...กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และ พระอรหันตธาตุ...
.
.
.
.
.
"รัตนะที่ประเสริฐสุดในพระพุทธศาสนา
คือพระรัตนตรัย
หนึ่งในนั้น คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ปูชนียวัตถุมากมายถูกสร้างขึ้น
เพื่อระลึกถึงพระองค์
แต่พระบรมสารีริกธาตุ
เป็นปูชนียวัตถุเพียงสิ่งเดียว
ที่บังเกิดจากพระวรกายของพระองค์"
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่วัดราษฎร์ศรัทธา
(วัดท้ายดอน)ที่อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรีมาครับ
พอดีเพิ่งมีโอกาสได้อ่านหนังสือ เรื่อง พระบรมสารีริกธาตุ
ของท่านอาจารย์ ทศพล จังพานิชย์กุล ก็เลยได้ทราบว่าที่เมืองไทย
มีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่หลายแห่ง แต่ที่ชลบุรี
เราสามารถไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุได้ 2 แห่งครับ คือ ที่วัด
ญาณสังวราราม อำเภอบางละมุง และ อีกแห่งคือที่ วัดท้ายดอน
อำเภอเมืองครับ
พระอุโบสถหลังเก่าวัดท้ายดอนที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ
ด้านล่างสามารถลอดผ่านพระอุโบสถได้
ในครั้งนี้ผมมาที่วัดท้ายดอนก่อนครับ
เพราะมาซื้อของแถวศรีราชาพอดี การเดินทางก็สะดวกครับ ถ้ามาจากกรุงเทพ
ก็มาทางถนนสุขุมวิทครับ แล้วเลยตลาดหนองมนมาสัก 1
กิโลเมตรก็จะเห็นซุ้มประตูวัดอยู่ทางซ้ายครับ
สังเกตง่ายๆจะเห็นโบสถ์หลังใหม่ขนาดใหญ่ เห็นได้ชัดจากถนนสุขุมวิทครับ
พระบรมสารีริกธาตุนั้นจะประดิษฐานอยู่ที่พระอุโบสถหลังเก่าครับ
ซึ่งใต้โบสถ์
ผู้มาสักการะสามารถลอดผ่านใต้โบสถ์ที่พระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ได้ด้วยครับ
เพื่อความเป็นสิริมงคลครับ ภายในพระอุโบสถนอกจากจะมีพระบรมสารีริกธาตุ
แล้ว
ยังมีพระอรหันตธาตุของพระอริยสงฆ์หลายพระองค์ให้กราบสักการะด้วยครับ
ภายในพระอุโบสถที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ
สุดท้ายนี้ขอนำข้อมูลเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุมาฝากครับ...
"พระบรมสารีริกธาตุ" คือ
พระธาตุส่วนย่อยที่บังเกิดแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเฉพาะ
มิได้เป็นคำที่ใช้เรียก พระธาตุของพระอรหันตสาวก
หรือพระธาตุเจดีย์ต่างๆ (บางทีอาจใช้คำว่า "พระบรมธาตุ" หรือ
"พระสารีริกธาตุ" แทนได้)
ประเภทของพระบรมสารีริกธาตุ
เนื่อง จากพระบรมสารีริกธาตุที่พบเกือบทั้งหมดในปัจจุบัน
มีความแตกต่างจากอัฐิของบุคคลธรรมดาทั่วไปอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตามยังพบลักษณะของพระบรมสารีริกธาตุที่มีลักษณะเหมือนกระดูกคน
เช่นกัน เท่าที่พบเห็นได้ตามพระธาตุเจดีย์ทั่วไป
หรือตามพิพิธภัณฑสถานต่างๆ ทั่วโลก สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ
ได้แก่
พระบรมสารีริกธาตุ ลักษณะ
'พระธาตุ'
พระบรมสารีริกธาตุลักษณะนี้ พบมากในประเทศศรีลังกา ไทย จีน พม่า ฯลฯ
มีลักษณะตรงหรือใกล้เคียงตามลักษณะที่ปรากฏใน อรรถกถาสุมังคลวิลาสินี
ในประเทศไทยมีประดิษฐานอยู่ที่พระธาตุเจดีย์ ตามวัดต่างๆทั่วไป
พระบรมสารีริกธาตุ ลักษณะ
'กระดูกคน'
พระบรมสารีริกธาตุลักษณะนี้ พบเฉพาะเขตโบราณสถานในประเทศอินเดีย
สำหรับในประเทศไทย รัฐบาลอังกฤษได้มอบให้แก่ประเทศไทย 2 ครั้ง
ครั้งแรกพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯให้ประดิษฐานอยู่ ณ เจดีย์ภูเขาทอง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
และครั้งที่ 2 รัฐบาลได้อัญเชิญไปประดิษฐาน ณ เจดีย์วัดพระศรีมหาธาตุฯ
บางเขน
พระบรมสารีริกธาตุสัณฐานต่างๆ
(เพียงบางสัณฐาณเพราะพระบรมสารีริกธาตุมีหลากหลายสัณฐาณ)
คุณลักษณะของพระบรมสารีริกธาตุ
คุณลักษณะของพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ
ที่พบเห็นได้ทั่วไปในปัจจุบัน
และได้รับการยอมรับจากพุทธศาสนิกชนและพระภิกษุสงฆ์โดยทั่วไป
พบว่ามีลักษณะที่มองจากภายนอกคร่าวๆได้ดังนี้
- มีด้วยกันหลายสี ตั้งแต่ใสดั่งแก้วจนกระทั่งขุ่น
สีขาวดุจสีสังข์ สีทอง สีดำ สีชมพู สีแดง ฯลฯ
- มีหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ ลักษณะเมล็ดข้าวสาร พันธุ์ผักกาด
เมล็ดถั่วแตก แก้วใส ฯลฯ
- สามารถเสด็จมาเพิ่มจำนวนขึ้นหรือลดลงได้เอง
ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของพระธาตุ
- เปลี่ยนขนาดและสีสันเองได้
- ส่วนมากมักมีน้ำหนักค่อนข้างเบา เมื่อเทียบกับขนาด
พระบรมสารีริกธาตุลักษณะต่างๆ
อรรถกถาสุมังคลวิลาสินี ซึ่งเป็นคัมภีร์อธิบายความพระสูตรทีฆนิกาย
ในพระสุตตันตปิฎกนั้น
พระอรรถกถาจารย์ได้แบ่งลักษณะของพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น 2
ลักษณะใหญ่ๆ คือ
1.นวิปฺปกิณฺณา ธาตุ คือ
พระบรมสารีริกธาตุที่ยังคงรูปร่างเดิมอยู่เป็นชิ้นเป็นอัน
มิได้แตกย่อยลงไป มีทั้งหมด 7 องค์ ได้แก่ พระนลาฏ (กระดูกหน้าผาก)
1องค์ พระเขี้ยวแก้ว 4 องค์ และพระรากขวัญ (กระดูกไหปลาร้า) 2
องค์
2.วิปฺปกิณฺณา ธาตุ คือ
พระบรมสารีริกธาตุส่วนต่างๆขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่มิได้คงรูปร่างอยู่เป็นชิ้น แต่แตกย่อยลงเป็นเป็นจำนวนมาก
กระจายไปประดิษฐานตามสถานที่ต่างๆ
ซึ่งพระอรรถกถาจารย์ท่านได้จำแนกลักษณะและขนาดของพระบรมสารีริกธาตุชนิด
วิปฺปกิณฺณา ธาตุ ต่อไปอีกดังนี้ เมื่อพิจารณาจากลักษณะภายนอก
แบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
1. (สี)เหมือนดอกมะลิตูม
(สีพิกุล)
[อรรถกถาบาลีว่า สุมนมกุลสทิสา]
ท่านว่าพระบรมสารีริกธาตุลักษณะนี้ ตวงได้ 6 ทะนาน
2.
(สี)เหมือนแก้วมุกดาที่เจียระไนแล้ว (สีผลึก)
[อรรถกถาบาลีว่า โธตมุตฺตสทิสา]
ท่านว่าพระบรมสารีริกธาตุลักษณะนี้ ตวงได้ 5 ทะนาน
3. (สี)เหมือนจุณ หรือ ผงทองคำ
(สีทองอุไร)
[อรรถกถาบาลีว่า สุวณฺณจุณฺณา]
ท่านว่าพระบรมสารีริกธาตุลักษณะนี้ ตวงได้ 5 ทะนาน
และเมื่อพิจารณาจากขนาด ท่านแบ่งได้เป็น 3 ขนาด ได้แก่
1.ขนาดเล็ก
ประมาณเมล็ดพันธุ์ผักกาด
[อรรถกถาบาลีอธิบายว่า สพฺพขุทฺทกา ธาตุ สาสปวีชมตฺตา]
บางท่านก็เรียกว่า พระบรมสารีริกธาตุลักษณะเมล็ดพันธุ์ผักกาด
*บางตำราระบุว่าพระบรมสารีริกธาตุขนาดนี้จะมีสีดั่งมะลิตูม
2.ขนาดเขื่อง คือมีขนาดใหญ่ขึ้นมา
ประมาณเมล็ดข้าวสารหักกึ่ง
[อรรถกถาบาลีอธิบายว่า มหาธาตุ มชฺเฌ ภินฺนตณฺฑุลมตฺตา]
บางท่านก็เรียกว่า พระบรมสารีริกธาตุลักษณะข้าวสาร
*บางตำราระบุว่าพระบรมสารีริกธาตุขนาดนี้จะมีสีดั่งแก้วมุกดา
3.ขนาดใหญ่ คือมีขนาดใหญ่ที่สุด
ประมาณเมล็ดถั่วเขียวผ่ากลาง
[อรรถกถาบาลีอธิบายว่า อติมหตี มชฺเฌ ภินฺนมุคฺคามตฺตา]
บางท่านก็เรียกว่า พระบรมสารีริกธาตุลักษณะเมล็ดถั่ว
*บางตำราระบุว่าพระบรมสารีริกธาตุขนาดนี้จะมีสีดั่งทองอุไร
ที่มา : ข้อมูลจาก
http://www.relicsofbuddha.com
ภาพพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานต่างๆจาก
gotoknow.org/file/patumariya/Bd002.jpg