สะสมทุนชีวิต ตอนที่ ๑


เพราะเขามีทุนชีวิตที่คอยจุนเจือตัวเองและครอบครัวอยู่ มีเงินหรือไม่จึงไม่สำคัญเท่ากับมีทุนชีวิตที่สามารถเก็บกินไปตลอดชีวิต

สืบเนื่องจากการประชุมสรุปบทเรียนการทำงานของฮักเมืองน่านเมื่อปลายปีที่แล้ว มีข้อเสนอจากพี่น้องอาสาสมัครฮักเมืองน่านว่า น่าจะมีกิจกรรมเยือนบ้านพี่บ้านน้องกัน เพื่อสานความสัมพันธ์กันในองค์กร และไปดูกิจกรรมดีดีที่พี่น้องแต่ละคนได้ก่อร่างสร้างตัวไว้ และ อนงค์ อินแสง" อาสาสมัครตั้งแต่ยุคก่อร่างสร้างตัวของฮักเมืองน่านก็อาสาเป็นเจ้าภาพแรกที่จะให้พี่น้องไปเยือนบ้าน กำหนดไว้วันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๓ ณ สวนของอนงค์ที่บ้านหาดเค็ด ตำบลเมืองจัง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน

"อนงค์ อินแสง" ปอกผลไม้ และเล่าเรื่องสวนอย่างมีความสุข

ผมรู้จัก “อนงค์" เมื่อ ๑๐ กว่าปีที่แล้ว ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นงานบวชป่าที่สันติสุข ตอนนั้นอนงค์ยังเป็นสาวน้อย เป็นคนรุ่นใหม่ที่จบการศึกษาแล้วมาทำงานรับใช้บ้านเกิด สร้างสำนึกเยาวชนรุ่นใหม่ให้รักถิ่นฐานบ้านเกิด รักสิ่งแวดล้อม อยู่เรื่อยมาเติบโตมากับฮักเมืองน่าน ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนมาเป็นมูลนิธิฮักเมืองน่านในปัจจุบัน

แม้ฮักเมืองน่านจะเติบใหญ่ไปตามกาลเวลา แต่สิ่งหนึ่งที่อนงค์และฮักเมืองน่านไม่เปลี่ยนแปลงคือ “ความรักถิ่นฐานบ้านเกิด"

วันนี้อนงค์มีครอบครัวเป็นหลักเป็นฐาน แต่ก็ยังคงอาสาทำงานให้กับฮักเมืองน่านเรื่อยมา และคิดว่าเรื่อยไป

“งานอาสาสมัคร" เป็นงานที่ทำบนความคาดหวังของคนจำนวนมาก ภาระงานก็มากเป็นเงาตามตัว แต่เมื่อมีครอบครัว มีภาระต้องใช้จ่าย ความเป็นอาสาสมัคร ที่มีเงินตอบแทนเพียงน้อยนิด และไม่มีหลักประกันชีวิตที่มั่นคงได้ นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับอาสาสมัครที่ใครๆ คิดว่ามีเงินดี แต่จริงๆ แล้ว นักพัฒนาไส้แห้ง

จากประสบการณ์การเรียนรู้ การพบปะผู้คน และมีโอกาสไปศึกษาเรียนรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้คนในที่ต่างๆ มากมาย เห็นตัวอย่างดีดีของเกษตรกร และชาวบ้านหลากหลาย ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะมีสวนของตนเองที่จะเป็นทุนชีวิตให้ค้ำจุนครอบครัว

“อนงค์" จึงใช้สวนแปลงเล็กๆ พื้นที่ ๒ ไร่เศษ (น่าจะเป็นมรดกของพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ให้มา) เริ่มพลิกฟื้นผืนดินเล็กๆ ปรับปรุงดิน กำจัดวัชพืช ปลูกไม้ผล พืชผัก พื้นบ้าน และอีกสารพัด เป็นเกษตรประณีต ที่ต้องดูแลเอาใจใส่ ปรับปรุงดิน ดูแลวัชพืช ดูแลแมลงที่จะมากัดกิน เรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ เก็บความรู้เล็กผสมน้อยจากชาวบ้านมาปรับใช้กับแปลงของตนเอง

ที่สำคัญต้องต่อสู้กับวิธีคิดการปลูกแบบหวังสร้างเงิน(วัตถุนิยม)กับการปลูกพอกิน ไม่พึ่งสารเคมี หวังใช้ผืนดินเป็นพื้นที่เรียนรู้และสร้างระบบคิด และจัดการชีวิตของตนเอง

แม้หนทางจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ด้วยน้ำอด น้ำทน ความพยายาม และหยัดยืนในแนวทางที่ได้วางไว้ เพียรมาดูแลเอาใจใส่ช่วงเช้าและเย็นยามเสร็จสิ้นจากภารกิจงานอาสา ทำให้ผืนดินที่แห้งแล้ง ได้กลายเป็นสวนที่มีชีวิต มีพืชผลและผักนานาชนิดให้ได้ชื่นใจ ได้เก็บเกี่ยวผลมากิน พอเหลือแบ่งปัน และเหลือขายบ้าง เพื่อนำทุนมาปรับปรุงขยายพืชพันธุ์ออกไป

ตอนนี้สวนที่ไม่เคยมีอะไร ก็มีสารพัดไม้ผล ไม้ล้มลุก และพืชผัก ให้ได้เก็บกิน ทั้ง ฝรั่ง, พุทรา, หน่อไม้, มะละกอ, อะโวกาโด, หวาย, แก้วมังกร, กล้วย, มะแว้ง, แค, มะเฟือง, ผักกาด, ข่า, ตะไคร้, มะกรูด, มะนาว ฯลฯ

ผลไม้จากสวน

พร้อมๆ กับปลูกห้างนาเล็กๆ ไว้เป็นที่พักพิง เป็นที่ผ่อนพักยามเหนื่อยล้า

วันนี้ผมคิดว่า “อนงค์" ได้สร้างทุนชีวิตให้กับตนเองและครอบครัวได้อย่างมั่นคง ค่าเงินจะขึ้นหรือลง น้ำมันจะแพงหรือไม่ ใครจะปิดบริษัท ยุบกิจการ ใครจะถูกไล่ออก คงไม่สำคัญ เพราะเขามีทุนชีวิตที่คอยจุนเจือตัวเองและครอบครัวอยู่ มีเงินหรือไม่จึงไม่สำคัญเท่ากับมีทุนชีวิตที่สามารถเก็บกินไปตลอดชีวิต

นี่กระมังที่อนงค์บอกว่า "กุ้มกิ๋น กุ้มอยู่ กุ้มตาน"

ขอบคุณอนงค์ และครอบครัว ที่ได้เปิดตา เปิดใจ ให้ผมได้เห็นการสะสมทุนชีวิต และที่สำคัญทำให้ท้องเราอิ่มไปกับเมนูอาหารพื้นบ้านหลากหลายอย่าง ขอบคุณเพื่อนเดินทางฮักเมืองน่านทุกคน ที่แบ่งปันความรู้และประสบการณ์

แกงหยวก

แกงผักขี้ขวง

ผักนึ่งแกล้มน้ำพริก

เม็ดมะขามคั่ว

เม็ดมะมื่น

ส้มตำ

หลังกลับจากสวนอนงค์ ผมกลับมาเล่าให้แม่น้องซอมพอและซอมพอฟัง ก็ฝันว่าสักวันในวันจะมีสวนเล็กๆ แบบนี้บ้าง

ตอนนี้ก็คิดว่าจะมาดูแลสวนบ้านให้ดีก่อน แล้วค่อยคิดการอื่น

...................................

หมายเลขบันทึก: 330922เขียนเมื่อ 25 มกราคม 2010 14:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม 2015 16:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ทุนชีวิต ที่"กุ้มกิ๋น กุ้มอยู่ กุ้มตาน" ชื่นชม และเป็นกำลังใจค่ะ

เห็นส้มตำแล้วน้ำลายสอเลยค่ะ ขอบคุณคุณพ่อน้องซอมพอ ค่ะ

สุดยอดเลยครับ ถ้าคิดเลยจากที่กล่าวไปอีกนิดนึงก็น่าจะพอดี (เติมน้ำหนักของพอขายให้มากอีกซักนิดน่ะครับ)

คุณแม่น้องปัณณ์ปัณณ์

ในฐานนะที่เคยเป็นอาสาสมัคร(ในองค์กรนี้) ด้วยเหตุผลของคำว่า "ความมั่นคงของชีวิต" จึงทำให้ต้องดิ้นมากกว่าเดิม เปลี่ยนตัวเองมาเป็นผู้ประกอบการ ทำธุรกิจ ที่ต้องอิงกับปัจจัยหลายอย่าง ทำให้รู้สึกเหนื่อยบ้าง แต่งด้วยเหตุผลทีถามหาแต่ความมั่นคงของชีวิต ก็ต้องทำหน้าที่นี้ต่อไป หลายๆคนมีชีวิตแบบนี้ แต่เราเลือกได้ที่จะดำเนินในแนวทางใด ยังไม่ลืมในวิถีชีวิตที่เราเป็น อุดมการณืที่มียังเปรี่ยมล้นเหมือนเดิม และมีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นอีกว่า เราจะกลับบ้าน "ฮักเมืองน่าน"

คุณแม่น้องปัณณ์ปัณณ์ การสะสมทุนชีวิตของแต่ละคนอาจมีวิธีการต่างกัน แต่เป้าหมายเดียวกันคือ "อุ้มชูตัวเองได้" นีคือจุดสำคัญครับ ยังระลึกถึงน้องๆ อยู่เสมอครับ

เป็นสวนตั๋วอย่างของผมเลยครับ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท