 สีสันกับสุขภาพจิต หน้า 23
บทที่ 6 การนำสีมาใช้บำบัดโรคและการวินิจฉัย หน้า 28
บทที่ 7 พลังแห่งแสงสีบำบัดสำหรับเด็ก หน้า 32
บทที่ 8 พลังแสงสีบำบัดผิวสวย หน้า 34
บทที่ 9 งานวิจัยที่เก่ยวข้อง หน้า 38
บรรณานุกรม หน้า 40
บทที่ 1
ศิลปะบำบัด : ความเข้าใจที่ถ่องแท้ สู่การเยียวยาที่แท้จริง
อนุพันธุ์ พฤกษ์พันธ์ขจี (ไม่ปรากฎปีที่พิมพ์) จิตรกรและนักศิลปะบำบัด โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ ได้กล่าวถึงศิลปะบัดและสีบำบัดดังนี้
แนวความคิดมนุษยปรัชญา เชื่อว่า ศิลปะมีสัมพันธ์แนบแน่นกับดวงจิตมนุษย์มาอย่างช้านาน ในสมัยโบราณศิลปะหลอมรวมกับศาสนาอย่างแน่นแฟ้น ศิลปะเป็นดั่งสายรุ้งเชื่อมโยงมนุษย์กับโลกเบื้องบน (โลกแห่งจิตวิญญาณ) ถ้าเราได้มีโอกาสศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะ ก็จะพบว่า ศิลปินยุคสมัยหนึ่ง (ก่อนยุคเรอนาซอง – Renaissance) ทำงานอุทิศแด่ศาสนา รังสรรค์ผลงานศิลปะ ทั้งจิตรกรรม และ ประติมากรรม ในโบสถ์ วิหาร และศาสนสถานมากมายในประเทศรัสเซียมีงานศิลปะรูปพระแม่มารี และพระเยซู โดยศิลปินเหล่านั้นไม่เคยจารึกนามบนชิ้นงานศิลปะเหล่านั้นเลย ปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในยุโรป แต่ยังรวมถึงฟากฝั่งโลกตะวันออกของเราอีกด้วย เฉกเช่นผลงานพุทธศิลป์ในอดีตมากมายในประเทศของเรารวมถึงชมพูทวีป ก็ไม่ปรากฏว่ามีการจารึกนามของเจ้าของผลงานด้วยเช่นกัน ที่สำคัญกว่านั้น เด็กทุกคนซึ่งได้เกิดขึ้นในโลกนี้ การวาดภาพกลายเป็นธรรมชาติภายในที่ทำให้พวกเราตระหนักถึงข้อความข้างต้นเป็นอย่างดี
ดังที่กล่าวมา มนุษยปรัชญา (Anthroposophy) มีรากฐานของความเข้าใจมนุษย์ทั้งสามส่วนหลัก คือ ความคิด (Thinking) ความรู้สึก (Feeling) และ เจตจำนง (Willing) องค์ประกอบทั้งสามนี้จะปฏิสัมพันธ์อย่างสมดุลย์ตามช่วงเวลาการเติบโต และหากบุคคลหนึ่งบุคคลใดเกิดภาวะเจ็บป่วย ทั้งโรคทางกายหรือโรคทางใจ ไม่ว่าจะเพศหรือวัยใด สามสิ่งข้างต้นก็จะสูญเสียความสมดุลย์ ซึ่งจะส่งผลต่อทางกาย(กระบวนการเผาผลาญร่างกาย)ทางใจ(ระบบหมุนเวียนของโลหิตและการทำงานของหัวใจ)ทางความคิด(ระบบประสาทและการทำงานของสมอง)
การบำบัด (Therapy) โดยใช้คิลปะ จึงเป็นการกระทำจากภายนอกร่างกายเข้าไปหลอมรวมสู่ภายใน เพื่อสร้างสมดุลย์ หรือขจัดภาวะติดขัด การถูกกดภายใน ให้หลุดหรือคลายออก โดยผู้รับการบำบัดจะปฏิบัติโดยรับประสบการณ์จากภายนอกเข้าไปไว้ในตัว แล้วเกิดการสร้างสรรค์จากภายใน เพื่อถ่ายทอดอีกครั้ง
ที่ได้กล่าวมา จะเห็นได้ว่า พื้นฐานความคิดนี้ แตกต่างจากความเข้าใจศิลปะบำบัดในกระแสหลักทั่ว ๆ ไปเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุว่า ศิลปะบำบัดแนวทางมนุษยปรัชญาให้ความสำคัญทั้งการรับความรู้สึกและแสดง ( Impress ) และแสดงความรู้สึก (Express) เหมือนกับจังหวะของลมหายใจเข้าและลมหายใจออก
ดังนี้แล้ว ศิลปะบำบัดในมุมมองของมนุษยปรัชญา จึงอรรถาธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ด้วยตัวของมัน ทั้งยังก้าวล้ำไปอย่างลึกซึ้งในเรื่องสีบำบัด (Colour Therapy) ซึ่งบรรดาลูกศิษย์และเพื่อนร่วมงานของสไตเนอร์ที่มีส่วนช่วยให้ศิลปะบำบัดชัดเจนขึ้น ก็คือ แพทย์หญิงที่มีชื่อว่า อีธา เวกมันน์ (Dr. med. Ita Wegmann) คลินิกของเธอรวมทั้งห้องบำบัดอยู่ในเมือง Arlesheim ใกล้กรุงบาเซิล (Basel) สวิตเซอร์แลนด์ ราวค.ศ.1921 นี่คือจุดเริ่มต้นของศิลปะบำบัดในยุโรปเช่นกัน
มนุษย์ทุกคนสามารถเรียนรู้วิธีรักษาด้วยสีเพื่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพของเราได้ การรักษาด้วยสีมิได้มาแทนที่การตรวจรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน
ร่างกายของคนเรามิได้เป็นเพียงสสารที่จับด้องได้ แต่มีสนามพลังที่มองไม่เห็นอยู่ด้วย และมีวิธีที่ติดต่อกับพลังเหล่านี้ เพื่อทำให้สภาพของร่างกายเปลี่ยนไป
สิ่งที่เราต้องทำคือ เรียนรู้เทคนิคที่ทำให้เราปลุกสิ่งนี้ขึ้นมา และเป็นสื่อกลางให้เพื่อวัตถุประสงค์หลายอย่างของเรา
การรักษาจะเกิดขึ้นจากข้างในเสมอ คนไข้จะเป็นผู้รักษาตัวเอง เราเป็นเพียงตัวกระตุ้น ช่วยเร่งระบบการฟื้นฟูสุขภาพของคนได้
พยายามหาสาเหตุที่มองไม่เห็นของอาการที่แสดงออกทางกาย พร้อมทั้งพูดคุยซักถามคนไข้
อย่าทำการรักษาในขณะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือไม่สบาย เพราะจะทำให้สมาธิไม่ต่อเนื่อง และยังขัดขวางการรับพลังการรักษาจากพลังสีด้วย
บทที่ 2
สีและประโยชน์ของสี
สีเป็นความถี่แสงที่รวมตัวกัน สีเป็นได้ทั้งแรงกระตุ้นและแรงกดดัน สิ่งสร้างสรรค์หรือบ่อนทำลาย สิ่งผลักดันหรือดึงดูด สีแต่ละสีส่งผลไม่เหมือนกันและสามารถนำไปใช้รักษา ปรับความสมดุลรวมทั้งกระตุ้นจิตสำนึกในระดับที่ลึกลงไปได้
เรามักแบ่งสีออกเป็นสามประเภท ประเภทแรกคือแม่สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงิน ซึ่งเมื่อผสมกันแล้วจะเกิดเป็นสีอื่นประเภทที่สองคือสีที่เกิดจากการผสมแม่สีเข้าด้วยกัน และเมื่อผสมแม่สีเข้ากับสีประเภทที่สองจะเกิดเป็นสีประเภทที่สาม เมื่อเราเรียนรู้ที่จะผสมสีและโทนสีต่างๆ เข้าด้วยกัน จะทำให้เกิดการพัฒนาความสามารถในการปรับเทคนิคการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละคนขึ้น
เราจะเรียนรู้เทคนิคที่จะช่วยให้เราสามารถใช้สีและโทนสีต่างๆ เพื่อทำการรักษาอย่างได้ผล เนื่องจากคนแต่ละคนมีระบบพลังไม่เหมือนกัน การทดลองหาสีหรือโทนสีที่มีประโยชน์ต่อบุคคลนั้นมากที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ
แดง เหลือง น้ำเงิน |
แม่สี่ทั้งสามสีเป็นสีหลักที่ก่อให้เกิดสีอื่นๆ เกือบทั้งหมด
ส้ม เขียว (แดง + เหลือง) (เหลือง + น้ำเงิน) ม่วง (แดง + น้ำเงิน) |
สีประเภทที่สองเกิดจากการผสมแม่สีสองสีเท่าๆ กัน
เหลืองเขียว |
เหลืองส้ม |
แดงส้ม |
แดงม่วง |
น้ำเงินม่วง |
น้ำเงินเขียว |
สีประเภทที่สามเกิดจากการผสมแม่สีกับสีผสมขั้นแรก
การรักษาด้วยสีประกอบด้วยสองขั้นตอน ขั้นแรกเราต้องเข้าใจคุณสมบัติของสีแต่ละสีก่อน ขั้นที่สองเราต้องเรียนรู้เทคนิคพิเศษในการส่งและดูดซับสี เราต้องมีความรู้สึกที่ไวและมีความรู้เรื่องสีมากขึ้น ยิ่งรู้เรื่องของสีมาก ก็ยิ่งใช้สีช่วยในการปรับความสมดุลและการรักษาได้ง่ายขึ้น
เหลือง |
ม่วง และม่วงแดง |
สีโทนร้อน |
สีโทนเย็น |
เหลืองเขียว |
เขียว |
น้ำเงินเขียว |
น้ำเงิน |
คราม |
ม่วงแดง |
แดง |
แดงส้ม |
ส้ม |
เหลืองส้ม |
สีในมุมมองทางจิตวิทยา
สีแดงจัดว่าเป็นสีโทนร้อนที่โดดเด่นในทางจิตวิทยา ส่วนสีน้ำเงินเป็นสีโทนเย็นที่โดดเด่น
สีที่ดูร้อนมากจะมีสีแดง ส่วนสีที่ดูเย็นมาก จะมีสีน้ำเงินมากซึ่งเป็นทั้งข้อเท็จจริงและสัญลักษณ์สำหรับการรักษา
ความหมายของสี
ต่อไปนี้เป็นรายการของสีที่เกี่ยวข้องและการใช้สีเพื่อเป็นแนวทาง โดยออกแบบให้มีลักษณะที่ช่วยให้เราเริ่มต้นการรักษาด้วยสีได้ ขณะทำการรักษาผู้คน เราจะพบว่าเฉดสีหนึ่งใช้ได้ผลดีกว่าเฉดสีอื่นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และอาจพบว่าสีบางสีอาจใช้รักษาอาการเจ็บป่วยของคนบางคนไม่ได้ผลซึ่งในกรณีเช่นนี้การทดลองและการใช้ความรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสจะช่วยให้เราทราบว่าสีใดใช้ได้ผลดีที่สุด กรุณาจำไว้ว่าแต่ละคนมีระบบพลังไม่เหมือนกัน จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนสีและลักษณะของการใช้สีให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
สีขาว
สีขาวประกอบด้วยสเปกตรัมแสงทั้งหมด ช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรง สีขาวทำให้ระบบพลังทั้งหมดของเราสะอาดบริสุทธิ์ และปลุกพลังสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ขึ้นด้วย การใช้สีขาวในเวลาที่ไม่แน่ใจว่าควรใช้สีใดดี จะช่วยให้ไม่เกิดความผิดพลาด การเริ่มต้นและจบการรักษาลงด้วยสีขาวจะทำให้ระบบพลังของเราคงที่และได้รับการกระตุ้นในทุกๆ ด้าน สีขาวช่วยให้ใช้สีอื่นๆ ได้ผลดียิ่งขึ้น
สีดำ
สีดำประกอบด้วยสเปกตรัมสีทั้งหมดด้วยเช่นกัน และยังเป็นสีที่อำพรางความยุ่งยากสับสนไว้ คนจำนวนมากมักหลีกเลี่ยงการรักษาด้วยสีดำ แต่เราพบว่าบางครั้งสีดำมีประโยชน์เช่นกัน สีดำเป็นสีแห่งการปกป้องคุ้มครอง เป็นสีที่ช่วยให้เกิดความสมดุลและลดความรู้สึกที่ไวเกินไป สีดำปลุกเร้าพลังเพศหญิงหรือพลังแม่เหล็กในร่างกายและเสริมสร้างความแข็งแรง ควรใช้สีดำอย่างระมัดระวังเพราะการใช้สีดำมากเกินไปจะก่อให้เกิดความกดดันหรือทำให้อาการทั้งทางอารมณ์และสติปัญญาทรุดหนักลง
สีดำจะให้ผลดียิ่งขึ้นหากใช้ร่วมกับสีขาวซึ่งปรับความสมดุลให้ร่างกาย สีดำยังปลุกเร้าถึงระดับจิตใต้สำนึก จนสามารถปรับชีวิตและอาการผิดปรกติให้อยู่ในภาวะที่เหมาะสมได้
สีแดง
สีแดงปลุกและสร้างความแข็งแรงให้แก่จักระมูลธาร สีแดงเป็นสีที่อบอุ่น ทำให้มีชีวิตชีวาและกระตุ้นพลังชีวิต ใช้ในการรักษาหวัด ระบบการไหลเวียนของเลือด และเยื่อบุอักเสบ สีแดงทำให้พลังกายพลังใจแข็งแกร่ง ช่วยกระตุ้นอารมณ์ระดับลึกได้ เช่น กามารมณ์และความรัก ความกล้าหาญ หรือความเกลียดชังและการแก้แค้น การใช้สีแดงมากเกินไปเป็นการปลุกเร้าที่เกินขนาดทำให้อาการทรุดหนักลง ความดันสูงซึ่งบ่งบอกถึงการใช้พลังสีแดงกับระบบมากเกินไป เราใช้สีแดงเพื่อเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายและเพิ่มพลังให้เม็ดเลือด
สีส้ม
สีส้มส่งผลต่อจักระที่สอง ( สวาธิษฐาน ) สีส้มเป็นสีแห่งสติปัญญา ทำให้ชอบการสมาคม เป็นสีที่แสดงถึงสภาพวะของอารมณ์ และระบบกล้ามเนื้อของร่างกาย หากใช้สีส้มมากเกินไปจะส่งผลต่อประสาทซึ่งสามารถปรับให้สมดุลได้ด้วยการใช้เฉดสีน้ำเงิน-เขียว สีส้มช่วยรักษาความผิดปรกติของม้าม ตับอ่อน ท้อง ลำไส้ และไต ผู้ที่เคยรู้สึกไร้อารมณ์หรือท้อแท้หดหู่ก็ใช้สีนี้ช่วยได้ สีส้มช่วยฟื้นพลังให้ร่างกาย ช่วยในการดูดซึมอาหาร สีส้มเป็นสิ่งบำรุงกำลังที่ดีสำหรับผู้ป่วย และใช้ได้ดีกับระบบขับถ่าย
สีเหลือง
สีเหลืองส่งผลต่อจักระมณีปุระมากที่สุด สีเหลืองส่งเสริมความสามารถทางสติปัญญา รักษาอาการท้อแท้หดหู่ ช่วยให้รู้สึกกระตือรือร้นขึ้น สีเหลืองช่วยสร้างความมั่นใจและการมองโลกในแง่ดียิ่งขึ้น และยังใช้รักษาความผิดปรกติของการย่อยอาหาร มีประโยชน์ต่อท้อง ลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ และระบบขับถ่ายทั้งหมด ช่วยปรับความสมดุลของทางเดินกระเพาะอาหารทั้งหมด เฉดสีเหลืองทองมีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ
สีเขียว
สีเขียวเป็นสีที่เด่นที่สุดบนโลกนี้ สีเขียวปรับพลังของเราให้สมดุล ช่วยให้รับรู้ได้ไวขึ้นและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น ทำให้เกิดความสงบระงับโดยเฉพาะอย่างยิ่งการอักเสบในร่างกาย ช่วยผ่อนคลายระบบประสาท เฉดสีเขียวที่หนักไปทางสีน้ำเงินมีพลังในการรักษาอาการส่วนใหญ่ได้ สีเขียวช่วยทำให้เกิดมิตรภาพความหวังความสัตย์ซื่อและสันติภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้รู้สึกสงบและฟื้นฟูสติปัญญา
สีเขียวส่งผลต่อจักระอนาหตะ ช่วยปรับระบบประสาทอัตโนมัติ มีประโยชน์ในการรักษาโรคหัวใจ ความดันสูง เยื่อบุอักเสบ ความเหน็ดเหนื่อย และปวดศีรษะ แต่ไม่ควรใช้รักษามะเร็งเนื้องอก หรืออาการเจ็บป่วยร้ายแรง เพราะสีเขียวช่วยให้เกิดการเจริญเติบโต
สีน้ำเงิน
สีน้ำเงินทำให้ระบบของเราผ่อนคลายและเย็นลง ทำให้พลังของเราสงบสะอาด ทำให้ระบบหายใจเกิดความสมดุลและแข็งแรงขึ้น ใช้รักษาความดันสูงและโรคเกี่ยวกับคอได้ดี สีน้ำเงินเป็นหนึ่งในสีที่ใช้รักษาเด็ก มีประโยชน์ในการรักษาโรคหลอดเลือดดำ สีน้ำเงินใช้ปลุกการรับรู้โดยประสาทสัมผัสและคลายความเหงาเมื่อใช้ร่วมกับสีที่อุ่นขึ้น แต่ในเฉดสีโทนเย็นและสีเฉดแดงส้มจะได้ผลดีมาก นอกจากนี้ยังใช้ปลุกแรงบันดาลใจและการแสดงออกทางศิลปะได้ดีอีกด้วย
สีคราม
สีครามและเฉดสีน้ำเงินเข้มใช้ได้ผลดีกับการรักษาร่างกายและจิตวิญญาณ สีนี้ส่งผลต่อ
จักระอาชณะและปรับอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับจักระให้สมดุล ทำให้ระบบน้ำเหลือง ต่อมต่างๆ และระบบภูมิคุ้มกัน แข็งแรงขึ้น สีครามฟอกเลือดได้ดีเยี่ยม และช่วยขจัดพิษออกจากร่างกาย ปรับสมองและศูนย์รวมเส้นประสาทให้สมดุล รักษาอาการทุกชนิดบนใบหน้า (รวมทั้งตา หู จมูก ปาก และไซนัส)
สีครามยังทำให้อารมณ์สงบลง เราใช้สีครามขณะทำสมาธิเพื่อช่วยให้จิตเข้าสู่สมาธิได้ลึกขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถปลุกความรักอันยิ่งใหญ่และความรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส ใช้รักษาโรคปอดและขจัดความวิตกกังกลบางประการ
การใช้สีครามมากเกินไปก่อให้เกิดความหดหู่ท้อแท้โดดเดี่ยว
สีม่วง
สีม่วงเป็นสีที่ส่งผลต่อระบบโครงกระดูก ทำให้ร่างกายและจิตวิญญาณสะอาดบริสุทธิ์ ใช้รักษามะเร็งได้ดี แสงสีม่วงค่อนมาทางเฉดสีน้ำเงินช่วยบรรเทาโรคไขข้อได้ สีม่วงยังเพิ่มความสามารถในการดูดซับและการใช้แร่ธาตุต่างๆ นอกจากนี้ยังใช้กระตุ้นแรงบันดาลใจและความอ่อนน้อมถ่อมตน สีม่วงยังช่วยให้เกิดกิจกรรมที่คิดหวังไว้ ในการทำสมาธิสีม่วงช่วยให้มองเห็นอดีตชาติได้
สีชมพู
สีชมพูช่วยปลุกความสงสารเห็นอกเห็นใจ ความรัก และความบริสุทธิ์ ช่วยบรรเทาความโกรธ และความรู้สึกถูกทอดทิ้ง ช่วยกระตุ้นต่อมธัยมัสและระบบคุ้มกันของร่างกาย ใช้ในการทำสมาธิเพื่อความรู้แจ้ง สีชมพูรักษาพลังอารมณ์ของเรา
สีเขียวมะนาว
สีเขียวมะนาวทำให้มีชีวิตชีวาและกระตุ้นพลังสมอง เฉดสีเขียวที่อยู่ในสเปกตรัมนี้จะทำหน้าที่ทำความสะอาด สีเขียวมะนาวช่วยนำสารพิษออกมาที่ผิวหนังเพื่อขจัดออกไป สีนี้ยังให้ผลดีต่อเนื้อเยื่อและกระดูก
สีทอง
สีทองเป็นสีที่มีพลังมากในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยปลุกพลังการรักษาของเราเพื่อช่วยให้ร่างกายกลับคืนสู่ดุลยภาพ และยังปลุกเร้าความกระตือรือร้นอีกด้วย
สีน้ำเงินสด (Royal Blue)
สีนี้ช่วยทำความสะอาด ช่วยให้ร่างกายดูดซับออกซิเจน ขจัดความขุ่นมัวในจิตใจ และช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยทางกายที่มีผลต่อสมอง
สีเขียวแกมน้ำเงิน (Aqua)
สีนี้ทำให้ระบบเย็นลง มีประโยชน์ในการลดไข้ ปรับระบบของร่างกายให้สมดุล และใช้ลดและบรรเทาอาการอักเสบ
สีเขียวเข้ม (Turquoise)
สีนี้ทำให้ระบบเย็นลง และให้ผลเหมือนสีน้ำเงินและสีเขียว ให้พลังแก่ระบบและทำให้เกิดความสะอาดบริสุทธิ์ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาโรคผิวหนังและความเจ็บปวดที่รุนแรงและอาการปวดหู
สีม่วงแดง (Purple)
สีม่วงแดงทำให้ระบบสะอาดบริสุทธิ์ แต่สีนี้มีแรงสั่นสะเทือนมาก จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง การใช้สีม่วงแดงมากเกินไปจะก่อให้เกิดความหดหู่ท้อแท้หรือทำให้อาการหนักขึ้น เราใช้สีนี้กระตุ้นกิจกรรมของหลอดเลือดดำในร่างกายได้ ใช้รักษาอาการปวดศีรษะ สีม่วงแดงที่ค่อนไปทางสีแดงมีประโยชน์ในการปรับความสมดุลของขั้วบวกลบในร่างกาย สีม่วงแดงที่ค่อนไปสีน้ำเงินใช้ในการลดขนาด (เช่นกรณีของเนื้องอก) ทำให้ผิวหนังเย็นลง และบรรเทาอาการอักเสบ
สีเงิน
สีเงินและสีเทาบางเฉดช่วยให้ใช้สีอื่นๆ ได้ผลดีขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว สีเงินใช้ในการทำสมาธิเพื่อค้นหาสาเหตุของความเจ็บป่วยและโรคภัย ถ้าเราหาสาเหตุไม่พบ ก็มีโอกาสมากที่จะกลับไปเป็นอีก นอกจากนี้สีเงินยังช่วยให้ค้นพบและใช้จินตนาการสร้างสรรค์ของเรา รวมทั้งปลุกความรับรู้โดยประสาทสัมผัสที่มีติดตัวเราแต่กำเนิด
สีน้ำตาล
สีน้ำตาลใช้ในการรักษาให้เย็นลง ใช้รักษาอาการทางอารมณ์และสติปัญญาอย่างได้ผล และช่วยปลุกสามัญสำนึกและการวินิจฉัยแยกแยะ
สีกับอาการเจ็บป่วย
รายการต่อไปนี้ไม่ใช่ใบสั่งยาแต่เป็นเพียงข้อเสนอแนะที่จะช่วยให้เรามีจุดเริ่มต้นในการรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยสี เป็นแนวทางที่จะเข้าไปดูแลรักษาตัวเองและพัฒนาระบบการใช้สีด้วยตัวเองได้มากขึ้นไม่ใช่การใช้แทนที่การรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน ลองค้นหาว่าเราใช้ประโยชน์จากสีใดได้ ดังนั้นการทดลองใช้สีจึงเป็นวิธีเดียวที่จะรู้ได้ว่าสีใดเหมาะที่สุด
เราต้องเริ่มต้นและจบการรักษาลงด้วยสีขาว เพื่อช่วยให้ได้ผลดียิ่งขึ้นและป้องกันไม่ให้เกิดอาการทรุดหนักลงจากการบำบัดด้วยสี สีขาวจะก่อให้เกิดความสมดุล จำไว้ว่าสีแดงส่งผลต่อร่างกาย มีผลในการกระตุ้นและให้ความอบอุ่น สีน้ำเงินส่งผลต่อพลังจิตวิญญาณมีผลในการทำให้สะอาดและให้ความเย็น เฉดสีเหลืองส่งผลต่อสติปัญญาและเชื่อมร่างกายกับจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน
แม่สีทั้งสามคือ แดง น้ำเงิน และเหลือง ทำให้เรามีโอกาสในการรักษาร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ
อาการเจ็บป่วยและสีที่ใช้
อาการเจ็บป่วย สีที่ใช้
ปวดท้อง เหลือง เขียวมะนาว
เป็นฝี หนอง น้ำเงิน น้ำเงิน-ม่วง
ปวดหู เขียวเข้ม
ปวดศีรษะ น้ำเงิน เขียว
ปวดกล้ามเนื้อ ส้มเข้ม
ปวดฟัน น้ำเงิน น้ำเงิน-ม่วง
สิว แดง แดง-ม่วง
เอดส์ แดง คราม น้ำเงิน
ตามด้วยชมพูและทอง
พิษสุราเรื้อรัง ครามและเหลือง
ภูมิแพ้ ครามและส้มอ่อน
อัลไซเมอร์ น้ำเงินสด น้ำเงิน-ม่วง
ตามด้วยเหลือง
โลหิตจาง แดง
กระวนกระวายใจ น้ำเงินอ่อนและเขียว
เจริญอาหารมากเกินไป คราม
ไม่เจริญอาหาร เหลือง เขียวมะนาว
ไขข้อ ม่วง น้ำเงิน-ม่วง และแดง-ม่วง
หอบหืด น้ำเงินและส้ม
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เหลือง-ส้ม
เลือดออก น้ำเงินเขียว
พุพอง น้ำเงินใส
ความดันสูง น้ำเงิน เขียว
ความดันต่ำ แดง แดง-ส้ม
กระดูก ม่วง เขียวมะนาว
ลำไส้ เหลือง-ส้ม
ทรวงอก ชมพู แดง-ม่วง
หลอดลมอักเสบ น้ำเงิน น้ำเงิน-เขียว เขียวเข้ม
เรอ เหลือง เขียวมะนาว
แผลไฟไหม้
ไม่มีความเห็น