5 กุมภาพันธ์ 2553
สวัสดี กัลยาณมิตร... ผู้น่ารัก
เพราะมีเรื่องราวมากมายให้บันทึก แต่ก็จำเป็นต้องเลือกสักเรื่องหนึ่ง เมื่อคืนวานได้มีโอกาสได้ขัดเกลาความคิดและจิตใจผ่านทางหูทิพย์...(โทรศัพท์)...ไม่ว่าจะคิด จะเขียนสักกี่รอบๆ ก็ยังคงความรู้สึกเป็นสุขอย่างล้นเปี่ยมอยู่ร่ำไป กับการได้คุยกับกัลยาณมิตร...บนโลกใบนี้ มีผู้คนมากมายที่เราได้พบปะพูดคุย แต่เราก็มักจะมีความพึงพอใจที่จะคุยกับใครเพียงไม่กี่คนเท่านั้น...สำหรับฉัน...นับว่ามีน้อยยิ่งกว่าน้อย แต่ก็เพียงพอและพอเพียงอย่างยิ่งแล้ว...เพราะในการพูดคุยแต่ละครั้งจะมีแนวคิดใหม่ๆ แปลกๆ เข้ามาให้ขบคิดเพื่อสร้างสรรค์ชีวิตทุกคราไป มีผู้คนเป็นร้อยเป็นพัน แต่ฉันก็พอใจจะคุยกับเธอเท่านั้น
แล้วคุณล่ะ...มีเพื่อนสักมากน้อยเท่าไร...
มีเพื่อนดีมีเพียงหนึ่งถึงจะน้อย ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา
........................................... ยังดีกว่าน้ำเค็มเต็มทะเล (กัลยาณมิตรช่วยเติมเต็มบทกลอนที่หายไปให้ KIM ด้วยนะคะ)
แม้ว่าเราจะทราบว่า...ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนโลกใบนี้...จะก่อเกิดมาตั้งแต่อดีตดึกดำบรรพ์...แต่เป็นเพราะว่าเรายังต้องมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน...เราจึงต้องเรียนรู้จากบทเรียนในอดีต...ฉันอ่านหนังสือธรรมเป็นประจำ...และเลือกอ่านที่ตัวเองพึงพอใจ...ทำไมนะหรือ...เพราะเราย่อมก้าวเดินไปตามทางที่เราชอบ เราคงไม่ขัดขืนฝืนใจตัวเองให้ทำในสิ่งที่เราไม่พึงปรารถนา...เพราะมิเช่นนั้นแล้วเราจะหาความสุขมิได้เลย....ระยะนี้ฉันศึกษาธรรมที่รวบรวมโดยพระ ว.วชิรเมธี หลวงปู่ชา พระมหาสมปอง พระพยอม กัลยาโณ พระพุทธทาส ภิกขุ ฯลฯ แต่พระธรรมคำสั่งสอนทั้งหมดทั้งมวลผู้รู้แจ้งเห็นธรรมจริงๆ คือพระพุทธเจ้า...แต่ถ้าไม่มีพระในยุคปัจจุบันที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างเหมาะสมกับคนในยุคปัจจุบัน...เราก็คงยังไม่เข้าใจธรรม...อยู่ร่ำไป
ฉันจึงรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง...และขอบคุณตัวเอง...ที่รักการศึกษาธรรมอยู่เป็นนิจ...ฉันคงไม่ไปบอกใครว่าฉันรักการศึกษา รักการปฏิบัติธรรมอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อให้คนอื่นมองหน้าอย่าฉงนสนเท่ห์พร้อมกับคำถามว่า...จริงหรือ? เพราะพระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสไว้ว่า ผู้ใดปฏิบัติธรรม ผู้นั้นจะพบทางแห่งแสงสว่าง เป็นสุขต่อผู้ปฏิบัติเอง แบ่งปันความสุขนั้นให้ใครมิได้...
หากเรามีเงินทองของนอกกายเราก็ยังพอแบ่งปันให้ผู้อื่นได้ แม้แต่ความรู้เราก็แบ่งปันให้ผู้อื่นได้ แต่ถ้าหากว่าแบ่งปันแล้วผู้อื่นรับรู้ ก็ดีไป หากผู้อื่นมิได้รับรู้ มิเห็นถึงคุณค่า ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด
เราอย่าได้เสียใจ...หากเราทำดีแล้ว...แต่คนอื่นไม่เห็นคุณค่า...เราก็ควรจะมีความสุขในสิ่งที่เราทำ...จงมุ่งมั่นทำต่อไป...แล้วบุญบารมีจะคุ้มครองเราเอง
ด้วยความตั้งใจว่าจะเขียนบันทึกเรื่อง...พจนานุกรมชีวิต...แต่ร่ายยาวเรื่องชีวิตจนยืดเยื้อ...ไหนๆ ก็ตั้งใจแล้ว...ก็เขียนบันทึกซะ...อยากรู้เหมือนกันว่าจะออกมาเป็นทำนองไหน เป็นพจนานุกรมฉบับไทย หรือว่าฉบับภาษาอังกฤษ...ไปๆ มาๆ ก็อาจกลายเป็นฉบับย่ออย่างสมบูรณ์ซะงั้น...
“...ในชีวิตของคนเราแต่ละคน...คงมีเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต...และเราก็ได้บัญญัติศัพท์สำหรับตัวเองไว้อย่างมากมายแต่อาจยังไม่เพียงพอ...เราก็สามารถหยิบยืมคำศัพท์จากบุคคลอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวเรา...หรือบางครั้งเราก็ไปอยู่รอบตัวพวกเขา.... คำศัพท์ของใคร...ก็อธิบายความหมายของบุคคลนั้นๆ...มันต่างกันที่ความรู้สึก...เช่นคำว่า...รัก....ชัง...บ้าน...เพื่อน....กลัว...หรือคำว่า...ตาย...บางคนเสียชีวิตแต่ยังไม่ตาย....”
และแล้วบันทึกฉบับนี้...ก็เป็นบันทึกฉบับย่อที่ไม่บริบูรณ์...หากท่านบัญญัติศัพท์ใหม่ๆ ได้สักหลายคำ...โปรดแนะนำต่อ(เด็ก..สตรี..)คนชรา...บ้างนะคะ...ขอบคุณยิ่งแล้ว
ด้วยความนับถือ
My Regards
KIM
ขอบคุณความไม่สมบูรณ์ของชีวิต
ที่ทำให้เราคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่
ขอบคุณความเป็นมา...และเป็นไป
ที่สร้างโอกาสให้...เราเติมเต็ม
.....................................