นายตะวัน Dr.sun9way
นายอำนวย นายตะวัน Dr.sun9way นาคกนิษฐ

ก้าว (๙) ทาง สร้างโลกใหม่


สร้างได้แน่..แค่ผู้คนช่วยกันใช้ปลายนิ้วคลิก..

หนังสือเล่มนี้ แจกฟรี ติดต่อโดยตรงที่ "นายตะวัน"

เนื้อหาบางส่วนมีดังนี้

-----แนวคิดหลัก-----

ขอฝันใฝ่ไว้ไกลถึงปลายฟ้า
และจะเพียรไปจนสุดแรงล้า
แม้ถึงได้เพียงยอดหญ้าก็ยินดี

คนเราเกิดมาไม่ช้าไม่นานก็ตาย

เกิดมาเพื่อตัวเองคนเดียว
หรือเพื่อคนที่ตนรักไม่กี่คนก็มีค่าน้อย
เกิดมาเพื่อกลุ่มชน เชื้อชาติ หรือศาสนา
ก็มีค่ามากขึ้นมาอีกหน่อย แต่ก็น้อยอยู่ดี
คนมีปัญญาเกิดมาทั้งที
ควรส่งเสริมความดี
สร้างสรรค์ความงาม
และสื่อสารความจริง
อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ให้กว้างใหญ่
โดยไม่จำกัดกลุ่มชน เชื้อชาติ หรือศาสนา
ด้วยจิตอันเป็นอิสระจากกิเลสตัณหา
จึงหมดความหวังได้ คงไว้แต่ความหวังดี
ซึ่งย่อมจะไม่มีความเห็นแก่ตัวอีกต่อไป
เมื่อทำได้แบบนี้ก็จึงจะพูดได้เต็มปากว่า

“กูเกิดมาไม่เสียชาติเกิดแล้วโว้ย”

-----โลกเก่ามันไม่ดีตรงไหน ?-----

ตรงที่มันหมักหมมสะสมปัญหาเอาไว้มากมาย
จนตัวดาวโลก อันเป็นที่อยู่อาศัย ก็ร้อนขึ้นๆ ใกล้จะละลาย
และสัตว์โลก อันเป็นผู้อยู่อาศัย ก็กำลังจะอยู่ไม่ได้ ใกล้จะสูญพันธุ์
โดยเฉพาะเผ่าคน สัตว์ที่เรียกตัวเองว่า “มนุษย์” (ผู้มีใจสูง)
แต่กลับหยุดกิเลสตัณหาที่ครอบงำใจตัวเองเอาไว้ไม่ได้
กลายเป็นผู้ก่อความวุ่นวายทำลายล้างโลกมากที่สุด
ด้วยการล้างผลาญทรัพยากร บ่อนทำลายระบบนิเวศ
อันเป็นต้นเหตุให้อุณหภูมิสูงขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย
มหาสมุทรกำลังจะท่วมฝั่ง กลืนกินแผ่นดินเข้ามาเรื่อยๆ

ด้านสังคม หรือการอยู่ร่วมกันของเผ่าพันธุ์คนเอง
ก็หาความสงบสุขได้ยาก ทำมาหากินลำบาก และยื้อแย่งกันเอง
ก่อให้เกิดความรุนแรง แก่งแย่ง แข่งขัน กันในทุกระดับ
ครอบครัวแตกร้าว สังคมสับสน ชุมชนอ่อนแอ ประเทศชาติเป็นง่อย
โลกทั้งโลกปั่นป่วน เต็มไปด้วยชนวนสงครามที่รอวันระเบิด

โลกเก่ามันไม่ดีตรงนี้ ตรงที่หาความปลอดภัยไม่ได้แล้ว
ถ้าคนทั้งโลกไม่รีบตื่นตัว ยังมัวเมาประมาทขาดสติกันอยู่
ก็ทำนายได้เลยว่า อีกไม่ช้าไม่นาน “วันโลกแตก” จะมาถึงอย่างแน่นอน

-----โลกใหม่มันวิเศษเพียงใด ?-----

อย่าเพิ่งฝันไกลใฝ่หาความวิเศษสมบูรณ์เลย
ตอนนี้เอาแค่แก้ปัญหาเก่าให้ได้ก่อน
ลดโลกร้อน ผ่อนโลกวุ่น ให้เบาบางจางคลายลงมา
จนพอเบาใจได้ก่อนว่า ดาวโลกจะไม่ละลาย
สังคมจะไม่สับสนวุ่นวาย สรรพสิ่งจะไม่เสื่อมสิ้นสาบสูญ

คนรุ่นเราเอาแค่แก้ปัญหาเก่าให้ได้ก่อน ก็หืดขึ้นคอแล้ว
ส่วนความวิเศษสมบูรณ์ หรือโลกพระศรีอาริย์ที่ชาวพุทธปรารถนา
เอาไว้ให้คนรุ่นหลัง รุ่นลูกรุ่นหลาน เขาสืบสานต่อไปเถิด
คนรุ่นเรานี้คงไม่มีหนทางได้พบหรอก มันถลำมาไกลเกินไปแล้ว

ตอนนี้ก็เหลืออยู่แค่ว่า แก้ปัญหาเก่าที่ตัวเอง (คนรุ่นเรา) ก่อไว้ให้ได้
ไม่ให้ตกไปเป็นภาระของคนรุ่นหลัง รุ่นลูกรุ่นหลาน เท่านั้น
อันพอจะภูมิใจได้ว่า “ตัวเองมีคุณค่าคู่ควรของเซ่นไหว้จากลูกหลาน”

ค่าของเรา ค่าของคนรุ่นเรา เอาแค่นี้ก็พอได้ชื่อว่า “ไม่เสียชาติเกิด” แล้ว

-----จะไหวหรือ จะทำได้หรือ จะสำเร็จได้อย่างไร ?-----

ทำไมต้องตั้งคำถามแบบนี้ เหมือนคนขี้แพ้ตั้งแต่ยังไม่ต่อสู้
ถ้าคนทั้งโลกเอาแต่ตั้งคำถามทำนองนี้ ก็ทำใจเสียเถิดว่า
อีกไม่ช้าไม่นานโลกนี้จะต้องย่อยยับดับสลาย (ไปก่อนกาลอันสมควร)
ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะความไม่เอาไหนของผู้อยู่อาศัยเหล่านี้เอง

จะไหวหรือไม่ไหว ? ก็ขอให้ได้ต่อสู้จนสุดกำลังความสามารถ
จะทำได้หรือทำไม่ได้ ? ก็ขอให้ได้ทำจนถึงโอกาสสุดท้าย
จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ? ก็ขอให้ได้เพียรพยายามจนสุดฝีไม้ลายมือ
นี่คือคติของนักสู้ ผู้กล้า ผู้เป็นพลเมืองดีมีคุณค่าของแผ่นดิน

ในเมื่อรู้ว่า ปัญหาดังกล่าวมันหนักหนา ทำคนเดียวไม่ไหว
ทำคนเดียวไม่ได้ ทำคนเดียวไม่สำเร็จ แต่มันจำเป็นจะต้องทำ
ก็จะต้องตระหนักว่า มันเป็นภาระหน้าที่ของผู้คนทั้งโลก
ที่จะต้องร่วมด้วยช่วยกัน แบบคนละไม้ละมือ มิใช่หรือ ?
เพราะทุกคนบนโลกต่างก็ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน หนีไปไหนก็ไม่พ้น

นี่คือภารกิจ อันเป็นหน้าที่ เป็นธรรมะ เป็นมหากุศล
ที่ผู้คนทั้งโลกจะต้องเลิกแบ่งแยกกลุ่มชน เชื้อชาติ หรือศาสนา
แล้วหันหน้าเข้ามาปรึกษาหารือกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน “กอบกู้โลก” ให้จงได้
เพื่อปูทางไว้ให้คนรุ่นต่อไป “สร้างโลกใหม่” ให้สำเร็จจริงๆ

-----ถ้าอย่างนั้นก็ลองว่ามา ?-----

อันที่จริงทุกปัญหา ทุกวิกฤตการณ์ ที่รุมเร้าโลกอยู่
และอย่างมากมายมหาศาล จนปานประหนึ่งว่าจะแก้ไขไม่ไหวแล้วนั้น
ที่แท้ก็มีแค่ ๒ อย่าง คือ ปัญหาอันเกิดจากภัยตามธรรมชาติอย่างหนึ่ง
กับปัญหาที่เกิดมาจากกรรมหรือการกระทำของคน (เราเอง) อย่างหนึ่ง

อย่างแรกแม้จะรุนแรง แต่ก็นานๆ จึงจะเกิดขึ้นสักครั้ง
ส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องเผชิญกันไป แก้ไขตามสถานการณ์
ส่วนอย่างหลังหลีกเลี่ยงได้ แก้ไขได้ ขอแค่มีสติปัญญากันจริงๆ
แต่ก็น่าเสียดาย และช่างน่าอับอายขายหน้าตัวเองนัก
ที่ปรากฏว่าโลกทั้งโลกกำลังถูกปัญหาอย่างหลังนี้รุมเร้าอย่างหนัก
หมักหมมสะสมแบบดินพอกหางหมูไม่รู้จบไม่รู้สิ้น
ทั้งยังทวีความรุนแรง สลับซับซ้อน และซ่อนเงื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ
ประจานตัวเองว่า “คนหรือมนุษย์นี้หาได้มีสติปัญญาอย่างแท้จริงไม่”
ที่แท้เป็นแค่สัตว์โง่ผู้ถูกอวิชชาและกิเลสตัณหาครอบงำอยู่เท่านั้น
จึงทำให้ต่างคนต่างก็ยึดมั่นถือมั่น มัวเมา เอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว
จนก่อให้เกิดปัญหาสังคมหมักหมมเพิ่มพูนอย่างที่เห็น อย่างที่เป็นอยู่

ถ้าเพียงแค่ผู้คนทั้งโลก รู้จักลดความเห็นแก่ตัวลงบ้าง
หรือรู้จักข่มใจตัวเอง เอาชนะกิเลสตัณหา ไม่ยอมให้มันมาไสหัวตัวเองอีก
เพียงเท่านี้ปัญหาหรือวิกฤตการณ์ที่หนักๆ ก็จะทุเลาเบาบางลงไปได้มาก

-----ขอที่เป็นรูปธรรม ที่จะเป็นทางสร้างโลกใหม่ได้จริงๆ ?-----

ขอเสนอไว้ ๙ ทาง สำหรับก้าวไปให้ถูกทาง ดังนี้

๑. แก้ปัญหาพ่อไปทาง แม่ไปทาง ทิ้งลูกให้เคว้งคว้างให้ได้ก่อน
แล้วช่วยกันทำให้พ่อแม่ลูกรักผูกพันกันด้วยคุณธรรมอย่างยั่งยืนต่อไป
๒. แก้ปัญหาการศึกษาระบบคอก ที่เอาแต่กรอกดาต้า บ้าเปเปอร์ โอเวอร์ไฟล์
ให้ได้ก่อน แล้วช่วยกันทำให้การศึกษาเน้นการฝึกฝน ทำให้คนพึ่งพาตนเองได้
ช่วยเหลือสังคมเป็น และรู้จักสัจธรรมของชีวิตอย่างแจ่มแจ้ง
๓. แก้ปัญหาศาสนา (ทุกศาสนา) ที่กลายเป็นบริษัทขายบุญจำกัดให้ได้ก่อน
แล้วช่วยกันทำให้ศาสนากลับมาพาผู้คนให้หลุดพ้นออกไปจากสรรพทุกข์
ด้วยการละกิเลส ลดความเห็นแก่ตัว และทำจิตใจให้ผ่องแผ้วกันทั่วทั้งโลก
๔. แก้ปัญหาค่านิยม แบบฝาหม้อบนบาตรพระ ที่ผิดฝาผิดตัวให้ได้ก่อน
แล้วช่วยกันทำให้ผู้คนทั้งโลกหลุดออกมาจากวัตถุนิยม บริโภคนิยม
หันมาชื่นชมหน้าที่ (ธรรมะ) ใฝ่ผลิต ชอบงานหนัก รักงานยาก มุ่งฝากฝีมือ
เพียรสร้างชื่อด้วยความเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
๕. แก้ปัญหาสิทธิเสรีภาพที่เฟ้อ จนลืมหน้าที่และความยุติธรรมให้ได้ก่อน
แล้วช่วยกันทำให้ผู้คนมีความยุติธรรมต่อกัน ขยันหมั่นเพียรในการทำหน้าที่
และเคารพสิทธิเสรีภาพระหว่างกัน อย่างสร้างสรรค์ สมดุลและยั่งยืน
๖. แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก ที่ตกอยู่ในสภาพ “ต้นไม้กับด้วงเขลา” ให้ได้ก่อน
แล้วช่วยกันทำให้ผู้คนบนโลกนี้ เลิกเป็นด้วงเขลา กลับมาอ่อนน้อมถ่อมตน
และเคารพยำเกรงต่อธรรมชาติ ร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติกันอย่างจริงจัง
๗. แก้ปัญหาอวิชชาโลก ที่ตกอยู่ในสภาพ “ใยแมลงมุมกับมดโง่” ให้ได้ก่อน
แล้วช่วยกันทำให้ผู้คนทั้งปวงรู้จัก รู้จำ รู้จริง และรู้แจ้ง จนเข้าใจ “อัตตา” ว่า
เป็นเพียงสมมติ แล้วเข้าถึง “อนัตตา” (ความเชื่อมโยงส่งผลถึงกัน) อันจริงแท้
จนทำให้จิตสลัดอัตตา ไม่เหลือตัวตนไว้สำหรับเห็นแก่ตัวอีกต่อไป
๘. แก้ไขความละโมบโลภมาก ที่ทำให้ยิ่งรวยก็ยิ่งลำบากยากไร้ ให้ได้ก่อน
แล้วทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ร่ำรวยออกมาจากข้างใน (มีจิตใจที่พอเพียง) ถ้าภายนอก
ยังยากจนก็จะขยันหมั่นเพียร ถ้าภายนอกร่ำรวยแล้วก็จะเสียสละเพื่อส่วนรวม
๙. แก้ไขปัญหาบ้าอำนาจ ที่ทำให้เกิด “อธิปไตยบนกองเลือด” ให้ได้ก่อน
แล้วช่วยกันทำให้ชุมชน ประเทศชาติ และโลกทั้งโลก มีวิธีการเลือกตั้ง
หรือวิธีการคัดสรรให้ได้คนดี มีความสามารถ และเสียสละแท้จริง เข้าไปมีอำนาจ
บริหารชุมชน ปกครองประเทศชาติ และประสานอำนาจโลก ให้บริสุทธิ์ยุติธรรม
อำนวยประโยชน์สุขและความเสมอภาค (ยุติธรรม) แก่ทุกคนบนโลกนี้ให้ได้จริงๆ

(อ่านรายละเอียดต่อได้ในเว็บไซต์นายตะวัน)

http://www.naaitawan.com

 

หมายเลขบันทึก: 333791เขียนเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2010 11:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท