ซ.ซวง
นาย นพรัตน์ รัตนพงศ์ผาสุข

กะลาภิวัตน์ - ลงทุนอ่านเพียงหนึ่ง...แต่ได้ถึง 23 เล่มแน่ะ


...โลกนี้จะรอดไหม คงไม่มีใครบอกได้ ลองถาม "หัวใจ" ตัวเองดูสิครับ...

 

ผมได้หนังสือเล่มนี้มาตั้งแต่เดือน ต.ค. 52

ตอนงานมหกรรมหนังสือ ที่ศูนย์สิริกิต

จำได้ว่าวันนั้น เห็นหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง  ชื่อ Collapse

ที่โปรโมทขายกันในงาน  กะว่าจะซื้อมาอ่าน

แต่มีความรู้สึกว่าแพง และหนังสือก็หนามาก เลยไม่ได้ซื้อ

 

โฉบไปโฉบมา เหลือบไปเห็นหนังสือเล่มนี้ที่ชื่อ

 “กะลาภิวัตน์” – Galalization

ที่บูทสำนักพิมพ์โอ้พระเจ้า

 

เอหนังสืออะไรหว่า ชื่อแปลกๆ

บนหน้าปกมีคำโปรยบอกว่า

 

“…สกัดแก่น 23 หนังสือทำนายอนาคตโลกชั้นเยี่ยม

เพื่อเตรียมคุณสู่โอกาสและความท้าทายของวันพรุ่งนี้…”

 

สกัดโดย  ดร.ไสว บุญมา และ พญ.นภาพร ลิมป์ปิยากร

 

ผมพลิกๆ ดูสารบัญเพื่อจะดูรายชื่อหนังสือทั้ง 23 เล่ม ที่อาจารย์ทั้งสองท่านสกัดมาให้อ่าน

เห็นมีหนังสือชื่อ Collapse อยู่ด้วย

ผมจึงตัดสินใจได้ง่ายมากที่จะซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน

เพราะได้ อ่านทั้ง Collapse  แถมยังมีเล่มอื่นๆ อีกตั้ง 22 เล่ม

ในราคาเพียง 250 บาท 

เมื่อเห็นและคิดได้ดังนี้ จึงรีบตระครุบไว้หนึ่งเล่มโดยไม่ต้องคิดมาก

ก็ในเมื่อมีคนใจดี  ลงทุนอ่านหนังสือฝรั่ง ตั้ง 23 เล่ม

แถมยัง สกัดแก่นความออกมาให้อ่านกันภายในเล่มเดียว

กำไรสองต่อจริงๆ ครับ

 

ที่ชอบอีกอย่างในหนังสือเล่มนี้  คือการแบ่งหมวดหมู่ของเนื้อหา

และการเดินเรื่องเป็น 7 ส่วน โดยอาศัยหนังสือเล่มต่างๆ ที่ทีมผู้สกัด คัดมาเป็นตัวเดินเรื่อง

 

บทนำ : โลกเข้าสู่ทางสองแพร่ง 

-  The Chaos Point  (โลกเข้าสู่ทางสองแพร่ง)

 

องค์ที่ 1 : ความใฝ่ฝันวันโลกเยาว์

-  Gun, Germs and Steel (ชะตากรรมของสังคมมนุษย์)

-  A Forest Journey (ป่ากับอารยธรรม)

-  The Rise and Fall of the Great Powers (อำนาจใดจะอยู่ค้ำฟ้า)

-  The Clash of Civilizations (การปะทะของอารยธรรม)

 

องค์ที่ 2 : พรุ่งนี้ของโลกาภิวัตน์

-  The Lexus and the Olive Tree (รถยนต์กับต้นมะกอก)

-  The World is Flat (ศตวรรษที่ 21 โลกจะแบน)

-  Revolutionary Wealth (นับทรัพย์สินแบบ ปฏิวัติ)

-  The Next Global Stage (โลกนี้คือละคร)

 

องค์ที่ 3 : หมอกและควันแห่งการพัฒนา

-  The Wealth and Poverty of Nations (ประเทศรวย-ประเทศจน)

-  Underdevelopment is a State of Mind (ความด้อยพัฒนาเป็นภาวะทางจิต)

-  Guide to the Perfect Latin American Idiot (ปัญญาชนปัญญาอ่อน)

-  Stage Building (ภารกิจหลังวันสิ้นประวัติศาสตร์)

 

องค์ที่ 4 : หายนะที่คืบคลาน

-  Collapse (ความล่มสลายกับความอยู่รอด)

-  An Inconvenient Truth (ความจริงที่ไม่มีใครอยากฟัง)

-  Field Notes from a Catastrophe  (บันทึกสนามจากความวิบัติ)

-  The Winds of Change (ฆาตกรรมข้ามศตวรรษ)

-  Water (น้ำกับชะตากรรมมนุษยชาติ)

 

องค์ที่ 5 : กะลาภิวัตน์

-  Who Moved My Cheese (ใครย้ายเนยแข็งของฉัน)

-  The Price of Privilege (ต้นทุนของความร่ำรวย)

-  The Progress Paradox (ก้าวหน้าแต่ว่าไร้สุข)

-  Happiness (ความสุข)

 

และบทสรุป : เปลี่ยนโลกด้วยวิธีเด็ดดอกไม้สะเทือนดวงดาว

-  The Tipping Point (จุดพลิกผัน)

 

หากจะว่าโดยสรุป ตามความเข้าใจส่วนตัวหลังจากที่ได้อ่านเล่มนี้ (23 เล่มนี้) แล้ว

เหมือนได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า...

 

โลกปัจจุบันนี้  กำลังเดินทางมาถึงทางสองแพร่ง

ทางหนึ่งคือหายนะของมนุษยชาติ

อีกทางหนึ่งคือทางรอด

เหล่ามนุษยชาติทั้งมวลล้วนมีความรับผิดชอบร่วมกัน

ที่จะต้องกำหนดอนาคตของเราเสียใหม่

 

ผลพวงแห่งการพัฒนาเข้าสู่โลกยุคใหม่

ตั้งแต่หลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม

ได้ทำให้โลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

พวกเราได้ “ถลุง” ทรัพยากรต่างๆ ของโลกไปอย่างรวดเร็ว

จนดูประหนึ่งว่า  ทรัพยากรต่างๆ นั้นกำลังจะหมดไปจากโลกในไม่ช้า

ไม่ว่าจะเป็น  น้ำสะอาด  ป่าไม้ และน้ำมัน เป็นต้น

 

พร้อมกันนั้น พวกเราเหล่ามนุษยชาติ ก็ได้ทิ้ง “ขยะ”

อันเป็นเศษเดนที่เหลือจากการพัฒนาไว้ให้โลกนี้มากมาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  การเผาคาร์บอนไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการผลิต

และการทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศ

ได้ส่งผลให้โลกนี้ร้อนขึ้นทุกวัน ๆ

และน่าจะทำให้ สิ่งมีชีวิตหลายๆ ชนิด อยู่ไม่ได้

และคงสูญพันธุ์ไปในไม่ช้า

 

บนวิถีแห่งการพัฒนา มนุษย์ที่ดูเหมือนว่าจะเจริญก้าวหน้า

มีความศิวิไล มีอารยธรรมอันสูงส่ง มีตึกระฟ้ามากมาย

มีไฮเทคโนโลยีเต็มไปหมด

 

แต่ในขณะเดียวกันที่ระบบนิเวศน์ของโลกใบนี้กลับค่อยๆ ถูกทำลายลงทีละน้อย

จนย่อยยับไปในที่สุด

 

ในแต่ละก้าวย่างของสิ่งที่เรียกว่า “การพัฒนา”

โลกภายนอกนั้นยิ่งดูเหมือนว่า จะเสื่อมทรามลง เลวร้ายลงเรื่อยๆ

โลกภายในของมนุษย์นั้นก็ไม่แตกต่างกัน

พวกเราส่วนหนึ่งดูเหมือนว่าจะก้าวหน้าขึ้น มีการศึกษามากขึ้น ฉลาดขึ้น ร่ำรวยขึ้น

แต่ทว่าในจิตใจนั้น ไร้สุข โดยสิ้นเชิง

ทุกวันนี้ ผู้คนในเมืองใหญ่ ศิวิไล 

ล้วนป่วยด้วยโรคร้ายแห่งยุคสมัยที่ไม่แตกต่างกัน

พวกเราต่างเปล่าเปลี่ยว แปลกแยก โดดเดี่ยว ว้าเหว่

พวกเราล้วนดำรงอยู่อย่างเป็นเอกเทศ ด้วยความหวาดระแวงกัน

พวกเราล้วนไม่เคยเหลียวมองไปยังผู้คนรอบข้าง

พวกเราล้วนทำทุกอย่าง เพื่อกอบโกยหาความสุขเข้าตัวให้ได้มากที่สุด

แต่ในท่ามกลางการดิ้นรนแสวงหา ก็ดูเหมือนว่า 

นับวัน “ความสุข” ในโลกนี้ช่างหาได้ยากเย็นขึ้นทุกที

 

สถานการณ์ที่เห็นในปัจจุบันนี้

ไม่ว่าจะเป็น ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ

มลพิษทางสิ่งแวดล้อม

ความล่มสลายของสังคมเมือง

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า

นี่คือ “สัญญาณแห่งหายนะ” 

ที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า 

หากโลกยังคงดำเนินไปเยี่ยงนี้

ในอีกไม่นาน โลกคงถึงกาลอวสาน จากน้ำมือของพวกเราเป็นแน่

 

แล้วอะไรหรือ คือทางรอด ???

ทางทีมผู้สกัดหนังสือได้นำเสนอว่า

คำแนะนำของท่าน มหาตมะ คานธี ที่ได้ถูกกล่าวอ้างไว้ใน The Chaos Point นั้น

น่าจะเป็นคำตอบไปสู่ทางรอดของอนาคต

 

ท่านคานธี เคยกล่าวไว้ประมาณว่า

 

“...โลกนี้มีทรัพยากรมากมายไม่จำกัด ซึ่งเพียงพอสำหรับทุกคนบนโลกใบนี้ แต่มันไม่เพียงพอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว...”

 

สิ่งที่ท่านคานธีกล่าวนั้น  ล้วนสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชนบรรพกาล

ที่เน้นการเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด และคุ้มค่า

ไม่ว่าจะเป็น วิถีแห่งชนเผ่าอินเดียนแดง   ปกากญอ  ชาวเอสกิโม เป็นต้น

 

เป็นที่น่ายินดี และน่าปลาบปลื้มใจว่า

ในท่ามกลางวิกฤติของโลกในขณะนี้

หลายๆ คนบนโลกนี้เริ่มเล็งเห็นว่า

"ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง"

ที่ในหลวงของเราทรงพระราชทานให้แก่คนไทย และชาวโลกไว้นั้น

ดูจะเป็นทางออกสำหรับโลกอนาคตได้อย่างแน่นอน

 

บทเรียนแห่งการพัฒนาที่ผ่านมานั้น

ทำให้โลกแทบแตกสลาย

ทำให้ใจเราร้อนรน เข่นฆ่า ทำลายกัน

ล้วนมาจาก “ความไม่พอเพียง” ในใจของเรา

 

โลกนี้จะรอดไหม

คงไม่มีใครบอกได้

ลองถาม  “หัวใจ” ตัวเองดูสิครับ

-------------------------------

พร่ำพรรณามาเสียยืดยาว

เพียงเพื่อจะบอกว่า

“คุ้มค่า” เกินราคาครับเล่มนี้

 

หมายเลขบันทึก: 332923เขียนเมื่อ 31 มกราคม 2010 23:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • น่าอ่านมากค่ะ จะลองไปหาซื้อมาอ่านดู  เป็นหนังสือที่เหมาะกับนักอ่าน นักคิดจริง ๆ ประหยัดเวลาอ่านเล่มอื่น ๆ อีกหลายเล่ม เพราะมีคนคิดไว้ให้เสร็จสรรพ
  • แล้วจะขอเวลามาเรียนรู้เรื่องนี้อย่างลึกซึ้งอีกคะ พักผ่อนเยอะๆ ด้วยนะคะ

สวัสดีครับ พี่ศิลา

ขอบคุณครับที่ช่วยเชียร์อีกแรง

อยากให้มีหนังสือประเภทนี้อีกเยอะครับ

ขออนุโมทนาในความพยายาม และความตั้งใจดีของทีมงานผู้สกัดอีกทีครับ

เล่มนี้ไม่เคยอ่านครับ

น่าสนใจมากครับ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท